บทที่ 1465 ภัยพิบัติมาถึงแล้ว
……………………………………………………………………..
บทที่ 1465 ภัยพิบัติมาถึงแล้ว
หลังจากที่มันดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์ พลังของเนตรทัณฑ์สวรรค์ก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และพลังของเต๋าสวรรค์ที่มันปลดปล่อยออกมา เสมือนกับจุดจบของโลกกำลังมาถึง
ท้องฟ้าพังทลายลง กลายเป็นเศษเสี้ยวของกระแสความโกลาหลที่ปั่นป่วนวุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นเวลา มิติ และกฎที่อยู่ภายในนั้น ล้วนอยู่ในสภาพล่มสลายครั้งใหญ่
ทั้งหมดนี้เกิดจากเนตรทัณฑ์สวรรค์
เมื่อมองขึ้นไปจากผืนดิน ดวงตาที่ลึกล้ำ เย็นชาและไร้อารมณ์ ผันกลายเป็นเจ้าผู้ครองหนึ่งเดียวเหนือท้องฟ้าที่กำลังพังทลายลง!
นอกเหนือจากกลุ่มของเฉินซี ก็ไม่พบร่องรอยของสิ่งมีชีวิตใด ๆ ในฟ้าดินที่กว้างใหญ่นี้!
”ไม่อาจหันหลังกลับไปได้แล้วหรือ?” หลียางกล่าวอย่างหนักใจ คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน พวกเขาต่างเผยสีหน้าอันเคร่งเครียดที่เห็นได้ยาก เพราะล้วนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของภัยพิบัติที่เกิดจากเนตรทัณฑ์สวรรค์
“ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวไว้ว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจแก้ไข ซึ่งถูกเตรียมการโดยนิกายอำนาจเทวะและมันถูกกำหนดไว้นานแล้ว ไม่มีผู้ใดในสามภพที่สามารถแก้ไขมันได้” เที่ยอวิ๋นไห่กล่าวเสียงดัง ร่างกายที่เปล่งพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ปกป้องทุกคนอย่างแน่นหนา ทำให้หลีกเลี่ยงจากการถูกบดขยี้ด้วยแรงกดดันจากเนตรทัณฑ์สวรรค์ได้
“มหาเต๋ามักจะทิ้งร่องรอยของโอกาสที่จะมีชีวิตรอดอยู่ในฟ้าดินเสมอ และสรรพสิ่งภายในสามภพก็เป็นเช่นกัน แล้วจะถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจแก้ไขได้อย่างไร?” หลียางขมวดคิ้ว สับสนอย่างยิ่ง
“ศิษย์น้อง เจ้าไม่เข้าใจเรื่องนี้ ร่องรอยที่หลงเหลือนั้น หมายถึงความโกลาหลในช่วงเริ่มต้นของโลก ความโกลาหลทำให้เกิดเต๋าแห่งสวรรค์ เต๋าให้กำเนิดหนึ่ง หนึ่งให้กำเนิดสอง สองให้กำเนิดสาม และสามให้กำเนิดสรรพสิ่ง”
เป็นปราชญ์เฒ่าที่กล่าว สีหน้าของเขามืดมนและซีดเซียวอย่างน่าสยดสยอง แต่กลับเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณเมื่อกล่าวถึงหลักการและความลับของจักรวาล “สรรพสิ่งล้วนมีชีวิตและดับไป เป็นชะตากรรมของพวกมัน สัตว์ทั้งหลายในโลกต้องทนทุกข์จากความโลภ การฆ่าฟัน ความโศกเศร้าหรือความสุข และมันทำให้ต้องพัวพันกับกรรม ในขณะที่ชะตากรรมของพวกมันมาบรรจบกัน ดังนั้นภัยพิบัติจึงเกิดในเวลาอันสมควร มันไม่มีที่สิ้นสุด และยังถือสิ่งมีชีวิตทั้งปวงเป็นดั่งมด…”
หลียางหมดความอดทนในขณะที่ฟังสิ่งนี้ และนางก็ขัดจังหวะก่อนที่ชายชราจะทันได้กล่าวจบ “ศิษย์พี่สี่ ช่วยสรุปด้วย”
ใบหน้าของปราชญ์เฒ่าแข็งทื่อ และเม้มริมฝีปากพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กระอักกระอ่วน “กล่าวอีกนัยหนึ่ง ร่องรอยของโอกาสในการเอาชีวิตรอดนั่นถูกทิ้งไว้สำหรับสิ่งมีชีวิตมากมายในโลก และไม่ใช่สำหรับพวกเราผู้บ่มเพาะ”
เมื่อสังเกตเห็นว่าทุกคนยังคงไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทั้งหมดนี้กับสถานการณ์ที่ไม่อาจแก้ไขได้ในปัจจุบัน เที่ยอวิ๋นไห่กล่าวอย่างตรงไปตรงมาทันที “ศิษย์น้องหญิง ลองดูภัยพิบัติของวันนี้สิ ไม่ว่าพวกเจ้าจะถูกกักขังและถูกสังหารอยู่ภายในค่ายกล หรือขุนพลสังหารเทพทั้งเจ็ดจะถูกทำลายล้าง ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ไม่ว่าจะโลหิตเทพ ดวงวิญญาณ หรือลมหายใจ ทุกสิ่งล้วนถูกเนตรทัณฑ์สวรรค์กลืนกิน เพื่อที่มันจะกลายเป็นชนวนที่ทำให้ภัยพิบัติปะทุขึ้น”
เที่ยอวิ๋นไห่หยุดชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจแก้ไขได้ ซึ่งเจ้านิกายอำนาจเทวะได้จัดเตรียมไว้ และเป้าหมายสุดท้ายของเขาคือการชักนำภัยพิบัติลงมาล่วงหน้า ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่พวกมันจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากภัยพิบัตินี้ สำหรับชะตากรรมของขุนพลสังหารเทพทั้งเจ็ดนั้น ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อเจตจำนงของเจ้านิกายอำนาจเทวะได้เลย”
ในที่สุด ทุกคนก็เข้าใจอย่างฉับพลัน และจากนั้นความหนาวเย็นก็กัดกินหัวใจทันที ราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็งอันเยือกเย็น!
เจ้านิกายอำนาจเทวะผู้นี้ ไม่โหดเหี้ยมเกินไปหน่อยหรือ!?
แม้แต่ขุนพลสังหารเทพทั้งเจ็ดที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มานานจนไม่อาจนับ ก็ยังถูกใช้เป็นหมากในแผนการของเขา แผนการนี้ช่างน่าสะพรึงจริง ๆ!
ในขณะนี้ ร่องรอยความสุขที่เหลืออยู่ในใจได้มลายหายไปหมดสิ้น และพวกเขาก็รู้สึกถูกกดดันแทน
เป็นเรื่องจริงที่พวกเขาได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ และรอดมาได้อย่างปลอดภัย แต่ท้ายที่สุด พวกเขายังตกอยู่ในแผนการของเจ้านิกายอำนาจเทวะ ทั้งยังไม่มีโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์ได้เลย!
ถึงขนาดที่กลายเป็นหมากในแผนการของเจ้านิกายอำนาจเทวะเช่นกัน!
ความรู้สึกของการถูกบงการโดยผู้อื่นทั้งที่ไม่รู้ตัวนั้น เป็นเหตุผลที่ทำให้หัวใจของพวกเขารู้สึกหนาวเย็น
“ทุกคน ข้าตั้งใจจะเดินทางไปยังคุกเนตรเซียน” ในขณะที่คนอื่น ๆ รู้สึกหนักใจ เฉินซีกลับกล่าวขึ้นมา เมื่อมองไปจึงเห็นว่าสีหน้าของเฉินซีนั่นดูมืดมนอย่างยิ่ง ทั้งยังเต็มไปด้วยความกังวล
ใช่แล้ว เฉินซีที่เคยประสบกับภัยพิบัตินี้และรอดชีวิตจากมันได้ จู่ ๆ เขาก็ตระหนักถึงปัญหาหลังจากที่สงบใจ มารดาของเขา จั่วชิวเสวี่ย ยังคงถูกกักขังอยู่ในคุกเนตรเซียน!
ไม่ใช่ความผิดของเขาที่เพิ่งตระหนักได้ในเวลานี้ เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสะพรึงกลัวเกินไป และทุกย่างก้าวอาจกล่าวได้ว่า เหมือนเอาชีวิตไปแขวนบนเส้นด้าย ดังนั้นเขาจึงไม่อาจสงบใจได้เลย
แต่ในขณะนี้ สติของเฉินซีกลับมาปลอดโปร่งอีกครั้ง และเขาตระหนักถึงปัญหานี้ ดังนั้นการแสดงออกจึงไม่น่าดูอย่างยิ่ง ทั้งยังรู้สึกผิด และตำหนิตนเอง
“ศิษย์น้องเล็ก ข้าต้องขออภัยด้วย ภัยพิบัตินี้ร้ายแรงเกินไป จิตใจของข้าจึงอดไม่ได้ที่จะมองข้ามบางสิ่งไป” หลียางก็เข้าใจเช่นกัน และนางมีสีหน้ารู้สึกผิด ซึ่งขณะที่กล่าวเช่นนี้ นางก็คว้ามือของเฉินซีไว้ “มาเถอะ ไปด้วยกันเลย”
“ช้าก่อน!” เที่ยอวิ๋นไห่รีบหยุดพวกเขาทันที
หลียางและเฉินซี แล้วหันกลับมามองเจ้าของเสียง
สีหน้าของเที่ยอวิ๋นไห่แปลกพิลึก และครุ่นคิดลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวว่า “ใครบางคนทำลายคุกเนตรเซียนไปแล้ว ก่อนที่ศิษย์พี่และข้าจะมาถึงเสียอีก แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไปศิษย์น้องเล็ก มารดาของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ และข้าจะบอกเจ้าทุกอย่างในไม่ช้า”
คิ้วของเฉินซีเลิกขึ้น และนิ่งเงียบอยู่นาน ก่อนที่จะตอบตกลงในท้ายที่สุด
ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมศิษย์พี่สามเที่ยอวิ๋นไห่ถึงต้องการหยุดเขา แต่เนื่องจากศิษย์พี่สามกล่าวเช่นนั้น มันย่อมมีความหมายอย่างแน่นอน และเขาสามารถเชื่อใจศิษย์พี่สามได้
อย่างไรก็ตาม ลางร้ายก็ผุดขึ้นในใจอย่างไม่มีสาเหตุ ดูเหมือนว่าท่านแแม่จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ข้าคงไม่อาจพบกับนางได้ในตอนนี้…
นี่เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...