อ่านสรุป บทที่ 1457 การมาถึงของเจ้าสำนัก จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones
บทที่ บทที่ 1457 การมาถึงของเจ้าสำนัก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย novelones อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่ 1457 การมาถึงของเจ้าสำนัก
……………………………………………………………………..
บทที่ 1457 การมาถึงของเจ้าสำนัก
มีตำนานเล่าขานมากมายถึงแดนเทพโบราณ ดินแดนซึ่งถูกกลบฝังไว้ภายใต้กาลเวลาอันยาวนาน
แม้จะเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเทวาอย่างจ้าวไท่ฉือ อ๋าวจิ่วหุย และฉือฉางเซิง พวกเขาก็รู้เพียงแต่ว่าแดนเทพโบราณนั้นมีอยู่จริงอย่างแน่นอน มันเป็นสถานที่ซึ่งเหล่าทวยเทพดำรงอยู่อย่างเป็นนิรันดร์!
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ไม่รู้ที่ตั้งอันแน่นอนของมัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นั่นมีสิ่งใดหลบเร้นอยู่ภายใน
อย่างไรก็ตาม การที่ผู้คนรู้จักมันเพียงจำกัดเช่นนี้ ก็ทำให้แดนเทพโบราณยิ่งดูลึกลับมากขึ้น มันกลายเป็นสถานที่ซึ่งล่อตาล่อใจผู้คนที่ดำรงอยู่ในขอบเขตเทวาอย่างร้ายกาจ
เช่นเดียวกับการที่ผู้บ่มเพาะจากภพมนุษย์ปรารถนาที่จะขึ้นไปยังภพเซียน ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเทวาเองก็ปรารถนาที่จะหลบหนีจากเขตแดนแห่งสามภพและไปถึงแดนเทพโบราณเพื่อแสวงหาหนทางอันลึกล้ำสู่การเป็นเทพเซียน!
…
ในตอนนี้ สิ่งที่ซุ่ยเหรินถิงพูดขึ้นได้ปัดความคิดของจ้าวไท่ฉือและคนอื่น ๆ ทิ้งไปโดยปริยาย สิ่งนั้นทำให้พวกเขาไม่อาจยอมรับได้อยู่ลึก ๆ ในใจ
ใช่ พวกเขาเข้าใจเรื่องเช่นนี้มานานแล้ว เหมิงซิงเหอเคยกล่าวเอาไว้ว่าสำหรับตัวตนที่อยู่ในขอบเขตเทวา วิถีแห่งโอกาสนั้น มาพร้อมกับอันตรายซึ่งแฝงอยู่ใต้การมาถึงของภัยพิบัติ
วิถีแห่งโอกาสนี้คือเส้นทางสู่แดนเทพโบราณ!
ทว่าตอนนี้ซุ่ยเหรินถิงกลับปัดตกเรื่องทั้งหมดนี้ไปอย่างไม่ไยดี มีหรือที่พวกเขาจะยอมรับได้?
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้รู้สึกหดหู่หรือปล่อยให้ดวงจิตแห่งเต๋าได้รับการกระทบกระเทือนจากเรื่องนี้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็คิดว่าหากตนไม่สามารถค้นพบวิถีแห่งโอกาสในภัยพิบัตินี้ได้จริง ๆ พวกเขาก็ไม่สามารถหลีกนี้จะภัยพิบัติต่าง ๆ ได้อีกต่อไป….
“ฮึ่ม! หากพวกเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงภัยพิบัตินี้ได้ นิกายอำนาจเทวะของเจ้าก็ไม่อาจหลีกหนีพ้นด้วยเช่นกัน!” ฉือฉางเซิงแค่นเสียงเย็น
“โธ่! ช่างไร้เดียงสาเสียจริง อย่าลืมสิว่านิกายอำนาจเทวะของข้าควบคุมและรักษาพลังของเต๋าแห่งสวรรค์อยู่ พวกข้านั้นมีชะตากรรมแห่งสวรรค์ ไม่มีภัยพิบัติใดที่จะสามารถทำภยันตรายอะไรแก่พวกข้าได้ทั้งนั้น สิ่งนี้เรียกว่าความยุติธรรมสำหรับสวรรค์!” ซุ่ยเหรินถิงเย้ยหยัน เสียงของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยถากถาง
มันเป็นคำพูดที่แม้แต่จ้าวไท่ฉือและคนอื่น ๆ ก็ไม่อาจปฏิเสธว่ามันไม่จริง อย่างที่ซุ่ยเหรินถิงกล่าว ความสามารถในการใช้พลังของเต๋าแห่งสวรรค์ของนิกายอำนาจเทวะนั้นหาใช่เรื่องที่เป็นความลับแต่อย่างใด
ก็อย่างที่เห็น ผู้บ่มเพาะซึ่งเคยผ่านทัณฑ์สวรรค์หรือภัยพิบัติแห่งฟ้าดินทั้งหลายที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่มีเงาของนิกายอำนาจเทวะซ้อนทับอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
“ผดุงความยุติธรรมแก่สวรรค์อย่างนั้นหรือ? ไม่ว่าจะวาจาหรือการกระทำ นิกายอำนาจเทวะของเจ้าก็เป็นเพียงแค่สุนัขรับใช้ใต้บัญชาของเต๋าแห่งสวรรค์เท่านั้น มีสิ่งใดให้เจ้ากล้ายืดอกภูมิใจด้วยหรือ?” น้ำเสียงของเฉินซีเย็นชา มันเต็มได้การเย้ยหยันไม่ต่างกัน มันเป็นคำพูดของจักรพรรดิเต๋าจี้อวี๋ บัดนี้ชายหนุ่มนำมันมาใช้กับซุ่ยเหรินถิง
ทันทีที่พูดจบ ใบหน้าของซุ่ยเหรินถิงพลันมืดมน นี่เจ้ามดปลวกตัวจ้อยกล้าเรียกนิกายอำนาจเทวะของข้าว่าสุนัขรับใช้อย่างนั้นหรือ?! โอหัง สมควรตาย! ไม่ใช่แค่ซุ่ยเหรินถิงเท่านั้น หากใบหน้าจั่วชิวเป่ยหยงและจั่วชิวเหลิงฮวาเองก็เคร่งขรึมลงไม่ต่างกัน มันแฝงไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง
ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศโดยรอบพลันตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอันเงียบงัน ราวกับการต่อสู้ครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
แปะ! แปะ! แปะ!
ทันใดนั้น เสียงปรบมือที่ดังกังวานก็กึกก้องมาจากที่ไกล มันเป็นจังหวะที่แปลกหูและชวนให้ผู้ฟังรู้สึกผ่อนคลาย
“พูดได้ดี แต่ถึงอย่างนั้น ในความคิดของข้า คนของนิกายอำนาจเทวะน่ะ ต่ำต้อยยิ่งกว่าสุนัขรับใช้เสียอีก พวกเขาเป็นเพียงฝูงของสัตว์ประหลาดที่ปราศจากอารมณ์ความรู้สึก” ครั้นเสียงปรบมือหลุดลง คลื่นแห่งความผันผวนก็เกิดขึ้นท่ามกลางพื้นที่มิติอันห่างไกล ไม่นาน ร่างสองร่างก็ปรากฏขึ้น คนหนึ่งดูคล้ายกับชายหนุ่มผู้มีรูปลักษณ์ธรรมดา ทว่าดวงตากลับแต่งแต้มไปด้วยช่วงวัยที่มากประสบการณ์ ราวกับเคยพบพานกับภัยพิบัติมามากมายนับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อมองจากที่ไกล เขาเป็นเหมือนผืนฟ้าที่พร่างพราวไปด้วยหมู่ดาว กลิ่นอายอันสง่างามทอดไปอย่างไร้สิ้นสุด
ข้าง ๆ กันนั้นคือชายหนุ่มรูปงามผู้มีริมฝีปากสีแดงสด ฟันขาวเรียวสวย ดวงตาทอประกายวาววับ อาภรณ์ปักลายบนกายนั้นส่งเสริมให้เขาดูมีเสน่ห์เหลือร้าย
สองคนนี้คือเหมิงซิงเหอ เจ้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และหลียางแห่งเขาเทพพยากรณ์ไม่ผิดแน่!
“ท่านเจ้าสำนัก!” ดวงตาของจ้าวไท่ฉือและคนอื่น ๆ ทอประกาย จริงอยู่ที่พวกเขาไม่รู้จักหลียาง แต่การปรากฏตัวของเหมิงซิงเหอก็ทำให้หัวใจของพวกเขาสงบนิ่ง ความตึงเครียดคลายลงหลายส่วน
“เหมิงซิงเหอ!” ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เซวียนหยวนเส้า เซวียนหยวนเฟิงเฉิน เซวียนหยวนท่าเป่ย จั่วชิวเฟยหมิง และคนอื่น ๆ จดจำคนผู้นี้ได้ทันทีเมื่อเห็นหน้า จิตใจของพวกเขาเองก็ชุ่มชื่นมากขึ้นไม่น้อย
หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดเจ้าสำนักของสำนักศึกษาอันดับหนึ่งในภพเซียนก็ปรากฏตัวขึ้นบนโลกอีกครั้ง การมาถึงของเขาสร้างขวัญกำลังใจให้แก่คนทั้งหลายอย่างแท้จริง
“หลียางแห่งเขาเทพพยากรณ์…” ในบรรดาผู้คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ นอกจากเฉินซีแล้ว ก็มีเพียงราชันเซียนรัตติกาลที่จำชายหนุ่มรูปงามในชุดคลุมปักลายนี้ได้ แสงเรืองรองตระการฉายฉาบดวงหน้าของนางชั่วขณะหนึ่ง คล้ายกับว่านางกำลังตื่นเต้น หวาดหวั่น ยากจะจำแนกได้ว่ากำลังรู้สึกเช่นไรกันแน่
แน่นอนว่าคนที่ตื่นเต้นกับเรื่องนี้มากที่สุดก็คือเฉินซี ตั้งแต่ขึ้นสู่ภพเซียน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับศิษย์พี่ของตน แล้วจะไม่ให้เขาไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?
อาจกล่าวได้ว่าในใจของเฉินซีนั้น ศิษย์พี่หลียางไม่ต่างอันใดจากคนในครอบครัว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางได้ช่วยเหลือเขามานับครั้งไม่ถ้วน และในเมื่อพวกเขาได้กลับมาพบกันอีกครั้งโดยไม่คาดคิด ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกทั้งยินดีและประหลาดใจ
“ศิษย์พี่…” เขาอดไม่ได้ที่จะเรียกนาง
“หรือว่าเจ้าจะคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าพวกเราจะปรากฏตัว? ภัยพิบัติครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเกี่ยวข้องกับนิกายอำนาจเทวะของเจ้า เห็นที นิกายอำนาจเทวะคงจะใช้เคล็ดวิชาบางอย่างเพื่อทำให้ภัยพิบัตินี้มาถึงก่อนเวลาอันควร หากนิกายของเจ้าสามารถควบคุมเต๋าแห่งสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์แล้วละก็ พวกข้าก็ยินดีจะน้อมรับชะตากรรมนี้เอาไว้ ทว่าตอนนี้… ผลลัพธ์นั้นยังไม่แน่นอน!” หลียางเอ่ยเสียงเรียบ ใบหน้างดงามแฝงไปด้วยความสงบ ดวงตาใสกระจ่างทอประกายเจิดจ้า ทุกการเคลื่อนไหวเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจที่สามารถทำให้ผู้คนคล้อยตาม
แม้ว่าเฉินซีจะบรรลุขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นแล้ว แต่เขาก็ยังไม่อาจมองเห็นถึงระดับการบ่มเพาะของหลียางได้!
“ชิ! สิ่งมีชีวิตใด ๆ ก็ล้วนแต่เป็นมดปลวกทั้งสิ้น แม้ว่าภัยพิบัติจะยังมาไม่ถึง พวกมันก็หาได้มีชีวิตอยู่อย่างยาวนาน แต่สำหรับพวกเจ้าที่อยู่ในขอบเขตเทวาและขอบเขตราชันเซียน ภัยพิบัติเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับวันโลกาวินาศ พวกเจ้าคิดจริง ๆ น่ะหรือ ว่าตนจะสามารถเอาชนะเต๋าแห่งสวรรค์ได้ด้วยกำลังน้อย ๆ เช่นนี้? อีกทั้งไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นใครมาจากไหน ตอนนี้พวกเจ้าก็เป็นแต่เพียงนักโทษที่รอวันพิพากษาต่อหน้าเต๋าแห่งสวรรค์เท่านั้น!” ซุ่ยเหรินถึงคำรามเยือกเย็น แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธในสิ่งที่หลียางพูด
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นิกายอำนาจเทวะสามารถหยิบยืมพลังจากเต๋าแห่งสวรรค์มาใช้ประโยชน์ได้ แต่ยังไม่อาจควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นแล้ว นิกายอำนาจเทวะคงจะเข้ายึดครองภพทั้งสามได้นับแต่ยุคบรรพกาลแล้ว
“การตอบโต้ไปมาเช่นนี้ข้าไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อันใด เพราะอย่างไรเสีย เราจะรู้คำตอบได้ก็ต่อเมื่อเราได้ลองลงมือเท่านั้น” หลียางตอบด้วยท่าทีเรียบง่าย คิ้วคู่โก่งของนางเลิกสูงคล้ายกำลังยิ้มเยาะด้วยความมากเล่ห์ “เฮ้อ ซุ่ยเหรินถิง นี่เจ้าคิดจะพูดจาเพื่อซื้อเวลาไปอีกนานหรือไม่?”
สิ้นเสียง หญิงสาวก็หันไปส่งกระแสปราณกับคนอื่น ๆ ต่อ “ภัยพิบัติครั้งนี้อย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น ทุกท่านโปรดสงบใจ สถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้แย่อย่างที่พวกท่านคิด ทว่าการต่อสู้ครั้งนี้ก็เกินขอบเขตของภพทั้งสามไปมากแล้ว มันกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างเขาเทพพยากรณ์ของข้า ตำหนักเต๋าหนี่หวาและนิกายอำนาจเทวะ แม้ว่าภัยพิบัติจะมาถึง แต่วิถีแห่งโชคชะตาจะปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน”
จิตใจของผู้ฟังสดชื่นขึ้นในทันที พวกเขารู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้ยินเช่นนั้น
โดยเฉพาะจ้าวไท่ฉือ อ๋าวจิ่วหุย และฉือฉางเซิง เมื่อได้ยินคำว่าวิถีแห่งโชคชะตา ภายในใจพลันสะท้านไหว ความหวังที่เคยริบหรี่ถูกปลุกเร้าให้กลับมาลุกโชติช่วงอีกครั้ง
พวกเขากำลังหวังสิ่งใดอยู่อย่างนั้นหรือ?
แน่นอนว่าต้องเป็นวิถีแห่งโชคชะตา เพราะถ้าหากได้รับมัน ก็หมายความว่าพวกเขาจะสามารถค้นหาเส้นทางไปยังแดนเทพโบราณซึ่งอยู่ภายในภัยพิบัติได้!
สำหรับเฉินซี… ทั้งหมดนี้ออกจะเกินความเข้าใจของเขาไปสักหน่อย สิ่งที่ชายหนุ่มทำได้ในตอนนี้มีเพียงเฝ้ารออย่างเงียบเชียบ คล้ายกำลังถูกลดบทบาทให้ถอยลงไปเป็นฝ่ายสนับสนุน แต่มีเพียงผู้ที่ใส่ใจอย่างแท้จริงเท่านั้นที่จะรู้ว่า…
หากเฉินซีไม่อยู่ที่นี่ เซวียนหยวนเส้า เซวียนหยวนเฟิงเฉิน และเซวียนหยวนท่าเป่ยก็คงจะไม่ปรากฏตัวที่นี่ ในขณะที่ราชันเซียนรัตติกาลก็คงจะไม่เร่งร้อนทั้ง ๆ ที่กำลังอยู่ในการปิดด่านบ่มเพาะเพื่อบรรลุขอบเขตเทวา
ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่จ้าวไท่ฉือ อ๋าวจิ่วหุย และฉือฉางเซิงก็คงไม่เข้ามามีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้
ในอีกด้านหนึ่ง เหมิงซิงเหอและหลียางนั้นเป็นศิษย์พี่ของเฉินซี อาจกล่าวได้ว่าเฉินซีนั้นเป็นเสมือนแกนหลักระหว่างพวกเขาทั้งหมด สิ่งเดียวที่เขาขาดไปมีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้น
แม้แต่ซุ่ยเหรินถึงก็ยังไม่กล้าประมาทด้วยเฉินซีเป็นผู้ถือครองกระบี่เต๋าวิบัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถต่อกรกับนิกายอำนาจเทวะได้ ในขณะที่ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากนั้นมีพลังซ่อนตัวจากอานุภาพของสวรรค์
ดังนั้นแม้ว่าเฉินซีจะดูอ่อนแอ แต่เรื่องนี้ก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอนถ้าหากไม่มีเขา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...