บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1453

สรุปบท บทที่ 1453 การล้างแค้นอย่างเงียบงันและเลือดเย็น: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

อ่านสรุป บทที่ 1453 การล้างแค้นอย่างเงียบงันและเลือดเย็น จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บทที่ บทที่ 1453 การล้างแค้นอย่างเงียบงันและเลือดเย็น คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย novelones อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 1453 การล้างแค้นอย่างเงียบงันและเลือดเย็น

บทที่ 1453 การล้างแค้นอย่างเงียบงันและเลือดเย็น

เสียงคำรามของจั่วชิวเฟิงดังก้องไปทั่วบริเวณโดยรอบ

ส่วนบรรพบุรุษนั่น?

แน่นอนว่าย่อมหมายถึงสองผู้บ่มเพาะที่ขอบเขตเทวาของตระกูลจั่วชิว จั่วชิวเป่ยหยง และจั่วชิวเหลิงฮวา!

เมื่อได้ยินคำนี้ จั่วชิวหวงหลินและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกโล่งอก จิตใจที่แต่เดิมถูกครอบงำด้วยความกลัว ความหวังอันริบหรี่ก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง

เว่ยซิงและคนอื่น ๆ ของนิกายอำนาจเทวะ ก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาเช่นกัน

แม้ว่าศัตรูจะมีผู้บ่มเพาะขอบเขตเทวาถึงสามคน ตราบใดที่บรรพบุรุษทั้งสองของตระกูลจั่วชิวปรากฏตัว แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ แต่ก็พอที่จะแก้ไขวิกฤตที่อันตรายถึงชีวิต!

ถึงขนาดที่… บรรพบุรุษทั้งสองอาจจะช่วยพวกเขาหลบหนีได้

เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของจั่วชิวเฟิง จั่วชิวเฟยหมิงและคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะตระหนักถึงบางสิ่งเช่นกัน และมันทำให้สีหน้าของพวกเขามืดมนทันที ทั้งยังรู้สึกคับข้องใจ

แม้ความขัดแย้งภายในจะพัฒนามาถึงจุดนี้ บรรพบุรุษทั้งสองก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ แต่พวกเขาก็สนับสนุนฝ่ายจั่วชิวเฟิงจากเบื้องหลังมาโดยตลอด ซึ่งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จั่วชิวเฟยหมิงและคนอื่น ๆ จะมีความประทับใจที่ดีต่อบรรพบุรุษทั้งสอง

เมื่อเฉินซีได้ทราบจากจั่วชิวเฟยหมิง ก็อดไม่ที่จะประหลาดใจ เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าแท้จริงแล้ว ตระกูลจั่วชิวจะมีขอบเขตเทวาถึงสองคน!

โชคดีที่เราเชิญผู้อาวุโสจ้าวไท่ฉือและคนอื่น ๆ มาช่วยในครั้งนี้ มิฉะนั้นผลที่ตามมาก็ยากจะจินตนการได้ เฉินซีเหลือบมองตัวตนขอบเขตเทวาทั้งสามที่ยืนอยู่ข้างเคียง และรู้สึกโชคดีในใจ

นอกจากนี้ เขาตระหนักถึงเหตุผลที่จ้าวไท่ฉือและคนอื่น ๆ ไม่เคลื่อนไหวจนถึงตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังรอการปรากฏตัวของจั่วชิวเป่ยหยงและจั่วชิวเหลิงฮวา

ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ทำให้เฉินซีประหลาดใจ คือทุกอย่างยังคงเงียบสนิท เสียงร้องขอความช่วยเหลือของจั่วชิวเฟิงดังก้องกังวานจนเลือนหายไปกับสายลม และไม่มีใครโผล่มาหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง!

เกิดอะไรขึ้น?

ไม่ใช่แค่เฉินซีเท่านั้นที่สับสน หัวเจี้ยนคง ราชันเซียนรัตติกาล เซวียนหยวนเส้า และคนอื่น ๆ ก็ขมวดคิ้วเช่นกัน มันมาถึงจุดนี้แล้ว แต่เทพทั้งสองของตระกูลจั่วชิวก็ยังไม่ปรากฏตัว หรือพวกเขาตั้งใจจะดูขณะที่จั่วชิวเฟิงและคนอื่น ๆ ถูกสังหาร?

ไม่มีใครตอบรับคำร้องขอความช่วยเหลือนี้ แม้ว่าจะผ่านมานานแล้วก็ตาม!

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของจั่วชิวเฟิงและคนอื่น ๆ ซีดลงอย่างน่าสยดสยอง ความหวังเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในใจถูกแทนที่ด้วยความสิ้นหวังอันไร้ขอบเขตทันที

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?

บรรพบุรุษทั้งสองอยู่ที่ไหน?

หรือว่าพวกเขาตั้งใจจะทิ้งเรา?

ณ เวลานี้ เสาหลักสุดท้ายที่ค้ำจุนอยู่ในใจของจั่วฉิวเฟิงได้พังทลายลง และอดไม่ได้ที่จะคำรามลั่น “ทำไม!? ทำไม!? ท่านบรรพบุรุษรีบปรากฏเร็วเข้า! หรือพวกท่านตั้งใจจะดูตระกูลจั่วชิวของข้าถูกทำลายล้าง?!”

เสียงตะโกนที่เกือบจะบ้าคลั่งดังก้องไปทั่วฟ้าดินไม่รู้จบ แต่ก็ไม่มีใครตอบสนอง

จ้าวไท่ฉือขมวดคิ้ว ใบหน้าสวยงามและอ่อนเยาว์ที่ไม่มีใครเทียบได้แสดงถึงความเหลืออด “ลืมมันซะ ในเมื่อพวกเขาไม่คิดที่จะปรากฏตัว เช่นนั้นเรามาฆ่าพวกมันก่อนดีกว่า”

อ๋าวจิ่วหุยและฉือฉางเซิงพยักหน้าเช่นกัน

ทันทีที่สิ้นคำ มันก็เหมือนฟางเส้นสุดท้าย ซึ่งทำให้จั่วฉิวเฟิง เว่ยซิง และคนอื่น ๆ สิ้นหวังอย่างถึงขีดสุด

“หนี!”

“รีบหนีเร็วเข้า!”

“บัดซบ! บัดซบ!”

เสียงตะโกนอันตื่นตระหนกดังก้อง ไม่ว่าจะเป็นจั่วชิวเฟิง คนในตระกูล หรือเว่ยซิงและเหล่าศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะ ตอนนี้พวกเขาต่างเลือกที่จะหลบหนีไปคนละทิศคนละทาง

ดูเหมือนไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากรู้สึกเสียดาย ว่าเหตุใดบิดามารดาไม่ให้กำเนิดพวกเขาพร้อมกับขาอีกสองข้าง

เป็นเพราะขอบเขตเทวานั้นน่ากลัวเกินไป แม้พวกเขาจะเป็นราชันเซียน แต่ก็ทำได้เพียงต้องหลบหนีเมื่อเผชิญหน้ากับขอบเขตเทวาเท่านั้น ช่องว่างระหว่างพวกเขานั้นเหมือนกับความแตกต่างระหว่างเหยี่ยวกับมด

ฝ่ายแรกคือตัวตนสูงสุดในสามภพ ในขณะที่ฝ่ายหลังได้อยู่เหนือสามภพมานานแล้ว และไม่ได้อยู่ภายใต้ของธาตุทั้งห้า ดังนั้นเมื่อทั้งสองเปรียบเทียบกัน ความแตกต่างจึงเป็นที่ประจักษ์

สิ่งเดียวที่ทำได้มีแค่หนีเท่านั้น!

“ถ้าความเป็นปฏิปักษ์ยังไม่ถูกตัดขาด มันจะนำไปสู่ความกังวลมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นโปรดทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เสียเถอะ!”

ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะเป็นไปตามความคาดหวังของจ้าวไท่ฉือ นางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า

ตู้ม!

มันเป็นการเคลื่อนไหวที่เรียบง่าย แต่ก็เหมือนประกาศิตของทวยเทพที่จุติลงมาจากสวรรค์ และรัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์ก็แผ่ซ่านไปทั่วฟ้าดิน

เวลา มิติ แสง ฝุ่น และแม้กระทั่งกลิ่นอายของมหาเต๋าและปราณเซียนในโลก ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ดูเหมือนจะถูกควบคุมด้วยรัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้รูปร่างและคลุมเครือ ราวกับทุกอย่างจะตกอยู่ในสภาวะแช่แข็งในทันที

เพียงแค่ชี้นิ้ว โลกถูกแช่แข็ง และมหาเต๋ายอมจำนน!

ความสามารถที่สะท้านโลกาเช่นนี้ มีเพียงเทพในตำนานเท่านั้นที่จะครอบครองได้

ในขณะนี้จั่วชิวเฟิง เว่ยซิง และคนอื่น ๆ ที่เดิมทีได้เคลื่อนย้ายผ่านห้วงมิติออกไป พลันเหมือนเป็นปลาที่ถูกแช่แข็ง ร่างหยุดเคลื่อนไหว ทั้งยังไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย!

เมื่อมองจากระยะไกล พวกเขาทั้งหมดยังคงอยู่ในท่าหลบหนี เหมือนเหล่ารูปปั้นที่ไม่อาจขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ช่างเป็นเหตุการณ์ที่น่าขบขันอย่างยิ่ง

เมื่อเห็นเฉินซีเดินใกล้เข้ามาทีละก้าว ความสิ้นหวังพลันพลุ่งพล่านอยู่ในใจของจั่วชิวเฟิงและคนอื่น ๆ พวกเขาทั้งโกรธและหวาดกลัว แต่กลับไม่สามารถส่งเสียงหรือเคลื่อนไหวได้เลย

กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขาทำได้เพียงเฝ้าดู เมื่อความตายกำลังคืบคลานเข้ามา!

ความรู้สึกที่ชีวิตตกอยู่ในกำมือของผู้อื่น เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยประสบมานานหลายปีแล้ว ทว่าตอนนี้พวกเขาได้แต่รอให้ความตายมาถึงเท่านั้น และความรู้สึกดังกล่าว ก็มิอาจอธิบายได้โดยสิ้นเชิง เว้นแต่จะมีใครได้สัมผัสมันด้วยตนเอง

ถึงขนาดที่ความสิ้นหวัง ความโกรธ และความเสียใจเช่นนี้ ทำให้จิตใจของพวกเขาแทบพังทลาย หากเป็นไปได้ พวกเขาอยากจะตายอย่างยิ่งใหญ่ในสนามรบ มากกว่ารอให้ความตายมาถึงในลักษณะที่ไม่ยุติธรรมเช่นนี้

มันไม่เพียงแต่โหดร้าย แต่ยังโหดเหี้ยมอีกด้วย!

แม้จะดูเหมือนเป็นการตายอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีการทรมานใด ๆ แต่ผลกระทบและความอัปยศที่เกิดขึ้นในใจก็เหมือนกับการทรมานในนรกอเวจี ซึ่งพวกเขาก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการฆ่าตัวตาย และจบชีวิตโดยเร็วที่สุด

แต่ส่วนที่น่าเศร้าก็คือ… แม้แต่พละกำลังที่จะฆ่าตัวตาย ก็ยังถูกพรากไป!

พรวด!

เฉินซีเริ่มลงมือล้างแค้น ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลจั่วชิวถูกสังหาร จากนั้นก็ตัดศีรษะแล้วถือมันไว้ในมือ ปล่อยให้ศพไร้หัวล้มลงกับพื้น

ยามนี้ ท่าทางของเฉินซีนั้นสงบและปราศจากอารมณ์ใด ๆ ราวกับเป็นเพชฌฆาตที่ไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง และในทุก ๆ ย่างก้าว เขาจะปลิดศีรษะนองเลือดไปทีละคน

ตั้งแต่ต้นจนจบชายหนุ่มไม่กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว และไม่มีอารมณ์ยินดี เขาดูสงบมาก ทั้งยังไม่แยแสด้วยซ้ำ

ความเป็นปฏิปักษ์นี้สะสมอยู่ในใจมานานหลายปี ดังนั้นยังมีอะไรที่ต้องพูดคุยกันอีก?

หากความตายเหล่านี้สามารถชุบชีวิตคนของตระกูลเฉินที่ตายไปแล้วได้

หากความสงสารสามารถบรรเทาความเกลียดชังในใจของเขาได้

จำเป็นหรือที่จะต้องต่อสู้และสังหารมาจนถึงทุกวันนี้?

ดังนั้นเขาจึงไม่เต็มใจที่จะกล่าววาจาใด ๆ!

และไม่รู้สึกสงสารพวกมันสักนิด!

ความเกลียดชังทั้งหมดนี้ ต้องถูกชำระด้วยเลือดและความตายเท่านั้น!

ถึงขนาดเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุที่ไม่คาดฝัน การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มจึงดูเด็ดขาด แม่นยำ และไร้ความปรานีอย่างยิ่ง ไม่ลังเลและไม่เสียเวลาแม้แต่น้อย

เพราะสิ่งที่เขาต้องการก็คือการล้างแค้น!

และนั่นคือทั้งหมด!!!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]