ตอน บทที่ 1344 สถานการณ์พลิกผันต่อเนื่อง จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1344 สถานการณ์พลิกผันต่อเนื่อง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่เขียนโดย novelones เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 1344 สถานการณ์พลิกผันต่อเนื่อง
บทที่ 1344 สถานการณ์พลิกผันต่อเนื่อง
เจี้ยงหลิงเซียวล่วงรู้ถึงแผนการของซุ่ยเหรินถิงอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่พวกเขาผ่านข้อจำกัดทวยเทพหลังจากที่เข้าตำหนักบรรลุเทพ ก็จะใช้วิชาลับโกลาหลบางอย่างของนิกายอำนาจเทวะ สาดเลือดสังเวยไว้เพื่อเปิดใช้พลังขั้นสูงสุดของข้อจำกัดที่พวกเขาผ่านไป
ตอนนี้พวกเขาผ่านมาได้สามสิบสี่ข้อจำกัดแล้ว ใช้สมบัติศักดิ์สิทธิ์ไปสามสิบสี่ชิ้นด้วยกัน!
แม้ว่านิกายอำนาจเทวะจะมีรากฐานยาวนาน มีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ไม่ขาดมือ แต่การต้องเสียจำนวนมากไปในคราวเดียวเช่นนี้ก็ยังทำให้เจี้ยงหลิงเซียวรู้สึกเสียดายอยู่ดี
สมบัติศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่เหนือกว่าสมบัติอมตะระดับว่างเปล่าเสียอีก!
“เสียไปหนักหนาขนาดนั้นคุ้มแล้วหรือ?” เจี้ยงหลิงเซียวถามขึ้นระหว่างทำสมาธิฟื้นพลัง
“หากกำจัดศัตรูได้ก็คุ้มแล้วไม่ใช่หรือ?” ซุ่ยเหรินถิงเอ่ยเสียงเรียบ “อีกทั้งสมบัติศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ก็ได้มาจากพวกคนนิกายยุคแรกกำเนิดที่ตายมาตามทาง ถึงใช้หมดก็ไม่นับว่าเราเสียอะไรไปหรอก”
เจี้ยงหลิงเซียวชะงัก จากนั้นเงียบไป
ซุ่ยเหรินถิงคล้ายนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “ตั้งแต่ข้อจำกัดแรกจนถึงตอนนี้เราใช้เวลาไปเท่าไหร่แล้ว?”
“เกือบแปดชั่วยาม” เจี้ยงหลิงเซียวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ
“ค่อนข้างช้านะ” ซุ่ยเหรินถิงมุ่นคิ้วเล็กน้อย “หลายปีก่อนตอนเจ้านิกายมาที่นี่ ใช้เวลาเพียงหกชั่วยามเอง”
เจี้ยงหลิงเซียวชะงักไป จากนั้นก็ยิ้มให้แต่ในใจคิดว่า เอาตัวเองไปเทียบกับเจ้านิกายเมื่อหลายปีก่อน? น่าขันสิ้นดี
“ไม่แน่ว่าพอเราพบวิธีขึ้นเป็นเทพและทะลวงขอบเขตราชันเซียนไปได้ ก็คงตามรอยเจ้านิกายไปได้กระมัง…” ซุ่ยเหรินถิงไม่เห็นแววความเฉยเมยในสีหน้าเจี้ยงหลิงเซียว ยิ่งพูดจบสีหน้าเขาก็ยิ่งมีความมุ่งมั่นขึ้น
เจ้านิกายอำนาจเทวะ!
ตัวตนทรงพลังที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล!
…
ครืน!
ข้อจำกัดราชันยุทธ์ถูกทำลายจนเปิดออก หลายเงาร่างสภาพดูไม่ได้กระโจนออกมาจากภายใน
“บัดซบ! เกิดอะไรขึ้นกัน? ข้อจำกัดราชันยุทธ์มันแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? แต่ก่อน หลังคนจากตำหนักเต๋าหนี่หวาถูกราชันยุทธ์ที่ ‘แกร่งที่สุด’ โจมตีอุปสรรคที่เราเจอมักจะเป็นตัวที่อ่อนแอที่สุดไม่ใช่หรือ แต่ตอนนี้เรากลับเสียไปถึงสองคนแล้ว!” อี้หรานเฟิงอยู่ในสภาพน่าสมเพช ใบหน้าซีดขาว เผยสีหน้าไม่น่ามองออกมา หว่างคิ้วเจือแววหวาดกลัว
ด้านข้างเขา ซุนอู๋เหิ่นและคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าแบบเดียวกัน เหมือนเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตการณ์มาได้
เดิมทีพวกเขาคิดว่าหากตามคนจากตำหนักเต๋าหนี่หวาเข้าตำหนักบรรลุเทพไป เช่นนั้นพลังของข้อจำกัดของทวยเทพก็คงจะอ่อนแอลงแน่
ไม่คิดเลยว่าแค่เจอกับข้อจำกัดแรกกลับต้องเสียสมาชิกไปถึงสองคน!
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น กระทั่งคนที่อยู่ขอบเขตราชันเซียนกลับยังรู้สึกเยือกเย็นในใจ เพราะราชันยุทธ์ผู้นั้นมีพลังสะท้านฟ้ายิ่งนัก!
ตอนนี้เหลือพวกเขากันอยู่แค่สี่คน รวมถึงอี้หรานเฟิงกับซุนอู๋เหิ่นด้วย!
แต่พวกเขาเพิ่งผ่านข้อจำกัดตำหนักบรรลุเทพมาได้เพียงขั้นแรกจากทั้งหมดสามสิบหกขั้น…
“เรากลับไปตั้งหลักก่อนดีหรือไม่? ข้อจำกัดของทวยเทพครั้งนี้เหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปเกินคาด โอกาสเราเหลือน้อยยิ่งนัก” คนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบาเหมือนยอมแพ้
“ไม่แน่ว่าข้อจำกัดที่สอง ข้อจำกัดอสรพิษจ้าววิญญาณ อาจจะไม่ได้แกร่งเหมือนกันก็เป็นได้ ข้าว่าลองอีกสักครั้งดีกว่า” อีกคนหนึ่งกลับยังไม่อยากยอมแพ้เท่านี้
สุดท้ายก็เป็นอี้หรานเฟิงที่เป็นคนตัดสินใจให้ลองดูอีกครั้ง หากข้อจำกัดอสรพิษจ้าววิญญาณยังแกร่งเหมือนข้อจำกัดแรก พวกเขาก็จะขอถอนตัวออกจากการต่อสู้แย่งชิงความลับการขึ้นเป็นเทพครั้งนี้เสีย
เพราะเมื่อเทียบกับความลับการขึ้นเป็นเทพแล้ว พวกเขาก็ยังรักชีวิตตัวเองมากกว่า
เพราะหากไม่รอดชีวิต แล้วจะหาทางขึ้นเป็นเทพได้อย่างไร?
…
บนทางเดินหินที่ทอดตัวยาวดูไร้จุดสิ้นสุดนั้น
สืออวี๋และคนอื่น ๆ ยืนคิดกันหัวแทบแตก แต่ก็คิดอะไรไม่ออกเลย ได้แต่ต้องพึ่งโชคชะตาเท่านั้น
พวกเขาจะไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ รีบมุ่งหน้าไปยังข้อจำกัดที่สามภายใต้การนำของสืออวี๋ทันที
ฟึบ!
ใต้หล้าพลันกลับตาลปัตร เพราะภาพตรงหน้าพลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง
กลุ่มของพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกทีภายในหุบเหวลึกดำสนิทที่โอบล้อมไปด้วยหมอกสีดำ แม้จะเป็นสืออวี๋กับพวก แต่พวกเขาก็สามารถสัมผัสพื้นที่รอบกายในรัศมีได้น้อยกว่าพันลี้เท่านั้น
ฟิ้ว!
ศรศักดิ์สิทธิ์คมกริบดอกหนึ่งกรีดผ่านฟ้าทำลายม่านหมอกดำเข้ามา เป็นดั่งเส้นพลังกรีดผ่านนภาพุ่งเข้ามาประหนึ่งสายฟ้าฟาด
มันรวดเร็วนัก!
เร็วจนกระทั่งเฉินซีที่เพิ่งลืมตา ไม่มีจังหวะได้รับมือสักนิด
จากนั้นก็ได้ยินเสียงลั่นครืนอยู่ข้างหู สั่นสะท้านจนเขานิ่งไป แก่นโลหิตในกายเดือดพล่าน
“หุบเหวตะวันหล่น!”
เขาเหวี่ยงขวานขนาดใหญ่ไปคราวเดียว ทายาทเทพอสูรมหาโฮ่วอี้จำนวนมากก็ถูกสังหารในพริบตา เป็นดั่งลมกรดที่บุกทะลวงฝ่าไปได้ทุกอย่าง
เห็นดังนี้ สืออวี๋และคนอื่น ๆ จึงมองตากัน ลงมือฉับพลันทันที
ใช้เวลาเพียงสี่ชั่วยาม พวกเขาก็เดินทางออกจากข้อจำกัดมหาโฮ่วอี้ได้สำเร็จ!
ความรวดเร็วในการผ่านข้อจำกัดเช่นนี้ ทำให้สืออวี๋และคนอื่น ๆ รู้สึกแทบไม่อยากเชื่อ ได้แต่ยืนงงอยู่บนทางเดินหินพักหนึ่ง
เฉินซีเผยรอยยิ้มคลุมเครือที่มุมปาก ได้รับความช่วยเหลือจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากเช่นนี้ ทำให้เขาได้ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งพายุขั้นสมบูรณ์ตอนอยู่ภายในข้อจำกัดมหาโฮ่วอี้!
อีกทั้งความเปลี่ยนแปลงเกินคาดภายในชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากยังเริ่มทำให้เฉินซีรู้สึกประหลาดใจเมื่อเข้ามาในตำหนักบรรลุเทพ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นแดนโลหิตสังหารเทพหรือตอนกำลังข้ามเส้นทางสุสานราชันเซียน ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากฉวยเอาไข่มุกวิญญาณเต๋ากับใจปราชญ์แห่งราชันเซียนที่ได้มาไปตลอด
แต่ตอนนี้ การตื่นขึ้นของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากกลับเป็นเหมือนการ ‘ชดใช้’ ให้เขา
เป็นความรู้สึกที่น่าทึ่งเหลือเกิน!
หลังจากที่ตอนแรกรู้สึกพิศวงงุนงงไปหมด ในที่สุดเฉินซีก็สงบสติอารมณ์ลงได้และยอมรับมัน แต่ก็ยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ดี
“ไปกันเถอะ หวังว่าโชคจะยังดีเช่นนี้ต่อไปนะ…” สืออวี๋และคนอื่น ๆ ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะปรึกษากันอยู่สักพักหนึ่ง แต่ก็ยังคิดหาสาเหตุไม่ออก จึงได้แต่ระงับความสงสัยในหัวใจไว้แล้วมุ่งหน้าเข้าสู่ข้อจำกัดทวยเทพถัดไป
ข้อจำกัดที่สี่ ข้อจำกัดถ้ำมังกร
ข้อจำกัดที่ห้า ข้อจำกัดวิหคเพลิงแผดเผา
ข้อจำกัดที่หก ข้อจำกัดเซี่ยจื้อ*[1]
…
เมื่อผ่านข้อจำกัดไปเรื่อย ๆ ก็สามารถทำความเร็วและทำเวลาได้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขนาดที่สืออวี๋และพวกรู้สึกว่าไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรเลยด้วยซ้ำ
พวกเขารู้สึกประหลาดใจยิ่งขึ้น ไม่รู้ว่ามาผิดทางหรือไม่… นี่ใช่ทางไปตำหนักบรรลุเทพจริง ๆ หรือ?
กลับกันแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา เฉินซีได้ประโยชน์ครั้งแล้วครั้งเล่า บรรลุตราศักดิ์สิทธิ์แห่งซากดารา ตราศักดิ์สิทธิ์ไท่จี๋ ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งนิจกาล และตราศักดิ์สิทธิ์เกิดดับได้อย่างสมบูรณ์!
ทว่าน่าเสียดายที่ตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติยังคงอยู่ระดับสี่ กระแสห้วงมิติ ไม่ได้รับประโยชน์ใดจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากเลย
ทำให้เฉินซีสับสนอยู่เล็กน้อย
เมื่อเฉินซีเข้าสู่ข้อจำกัดที่แปด ข้อกำจัดการทำลายล้าง ชายหนุ่มก็ไม่ได้รับประโยชน์ใดอีก แต่กลับปลุกชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากภายในห้วงจิตสำนึกขึ้นมาจนถึงจุดที่พลังเข้มข้นที่สุดนับตั้งแต่ที่เข้าตำหนักบรรลุเทพมา
เมื่อกลุ่มของพวกเขาเดินออกจากข้อจำกัดที่แปด ภายในจิตใจเฉินซีก็มีแต่เสียงหึ่ง ๆ ในร่างแผ่พลังผันผวนประหลาดออกมาทันใด ทำให้สีหน้าของสืออวี๋และคนอื่น ๆ เปลี่ยนไปทันที
[1] เซี่ยจื้อ เป็นสัตว์ในเรื่องปรัมปราของเอเชียตะวันออก สามารถแยกแยะถูกผิดได้โดยสัญชาตญาณ จึงถือกันเป็นสัญลักษณ์แห่งกระบวนการยุติธรรม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...