บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1391

บทที่ 1391 พิชิตโดยไม่ต้องต่อสู้

บทที่ 1391 พิชิตโดยไม่ต้องต่อสู้

บนทางเดินดาวหาง

เมื่อเวลาผ่านไป เฉินซีและคนอื่น ๆ ยังคงก้าวเดินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และเมื่อกลุ่มของเนี่ยซิงเจินมาถึงอุกกาบาตดวงที่ 2,635 กลุ่มของเฉินซีก็เกือบจะไปถึงดาวตกดวงที่ 2,633 แล้ว

ระหว่างกลุ่มของพวกเขาห่างกันเพียงอุกกาบาตดวงเดียวเท่านั้น!

บรรยากาศที่ตึงเครียดอยู่แล้ว ในยามนี้ก็ทวีความตึงเครียดถึงขีดสุด

เคร้ง!

เวลานี้ ใบหน้าของจงหลีหลัวดูมืดมนอย่างยิ่ง และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป ทันใดนั้นเขาก็หันกลับมาและชี้ดาบคู่ในมือไปทางกลุ่มของเฉินซี!

ดาบทั้งสองเล่ม หนึ่งเล่มสีขาว หนึ่งเล่มสีดำ ทอแสงอันเย็นเยียบเรืองรอง ขณะที่แสงประกายเซียนพวยพุ่ง ปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฉินซีก็กลับมามีสติจากการรับมือกับข้อจำกัด ดวงตาของเขากวาดมองไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า ด้วยสายตาที่เย็นชายิ่ง

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ดวงตาของหลิงชิงอู๋และเยี่ยถังเองก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา พลังในร่างก็พุ่งสูงขึ้นด้วยความตั้งใจและพร้อมที่จะต่อสู้

“ศิษย์น้องจงหลี!” หัวใจของเนี่ยซิงเจินกระตุกวูบ เขาตะโกนใส่จงหลีหลัวทันที “อย่าได้หุนหันพลันแล่นไป!”

เสียงของเขาสะท้านก้องดั่งเสียงฟ้าร้องที่ทำให้กู่เยวหรูกลับมามีสติอีกครั้ง เมื่อนางหันกลับไปเห็นเหตุการณ์นี้ ใบหน้างดงามที่เดิมซีดอยู่แล้ว ก็ซีดเผือดลงไปอีกอย่างน่าสยดสยอง

นางไม่เคยคิดว่า อีกฝ่ายจะไล่ตามพวกตนมาได้เร็วขนาดนี้ และมันทำให้หญิงสาวสูญเสียความมั่นใจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดของการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มของพวกเขา หัวใจของนางก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ก่อนจะพูดออกไปตามสัญชาตญาณ “อย่าลงมือ”

เมื่อเห็นเช่นนั้น เฉินซีก็เหลือบมองอีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด จากนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้มทันที “ศิษย์พี่เนี่ย ศิษย์พี่กู่ ข้อจำกัดที่ช่วงท้ายของทางเดินดาวหางนี้ เริ่มที่จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ทำไมเราไม่มาร่วมมือกันล่ะ? แม้ว่านี่จะเป็นการแข่งขัน แต่มันก็คงไม่สายเกินไปที่จะเริ่มหลังจากที่เราผ่านสถานที่แห่งนี้ไปแล้ว”

สิ้นเสียงพูด ทุกคนก็ชะงักไปทันทีเพราะคำพูดเหล่านี้ มันเกินความคาดหมายของพวกเขาอย่างมาก ไม่ใช่แค่กลุ่มของเนี่ยซิงเจินเท่านั้น แม้แต่หลิงชิงอู๋และเยี่ยถังเองก็ยังขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินซีถึงหยิบยกข้อเสนอดังกล่าวขึ้นมาเช่นนั้น

“ฮึ่ม! ใครเขาอยากร่วมมือกับพวกเจ้ากัน? หยุดฝันกลางวันได้แล้ว!” จงหลีหลัวก็แค่นเสียงเย็นและเอ่ยปฏิเสธทันที

เฉินซียิ้ม ตั้งแต่ต้นจนจบ ชายหนุ่มไม่ได้มองจงหลีหลัวเลยแม้แต่น้อย เขายังคงจ้องมองไปทางเนี่ยซิงเจินและกู่เยวหรูอยู่เสมอ

ทัศนคติที่เมินเฉยนี้ ทำให้จงหลีหลัวโกรธเคืองอย่างยิ่ง เขาได้สะสมความโกรธเกรี้ยวไว้จนเต็มท้องแล้ว เมื่อถูกเฉินซียั่วยุเช่นนี้ มันจึงทำให้เจ้าตัวระเบิดออกมาทันที ดาบคู่ไขว้กัน ก่อนจะฟันออกไป เป็นแสงดาบที่ตัดไขว้กัน

หวีด!

การโจมตีครั้งนี้รุนแรงและดุร้าย มันฉีกผ่านความว่างเปล่า และส่งเสียงกรีดผ่าอากาศที่แหลมคม จนฟังดูเหมือนผ้าถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ขณะที่มันพุ่งใส่หัวของเฉินซี

ไม่มีใครคาดคิดว่า จงหลีหลัวก็จะลงมือโจมตี เมื่อเนี่ยซิงเจินและกู่เยวหรูตั้งใจที่จะหยุดเขา มันก็สายเกินไปแล้ว

โครม!

กระบี่เซียนนภาม่วง วาดออกไปด้วยรัศมีพิเศษและแปลกตา มันลบการโจมตีของจงหลีหลัวทิ้งอย่างง่ายดาย

แข็งแกร่งมาก!

เนี่ยซิงเจินและกู่เยวหรูต่างหรี่ตาลงมองการโจมตีของเฉินซี ที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่กลับจัดการกับการโจมตีที่รุนแรงของจงหลีหลัวได้ เห็นได้ชัดว่าพลังการต่อสู้ของเฉินซีนั้นน่ากลัวเพียงใด

พวกเขาสองคนคืออันดับหนึ่งและสองของเทียบอันดับปราชญ์ดาราสวรรค์ จึงเข้าใจได้ในทันทีว่า แม้มันจะเป็นเพียงการโจมตีธรรมดา ๆ แต่กลับเผยช่องว่างอย่างชัดเจน!

จงหลีหลัวเองก็ตกตะลึงเช่นกัน แม้จะรู้ว่าการโจมตีของตนคงจะไม่ทำให้เฉินซีระคายผิวได้ แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะจัดการกับการโจมตีได้ง่ายดายขนาดนี้

“รนหาที่ตาย!”

“กล้าดีอย่างไร!”

หลิงชิงอู๋และเยี่ยถังโกรธเกรี้ยว เดิมทีคิดว่า ถึงอย่างไรพวกเขาก็ล้วนมาจากสำนักศึกษาเดียวกัน จึงไม่คิดที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาตึงเครียดเกินไป แต่กลับเป็นจงหลีหลัวที่ไม่รู้ผิดถูก! ทว่าก่อนที่พวกเขาจะลงมือตอบโต้ ก็ถูกเฉินซีหยุดไว้ ชายหนุ่มส่ายหัวแล้วเอ่ยว่า “สงบสติอารมณ์เถิด”

ขณะที่พูด เขาได้เชิญเนี่ยซิงเจินอีกครั้ง “ข้าคิดว่าทุกคนคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่า ที่นี่คือส่วนลึกของทางเดินดาวหาง และมันไม่ได้มีเพียงการโจมตีจากดาวหางนับไม่ถ้วนเท่านั้น แม้แต่ความแข็งแกร่งของข้อจำกัดก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย หากเราสู้ในเวลานี้ เกรงว่าสุดท้ายคงจะไม่มีใครผ่านสถานที่แห่งนี้ไปได้แน่”

เขาหยุดลงครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ “ท้ายที่สุดแล้ว เราต่างก็เดินทางมาที่นี่โดยไม่หยุดพักเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน แรงกายย่อมเสียไปมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เราควรร่วมมือกันมากกว่าจะมาสู้กันเอง จริงหรือไม่?”

หลังได้ฟังคำพูดเหล่านี้ เนี่ยซิงเจินและกู่เยวหรูก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง

ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น หลิงชิงอู๋กับเยี่ยถังก็หันมาครุ่นคิดเช่นกัน อย่างที่เฉินซีกล่าว พวกเขาเดินทางทำลายข้อจำกัดกันมาไม่หยุดเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน ดังนั้นแม้ร่างกายจะทำจากเหล็กกล้า มันก็เกือบจะถึงขีดจำกัดแล้ว

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะต่อสู้กันเองไม่เช่นนั้น พวกเขาอาจสูญเสียโอกาสได้รับการยอมรับจากมรดกของจักรพรรดิเต๋าได้

“ศิษย์น้องเฉินซี ไม่ต้องกังวล เราจะไม่ต่อสู้กับพวกเจ้า” ในท้ายที่สุดกู่เยวหรูก็เป็นคนเอ่ยและตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม คำพูดถัดมาของนางนั้นอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเฉินซีไม่น้อย “แต่ในเมื่อเรากำลังแข่งขันกัน ดังนั้นมันคงจะเป็นการดีกว่าที่เราจะแยกทางกันไป”

ความหมายเบื้องหลังคำพูดของนี้คือ พวกเขาจะไม่ต่อสู้ แต่ก็ไม่ร่วมมือเช่นกัน

หลิงชิงอู๋และเยี่ยถังพอใจกับการตัดสินใจนี้มาก เพราะพวกเขารู้ดีว่าด้วยการนำของเฉินซี ย่อมสามารถเอาชนะกลุ่มของเนี่ยซิงเจินได้อย่างแน่นอน

เนี่ยซิงเจินเหลือบมองกู่เยวหรู คล้ายต้องการเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นท่าทางที่หนักแน่นของนาง เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้

สำหรับจงหลีหลัว เขาไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะยอมรับการตัดสินใจนี้ ในขณะที่อ้าปากกำลังจะพูด สายตาตักเตือนจากเนี่ยซิงเจิน ก็ทำให้อีกฝ่ายต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นลงท้องไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]