บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1347

สรุปบท บทที่ 1347 เทวาคารบรรลุเทพ: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

ตอน บทที่ 1347 เทวาคารบรรลุเทพ จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1347 เทวาคารบรรลุเทพ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่เขียนโดย novelones เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 1347 เทวาคารบรรลุเทพ

บทที่ 1347 เทวาคารบรรลุเทพ

โอม~

ความผันผวนจากข้อจำกัดที่สามสิบหก ได้ดึงดูดความสนใจของสืออวี๋และคนอื่น ๆ เช่นกัน

“บัดซบ! พวกมันฝ่าข้อจำกัดได้แล้ว!”

สืออวี๋ขมวดคิ้วขณะที่แววตาทอประกายเคร่งเครียด ฉากนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป พวกเขาเพิ่งมาถึงที่นี่ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา แต่ซุ่ยเหรินถิงและเจี้ยงหลิงเซียวก็ฝ่าข้อจำกัดได้แล้ว!

“ชักช้าไม่ได้แล้ว รีบไปกันเถอะ!” เซียงหลิวหลีก็ตัดสินใจอย่างไม่ลังเล

ตามคำแนะนำของเตียนเตี้ยนก่อนหน้านี้ สืออวี๋ มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ และนางจะออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อนเพื่อไล่ตามนิกายอำนาจเทวะ ในขณะที่เตียนเตี้ยนจะคุ้มครองเฉินซีที่กำลังทะลวงขอบเขตอยู่ที่นี่

นี่คือสิ่งที่พวกเขาตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของซุ่ยเหรินถิงและเจี้ยงหลิงเซียวหายไปจากภายในข้อจำกัดอันศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ไม่กล้าเสียเวลาอีกต่อไป

ทว่าก่อนที่สืออวี๋จะสำแดงพลังของศิลาเบญจรงค์ เฉินซีที่กำลังทะลวงขอบเขตพลันลุกยืนขึ้น ทั้งยังมีความผันผวนที่ไร้รูปร่างและแปลกประหลาดแผ่ออกมาจากร่างกายพัดโหมไปทั่วบริเวณโดยรอบ

ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเฉินซีซึ่งอยู่ระหว่างการทะลวงขอบเขต จะเดินเข้าสู่ข้อจำกัดศักดิ์สิทธิ์ที่สามสิบหก!

และแน่นอนว่าไม่มีใครเคยเห็นสิ่งที่ขัดกับความรู้ความเข้าใจเช่นนี้มาก่อน!

การทะลวงขอบเขตนับเป็นช่วงเวลาเป็นตาย หากถูกรบกวนเพียงเล็กน้อย อาจทำให้เขาทุกข์ทรมานจากปราณหักเหหรือถึงขั้นพินาศ แต่เวลานี้เฉินซีกลับก้าวเข้าสู่ข้อจำกัดสุดท้ายในขณะที่กำลังทะลวงขอบเขต!

ทว่าสิ่งที่พวกเขาไม่ทราบก็คือ เฉินซีได้บรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์มานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีเวลาพอที่จะหลอมรวมการบ่มเพาะ ก่อนที่กลิ่นอายจะถูกห่อหุ้มด้วยพลังของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ทำให้จิตและวิญญาณตกอยู่ในสภาวะที่แปลกประหลาดนั้นอีกครั้งหนึ่ง

แต่ไม่ว่าจะประหลาดใจและงงงวยเพียงใด หลังจากที่สืออวี๋และคนอื่น ๆ สังเกตเห็นว่า เฉินซีไม่ได้แสดงอาการทรมานจากปราณแตกซ่าน พวกเขาจึงรู้สึกยินดีจนสุดใจ

เนื่องจากการฝ่าข้อจำกัดสุดท้ายภายใต้การนำของเฉินซี ย่อมประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น

แม้จะช้ากว่าซุ่ยเหรินถิงและเจี้ยงหลิงเซียวอยู่หนึ่งก้าว แต่ก็เพียงพอที่จะชดเชยช่องว่างนี้ เพราะหากต้องฝ่าข้อจำกัดด้วยตนเอง มันอาจเสียเวลามากกว่าที่ประเมินไว้

และทุกอย่างก็เป็นไปตามที่สืออวี๋และคนอื่น ๆ คาดไว้ ภายใต้การนำของเฉินซี พวกเขาฝ่าข้อจำกัดสุดท้ายโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ ร่างของพวกเขาเปล่งประกาย ก่อนจะปรากฏตัวภายในห้วงมิติอันวุ่นวายซึ่งกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต

มีเพียงแท่นบูชาที่ตั้งตระหง่านอยู่ในห้วงมิตินี้

มันสูงตระหง่านเทียมฟ้าและเป็นสีดำสนิท เหมือนทางเดินที่นำไปสู่โลกภายนอกของทั้งสามภพ

แท่นบูชานี้ดูเคร่งขรึม เงียบสงบ และเก่าแก่มาก คล้ายตั้งตระหง่านอยู่ที่นี่มานานนับล้านปี และเมื่อมองจากระยะไกล ก็ทำให้เกิดความเคารพและความภักดีอยู่ในใจของผู้พบเห็น

เหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทำให้ร่างกายของสืออวี๋ เซียงหลิวหลี เตียนเตี้ยน และมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์สั่นสะท้าน ดวงตาเปล่งประกายอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นและความสุขได้อีกต่อไป

เทวาคารบรรลุเทพ!

ในที่สุดก็มาถึง!

จากแดนโลหิตสังหารเทพ สู่ห้วงมิติอันไร้ขอบเขตที่เรียกว่าสุสานราชันเซียน สู่ตำหนักบรรลุเทพ และสุดท้ายก็ผ่านข้อจำกัดของทวยเทพทั้งสามสิบหกประการ พวกเขาต้องเผชิญกับอันตรายและหายนะนับไม่ถ้วน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเทวาคารบรรลุเทพได้อย่างปลอดภัย ก้าวต่อไปคือการค้นหาเคล็ดวิชาลับเพื่อบรรลุเต๋าและกลายเป็นเทพ!

“ดูนั่นสิ!” ทันใดนั้น เซียงหลิวหลีก็กล่าวขึ้นมาพร้อมกับชี้นิ้วไปที่เทวาคารบรรลุเทพซึ่งอยู่ไกลออกไป

เมื่อพวกเขามองไปยังทิศทางนั้น สืออวี๋และคนอื่น ๆ สังเกตเห็น ร่างสองร่างที่ด้านล่างของเทวาคารบรรลุเทพ ซึ่งกำลังไต่ขึ้นไปทีละขั้น สองร่างนั้นคือซุ่ยเหรินถิงและเจี้ยงหลิงเซียว!

ทันใดนั้น ความตื่นเต้นและความสุขในดวงตาก็ถูกแทนที่ด้วยความอาฆาตพยาบาท พวกเขาตระหนักดีว่า สิ่งเดียวที่กั้นระหว่างพวกตนและวิธีกลายเป็นเทพ คือศิษย์สองคนจากนิกายอำนาจเทวะ

“ในที่สุดเราก็จะได้แก้แค้นสักที…” เซียงหลิวหลีพึมพำ น้ำเสียงของนางเผยให้เห็นถึงความเกลียดชังอย่างชัดเจน

“ใช่แล้ว เราไม่เพียงแค่ค้นหาวิธีกลายเป็นเทพเท่านั้น แต่เราจะสังหารไอ้สารเลวทั้งสองที่นี่ด้วย!” สืออวี๋กัดฟันด้วยความเกลียดชังเช่นกัน

พวกเขาแทบจะทะยานออกไป ทว่าทันใดนั้น กลับสัมผัสได้ถึงมีคลื่นพลังผันผวนมาจากทางด้านหลัง

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เหลือเชื่อจริง ๆ! น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! ใครจะจินตนาการได้ว่า ข้อจำกัดของทวยเทพที่อยู่ภายในตำหนักบรรลุเทพ จะสูญเสียพลังทั้งหมด แต่ดูเหมือนพลังครึ่งหนึ่งของมันจะถูกใครบางคนดูดซับไป”

“ฮ่า ฮ่า! นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดหรือ?”

“ดูนั่นสิ! นั่นมันเทวาคารบรรลุเทพ!”

ที่สำคัญที่สุด ดวงตาลึกลับนั่นอยู่ภายในห้วงมิติอันวุ่นวาย!

ดวงตานั้นมืดสนิท เย็นชา และไม่แยแส ราวกับแผ่นยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังวูบไหวอยู่ภายในนั้น และเผยฉากของฟ้าดินที่สลับขึ้นลง การเคลื่อนคล้อยของดวงดาว การไหลผ่านของกาลเวลา การเปลี่ยนแปลงในจักรวาล…

เฉินซียังคงจำความรู้สึกที่ราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็งได้ดี ทั้งหนาวเหน็บ โกรธแแค้น เกลียดชัง และโหดเหี้ยมเมื่อเห็นดวงตาลึกลับนั้น

ตอนนี้เขากล้ายืนยันเลยว่า แท่นบูชาโบราณที่เห็นในวันนั้น คือเทวาคารบรรลุเทพในตำนาน!

ทั้งหมดนี้ทำให้เฉินซีเข้าใจว่า ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่ตนครอบครองนั้น จะต้องเกี่ยวข้องกับเทวาคารบรรลุเทพอย่างแน่นอน มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวภายในห้วงจิตสำนึกได้

ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่มองเทวาคารบรรลุเทพจากระยะไกล เพียงนึกถึงดวงตาลึกลับที่เคยเห็นในห้วงจิตสำนึก ความโกรธและความเกลียดชังที่ไม่สามารถควบคุมก็แล่นเข้าสู่หัวใจของเฉินซีอีกครั้ง

ความรู้สึกเช่นนี้แปลกประหลาดนัก ราวกับจิตใจและหัวใจจู่ ๆ ก็มีความรู้สึกอีกชั้นหนึ่ง มันไม่ได้ครอบงำจิตใจ แต่ส่งผลโดยตรงต่อการกระทำและความตั้งใจของเขา

เฉินซีไม่คิดต่อต้านมัน กลับกัน เขาคิดว่าตนควรมีความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยเหล่านี้ด้วยซ้ำ

สิ่งนี้ทำให้เขาเดาได้ราง ๆ ว่าบางทีทั้งหมดนี้ อาจเป็นเพราะชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก!

“ไปกันเถอะ!” ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด สืออวี๋ละสายตาและสั่งด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ก่อนจะขึ้นสู่จุดสูงสุดของเทวาคารบรรลุเทพ การต่อสู้กันเองเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ประกอบกับความจริงที่ว่าซุ่ยเหรินถิงและเจี้ยงหลิงเซียวกำลังเข้าใกล้จุดสูงสุดของเทวาคารบรรลุเทพทุกขณะ

เซียงหลิวหลี เตียนเตี้ยน และมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ตระหนักดีถึงสิ่งนี้ ดังนั้นจึงเห็นด้วยกับการตัดสินใจของสืออวี๋

“ไปกันเถอะ” อี้หรานเฟิงและคนอื่น ๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก บางทีหากยังอยู่นอกตำหนักบรรลุเทพพวกเขาอาจพูดคุยกับกลุ่มของสืออวี๋ได้อย่างเป็นมิตร แต่เมื่ออยู่หน้าเทวาคารบรรลุเทพ พวกเขาก็เป็นคู่แข่งกัน เป็นความขัดแย้งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

และหากเกิดความขัดแย้งขึ้น มันจะเป็นผลดีต่อซุ่ยเหรินถิงและเจี้ยงหลิงเซียวแทน

ทั้งสองฝ่ายเข้าใจโดยปริยาย และพุ่งไปที่เทวาคารบรรลุเทพในระยะไกล

ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ เฉินซีก็เงยหน้าขึ้น กวาดสายตามองผ่าน ทว่ากลับสบเข้ากับแววตาที่เยือกเย็น ไม่แยแส และลึกลับภายในห้วงมิติวุ่นวายที่ปกคลุมท้องฟ้า

ดวงตานั้นเป็นของใครกันแน่? เกิดคำถามขึ้นในใจเฉินซี พร้อมกับเปลวไฟแห่งความโกรธแค้นในดวงตาที่ลุกโชนยิ่งขึ้น…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]