บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 137

บทที่ 137 ภายใต้การโจมตีจากทุกทิศทาง

บทที่ 137 ภายใต้การโจมตีจากทุกทิศทาง

เฉินซีไม่ทราบว่า ทันทีที่ระเบียนแดนมรณะปรากฏขึ้น ทุกคนที่อยู่นอกเจดีย์ต่างรู้สึกเจ็บที่ดวงตาของพวกเขาจนต้องหลับตาลง เมื่อพวกเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลับเห็นว่าภาพทั้งหมดบนพื้นผิวของเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ได้หายไป และมีแสงสีขาวพร่างพราวเข้ามาแทนที่

“มันเกิดอะไรขึ้น!?”

“มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างการต่อสู้ของเฉินซีและหลัวซิ่ว? เหตุใดเราถึงมองไม่เห็นอีกต่อไป”

“บัดซบ! เป็นการต่อสู้ระหว่างอัจฉริยะรุ่นเยาว์สองคน! เหตุใดภาพฉายถึงได้หายไป!”

ผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็จ้องไปที่การต่อสู้ระหว่างเฉินซีกับหลัวซิ่วอย่างใจจดใจจ่อ ในบรรดาสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นอัจฉริยะผู้เข้าใจเขตแดนเต๋าที่โดดเด่นที่สุดของนิกายหุบเขาดาวตก ในขณะที่อีกคนเป็นชายหนุ่มที่น่าเกรงขามและโด่งดังราวกับดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าในยามเที่ยงวัน

การต่อสู้ระหว่างคนสองคนนี้ถือว่าเป็นตัวแทนของการต่อสู้ที่มีระดับสูงสุดในหมู่คนรุ่นใหม่ของเมืองทะเลสาบมังกร และมันได้ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย ทุกคนต่างรอคอยด้วยความตื่นเต้นและเฝ้าดูอย่างไม่กะพริบตา เพราะเกรงว่าพลาดรายละเอียดใด ๆ ไป

แต่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า ม่านพลังที่ฉายภาพอยู่กลับหายไปในช่วงเวลาสำคัญที่สุด!!

ทันใดนั้น คลื่นเสียงสับสนวุ่นวายก็ดังขึ้นรอบ ๆ เจดีย์บำเพ็ญทุกข์ เหมือนกับหม้อต้มน้ำที่กำลังเดือด น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแสดงถึงความกังวลและไม่พอใจของผู้ชม

บนแท่นหยก ผู้นำของกองกำลังต่าง ๆ ก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน ในช่วงพันปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้เกิดในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์มาก่อน เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นภายในนั้น?

ในขณะนั้นเองก็มีชั้นคลื่นขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนแสงสีขาวที่อยู่บนพื้นผิวของเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ จากนั้นแสงสีขาวก็ได้หายไป และม่านที่ฉายภาพของชั้นแปดทิศทางของเจดีย์ก็กลับคืนสู่สภาพเดิม

หวือ!

เสียงสับสนทั้งหมดต่างหยุดลงทันที และสายตาของทุกคนก็มุ่งตรงไปยังทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ตาม นอกจากความยุ่งเหยิงที่น่าตกตะลึงแล้ว ในป่าก็ปราศจากร่องรอยของเฉินซีและหลัวซิ่วแล้ว ราวกับว่าการต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองจบลงแล้ว

“ใครกันแน่ที่เป็นผู้ชนะ?”

“เฉินซีอยู่ที่ใด? ทำไมข้าหาเขาไม่เจอ”

“หลัวซิ่ว… หลัวซิ่วก็หายตัวไปเช่นกัน!”

“มารดามันเถอะ! การต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้พลาดไปจริง ๆ มันน่าหงุดหงิดโดยแท้!”

ในขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากันอย่างเผ็ดร้อน ศิษย์ของนิกายหุบเขาดาวตกก็รีบวิ่งขึ้นไปบนแท่นหยกเพื่อมาพบกับเฮ่อเหลียนสุ่ย ประมุขแห่งนิกายหุบเขาดาวตก จากนั้นเขาก็จึงกระซิบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ในตอนนี้ ศิษย์ที่เดินเข้ามามีสีหน้าอัปลักษณ์เป็นอย่างมากและโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อ ดูเหมือนเขากำลังรายงานเรื่องน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากนั้น ทุกคนก็เห็นเฮ่อเหลียนสุ่ยทุบโต๊ะหยกที่อยู่ตรงหน้าเขาจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สีหน้าของเขามืดมนและซีดเซียวยิ่งนัก อีกทั้งร่างกายของเขายังปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวจนทำให้ใจสั่นไหวออกมา

หรือว่าหลัวซิ่วจะแพ้?

ความคิดเดียวกันนี้เกิดขึ้นในใจของทุกคนเมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ คนทั้งหมดก็ตกตะลึงกับความคิดนี้ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน? เฉินซีซึ่งมีการบ่มเพาะและความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าแห่งการต่อสู้ด้อยกว่า จะเอาชนะหลัวซิ่วผู้เข้าใจเขตแดนเต๋าได้อย่างไร?

“ท่านพี่เฮ่อเหลียน โปรดใจเย็น ๆ เป็นท่านเองไม่ใช่หรือที่กล่าวว่า ไม่อาจหลีกเลี่ยงความตายและการบาดเจ็บจากงานเทียบอันดับมังกรซ่อน และถ้าหากคนผู้นั้นมีฝีมือที่อ่อนด้อยกว่าคู่ต่อสู้ ก็สมควรที่จะตายแล้ว” ท่านหญิงซิงอวิ้นแห่งนิกายบุปผาหยกที่อยู่ใกล้ ๆ กล่าวออกมา และรอยยิ้มที่ไม่อาจปกปิดได้ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่งดงามเหมือนดอกกุหลาบของนาง

นางมักกังวลอยู่เสมอว่าหลัวซิ่วจะลอบโจมตีและสังหารเหล่าศิษย์จากนิกายของนาง ในขณะนี้ เมื่อนางเห็นท่าทางของเฮ่อเหลียนสุ่ยที่โกรธจัดจนระเบิดอารมณ์ออกมา นางก็ตระหนักได้ในทันทีว่าหลัวซิ่วได้ประสบเหตุร้ายเข้าแล้ว

“ฮึ่ม!” เฮ่อเหลียนสุ่ยคำรามอย่างเย็นชาก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึก เพื่อควบคุมความโกรธที่ระเบิดออกมาและเจตนาฆ่าในใจ เขาไม่สนใจท่านหญิงซิงอวิ้นที่เยาะเย้ยเขา แต่เงยหน้าขึ้นมองไปยังเจดีย์บำเพ็ญทุกข์แทน เขาต้องการเห็นว่าการบ่มเพาะของเฉินซีนั้นสูงส่งเพียงใดถึงสามารถ…

หวือ!

เฉินซีพุ่งไปในป่าอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

“เสี่ยวไป๋ เจ้าคิดว่าเมื่อไรข้าจะสามารถบรรลุเขตแดนเต๋าได้?” เฉินซีกล่าวกับหลิงไป๋ขณะที่เขาพุ่งไปข้างหน้า

“นี่เป็นเรื่องยากที่จะคาดเดา ตอนนี้เจ้าเข้าใจในเต๋าแห่งสายลมเพียงเท่านั้น แม้จะทรงพลังเพียงใดก็ตาม แต่ก็ยังขาดความหลากหลาย ข้าแนะนำว่าเจ้าควรทำความเข้าใจและไตร่ตรองอย่างถูกต้องเกี่ยวกับเต๋าแห่งการรู้แจ้งอื่น ๆ ยิ่งเจ้าเชี่ยวชาญเต๋าแห่งการรู้แจ้งประเภทต่าง ๆ มากเท่าใด เขตแดนเต๋าที่ควบแน่นจากพวกมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อหมื่นปีก่อน อาจารย์ของข้าได้เข้าใจในเต๋าแห่งการรู้แจ้งถึง 38 ประเภทของสวรรค์และโลก ยกตัวอย่างเช่น ลม สายฟ้า พสุธา บ่อน้ำ ธาตุทั้งห้า หยิน หยาง การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลทั้งสี่ การเคลื่อนไหวของดวงดาว จันทรคติ กระแสน้ำ กระแสสุริยะ… อาจถือว่า สรรพสิ่งมากมายในสวรรค์และโลกต่างประกอบด้วยเต๋าที่ลึกซึ้งและยากจะหยั่งถึง หากยิ่งเข้าใจมากเท่าใด ก็ยิ่งแสดงว่ามีความเข้าใจในเต๋าขึ้นมากเท่านั้น ดังนั้นพลังของเขตแดนเต๋าที่ควบแน่นจะกลายเป็นสิ่งที่น่าเกรงขามตามธรรมชาติพร้อมกับความเข้าใจของเต๋าแห่งการรู้แจ้ง”

หลิงไป๋พูดอย่างเร่าร้อนและมั่นใจขณะที่กล่าวว่า “ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งเจ้าเข้าใจเต๋าแห่งการรู้แจ้งมากเท่าใด พลังของแกนทองคำหยินหยางของเจ้าก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น เช่นเดียวกับเมื่อเจ้าควบแน่นแกนทองคำของเจ้า เต๋าแห่งการรู้แจ้งต่างๆ จะหลอมรวมเข้ากับหยินและหยางของแกนทองคำ ผู้บ่มเพาะที่น่าเกรงขามบางคนเมื่อหมื่นปีที่แล้ว สามารถสยบเคล็ดวิชามากมาย สังหารเทพเจ้า ทำลายล้างมาร เคลื่อนภูเขา และทำให้ทะเลลุกเป็นไฟ ด้วยการพึ่งพาแกนทองคำของตัวเองเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพราะจำนวนของเต๋าแห่งการรู้แจ้งที่รู้แจ้งนั้นเป็นจำนวนที่เกินจินตนาการ ทำให้พลังของแกนทองคำนั้นทรงพลังยิ่งกว่าศัสตราวิเศษที่มีคุณภาพระดับสูงสุด!”

เฉินซีเข้าใจได้อย่างรวดเร็วขณะบ่นพึมพำว่า “หากมันเป็นอย่างนั้น ดูเหมือนว่าข้าต้องให้ความสำคัญกับการฝึกฝนในด้านนี้มากขึ้น ข้ามีความรู้สึกอยู่เสมอว่าระหว่างการบ่มเพาะในอนาคต มันจะเป็นการแข่งขันเพื่อทำความเข้าใจในเต๋าแห่งการรู้แจ้ง ดังคำกล่าวที่ว่า ความแข็งแกร่งนั้นไร้ขอบเขต และยิ่งเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสวรรค์และโลกมากเท่าใด เคล็ดวิชาที่เชี่ยวชาญก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น…”

“ถูกต้อง เต๋าแห่งการรู้แจ้งเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะทุกคนต้องเชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นการบ่มเพาะ การต่อสู้ หรือการก้าวข้ามภัยพิบัติ ก็ไม่อาจแยกจากความเข้าใจของตนเองที่มีต่อสวรรค์และโลกได้” หลิงไป๋กล่าวต่อไปว่า “เมื่อผู้บ่มเพาะแสวงหาความเป็นอมตะและแสวงหาเต๋า เต๋าที่พวกเขาแสวงหานั้นคือเต๋าแห่งสวรรค์และโลกอย่างแท้จริง หากไม่สามารถเข้าใจความลึกซึ้งของสวรรค์และโลกได้ คนผู้นั้นก็คงไม่ต่างจากคนธรรมดาในโลกมนุษย์”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]