บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1327

บทที่ 1327 ความลับในการบรรลุเต๋า และกลายเป็นเทพ

บทที่ 1327 ความลับในการบรรลุเต๋า และกลายเป็นเทพ

ปิ่นปักผมวิญญาณวิหคอมตะชิ้นนี้ เป็นสมบัติที่หายากอย่างยิ่ง และเปี่ยมไปด้วยปราณมงคล

เฉินซีสามารถสัมผัสได้ถึงปราณมงคลที่บริสุทธิ์และหนาแน่นที่ปะทะเข้ากับใบหน้าของเขาจากระยะไกล มันทำให้จิตใจและหัวใจของเขาผ่อนคลาย หากสวมมัน ย่อมสามารถรวบรวมโชคลาภและปัดเป่าอันตรายได้อย่างแน่นอน

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีรู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย เพราะเมื่อใครคนหนึ่งได้บรรลุขอบเขตราชันเซียน อายุขัยของคนคนหนึ่งจะยืนยาวจนแทบเป็นนิรันดร์ แล้วเหตุใดพวกถึงต้องจดจำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นวันเกิดด้วย?

ยิ่งไปกว่านั้น จากท่าทางของเตียนเตี้ยน สืออวี๋และเซียงหลิวหลี ดูเหมือนว่าพวกเขาจะให้ความสำคัญกับมันมาก

“ขอบคุณพี่รัตติกาล” เซียงหลิวหลีรับปิ่นปักผมหยกสีทองสดใส และยิ้มด้วยความยินดี

“เดิมทีข้าตั้งใจจะให้ของขวัญเจ้าในภายหลัง แต่ดูเหมือนว่าข้าจะทำได้เพียงตอนนี้เท่านั้น” ทันทีที่สิ้นคำ สืออวี๋พลันพลิกมือขึ้น เรียกไข่มุกที่โปร่งแสงและคล้ายหยกปรากฏบนฝ่ามือของเขา มันมีขนาดเท่ากำปั้นของทารก รัศมีศักดิ์สิทธิ์วงแล้ววงเล่าลอยล่องอยู่ภายในนั้น และรัศมีเหล่านี้ก็ผสมผสานเข้าด้วยกัน กลายเป็นสัญลักษณ์โบราณทั้งสาม ได้แก่ พรมงคล โชคลาภ และอายุยืนยาว

ทันทีที่ไข่มุกนี้ปรากฏขึ้น มันก็เปล่งรัศมีที่น่าตกใจทั้งสามออกมา หนึ่งคือรัศมีแห่งพรมงคล สองคือรัศมีแห่งความโชคลาภ และสุดท้ายคือรัศมีแห่งอายุยืนยาว รัศมีทั้งหมดส่องแสงเจิดจ้าและมาบรรจบกันกลางอากาศ มันปลดปล่อยมวลดอกไม้ที่มีสีใส สีทอง และสีดำปกคลุมฟ้าดิน กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์โชยออกมากระทบจมูก อีกทั้งยังมีเสียงของธรรมชาติเล็ดลอดออกมาเบา ๆ ขณะที่พวกมันค่อย ๆ แพร่กระจายไปยังบริเวณโดยรอบ

เฉินซีตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสมบัติอันล้ำค่าที่บรรจุพลังแห่งโชคลาภ ความเพลิดเพลิน และอายุยืนยาวได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสมบัติที่ไม่มีใครเทียบได้

วันเกิดปีนี้ไม่ฉลองใหญ่โตเกินไปหน่อยหรือ?

หากเป็นเช่นนี้ทุกปี ราชันเซียนเซียงหลิวหลี่คงไม่สามารถรับของขวัญจากนางได้หมด…

“ฮ่า ฮ่า ข้ารู้ว่าพี่สืออวี๋ คงเตรียมอะไรบางอย่างไว้นานแล้ว ไข่มุกมงคลสามประการนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่อยู่ในมือของจ้าวแห่งพิภพแสงสมบัติจากนอกพิภพ หรือว่าเจ้าสังหารช้างโง่ตัวนั้นแล้ว?” เตียนเตี้ยนดูเหมือนจะจมอยู่กับความคิด ขณะมองไปที่สืออวี๋

ในทางกลับกัน เมื่อเฉินซีได้ยินสิ่งนี้ ชายหนุ่มจำได้ว่าเมื่อตอนเข้าร่วมในการทดสอบในสมรภูมินอกภพในวันนั้น เขาสังเกตเห็นราชันเซียนต่อสู้กับช้างหยกดำขนาดมหึมาในส่วนลึกของแม่น้ำที่แยกภพเซียนและนอกพิภพออกจากกัน โดยแค่โบกมือ ดวงดาวก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จวนดับสูญ และเหตุการณ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเฉินซีจวบจนบัดนี้

เมื่อเขาหวนคิดถึงเรื่องนี้ เฉินซีก็ตระหนักได้ในบัดดล

ราชันเซียนในวันนั้นอาจเป็นสืออวี๋ ศิษย์อันดับหนึ่งของตำหนักเต๋าหนี่หวากระมัง?

“เจ้าฆ่าช้างดำตัวนั้นจริง ๆ หรือ?” เซียงหลิวหลีถือไข่มุกด้วยมือทั้งสองข้าง พลางจ้องมองสืออวี๋อย่างมีความสุข

สืออวี๋เหลือบมองเฉินซี ก่อนจะกล่าวอย่างจนปัญญา “ประมาณนั้น”

วันนั้นในสมรภูมินอกพิภพ หลี่ฝูเหยา ศิษย์พี่สามแห่งเขาเทพพยากรณ์ ได้หยุดเขาจากการแย่งชิงสมบัติของเฉินซี และเพื่อเป็นการชดใช้ให้กับโชคลาภที่เสียไป หลี่ฝูเหยาได้สังหารจ้าวแห่งพิภพแสงสมบัติ ซึ่งคือ จักรพรรดิดำคชสารอเวจี ก่อนจะมอบไข่มุกนี้ให้กับตน

เป็นเพราะเหตุนี้เอง ทำให้สืออวี๋อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่เล็กน้อย แม้ว่าเขาจะมอบสมบัติให้กับนาง แต่สมบัติชิ้นนี้ไม่ได้มันมาด้วยตนเอง ดังนั้นจึงรู้สึกเสียใจเป็นธรรมดา

“หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร” เซียงหลิวหลียิ้มเบา ๆ และมีความสุขอย่างมาก ดวงตาที่สุกใสเต็มไปด้วยคลื่นอารมณ์เสน่หา

ในที่สุดเฉินซีก็เข้าใจทุกสิ่ง ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างสืออวี๋และเซียงหลิวหลี ทั้งคู่อาจกลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียรเมื่อนานมาแล้ว

แต่หลังจากนั้น เฉินซีก็ไม่กล้าปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านต่อไป เพราะใคร ๆ ก็มอบของขวัญวันเกิดให้แก่นาง ดังนั้นเขาควรมอบของขวัญบางอย่างเช่นกัน แต่… ข้าเป็นเพียงเซียนทองคำ แล้วราชันเซียนจะพึงพอใจกับของขวัญของข้าหรือ?

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะลังเลเล็กน้อย

“ไม่ใช่ว่าเราได้รวบรวมวัตถุดิบเซียนมากมายตลอดทางหรอกหรือ? ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นปรมาจารย์พ่อครัววิญญาณขั้นสุดยอด ไยไม่ทำอาหารเสียตอนนี้ แล้วถือว่ามันเป็นของขวัญวันเกิดให้แก่แม่นางหลีล่ะ” เตียนเตี้ยนยิ้มพลางแนะนำ คล้ายอ่านความคิดของชายหนุ่มออก

ทันทีที่สิ้นคำ สืออวี๋และเซียงหลิวหลีก็ตกตะลึงทั้งคู่ จากนั้นพวกเขาก็เข้าใจสถานการณ์ที่เฉินซีเผชิญอยู่ในขณะนี้ ทำให้ทั้งคู่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ใช่แล้ว เช่นนั้นข้าคงต้องขอลองชิมฝีมือทำอาหารของน้องชายเฉินซีสักครั้งแล้ว” เซียงหลิวหลีใจดีมากและไม่ได้ทำให้ผู้ใดต้องอับอาย

นี่นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกัน แม้ว่านางจะเป็นถึงราชันเซียน แต่ก็ยังต้องไว้หน้าให้กับราชันเซียนรัตติกาล จึงไม่อาจทำให้เฉินซีอับอายได้

“เอาละ เราจะลิ้มรสการทำอาหารของพี่เฉินซีกัน” สืออวี๋หัวเราะอย่างเบิกบานใจ การที่ศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ทำอาหารให้กับพวกตนนั้น ถือว่าเป็นความสุขที่หาได้ยากยิ่ง หากจะกล่าวว่ามันเป็นดั่งวาสนาก็ไม่เกินไปนัก

เพราะอย่างที่รู้กันว่าเหล่าศิษย์จากเขาเทพพยากรณ์นั่นภูมิใจในตัวเองอย่างยิ่ง จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้พวกเขาต้องลดตัวลงมาทำอาหารให้ผู้อื่น

แต่แน่นอนว่า สืออวี๋ไม่ได้มีเจตนาร้ายใด ๆ มีเพียงความปรารถนาที่คล้ายกับ การแสวงหาสิ่งแปลกใหม่เท่านั้น

เฉินซีย่อมไม่อาจเดาความคิดของเซียงหลิวหลีและสืออวี๋ได้เป็นธรรมดา และคำแนะนำของเตียนเตี้ยนก็นับว่าเข้าท่าทีเดียว ดังนั้นเมื่อเห็นว่าราชันเซียนทั้งสามดูตั้งตารอกับทักษะการทำอาหารของเขามาก จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย

คงไม่มีปรมาจารย์พ่อครัววิญญาณขั้นสุดยอดคนใดในโลกนี้ ที่สามารถปรุงอาหารให้กับราชันเซียนทั้งสามคนเป็นการส่วนตัวได้…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]