บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1466

บทที่ 1466 โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชา

……………………………………………………………………..

บทที่ 1466 โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชา

เมื่อเสียงสง่างามอันสูงสุดและไม่แยแสนั้นดังก้องไปทั่วสามภพ ผู้บ่มเพาะทุกคนในโลกล้วนประหลาดใจ ทั้งยังตระหนักได้ทันทีว่าภัยพิบัติครั้งใหญ่กำลังจะกวาดล้างอยู่ในเวลานี้!

โครม

ณ ปลายขอบฟ้าอันไกลโพ้น เสียงพลันดังขึ้น และเขย่าฟ้าดินอันกว้างใหญ่ไพศาล มันก้องกังวานไปทั่วผืนฟ้าของสามภพ

“มันกำลังมาแล้วหรือ?” เฉินซีรู้สึกหวาดกลัวในใจ

เสียงดังกึกก้องนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงภพเซียน และแม้แต่ผู้บ่มเพาะธรรมดา ๆ ของทุกโลกในจักรวาลก็สัมผัสได้ในขณะนี้

“มันใกล้จะถึงแล้ว!” แสงอันคมกริบพลันปรากฏเหนือคิ้วหนาของศิษย์พี่สามเที่ยอวิ๋นไห่ จากนั้นเขาก็ยกค้อนยักษ์ในมือขึ้น แล้วเหวี่ยงมันไปในทันที

เงาค้อนที่เรียงรายต่อ ๆ กัน ได้ชักนำพลังงานในฟ้าดิน และมันเชื่อมโยงเข้ากับดวงดาว ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขต ความล้ำลึกของเหล่าทวยเทพได้ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า จากนั้นก็กลายเป็นแผ่นยันต์มากมายที่ก่อตัวเป็นค่ายกลใหญ่

ค่ายกลนี้ เป็นดั่งการสรรค์สร้างอันน่าอัศจรรย์ของธรรมชาติ มันเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อันวุ่นวาย และเผยให้เห็นเงาของทวยเทพที่กำลังสวดภาวนา ถือได้ว่าเป็นเลอเลิศและไร้ที่ติ แล้วยังห่อหุ้มทุกคนไว้ภายในมัน

แท้จริงแล้ว นี่คือค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตัวจากยันต์เทวะจำนวนมาก ซึ่งเปี่ยมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์!

เฉินซีมองเห็นแก่นแท้ของค่ายกลนี้ด้วยการชำเลืองเพียงแวบเดียว และอดไม่ได้ที่จะตกใจ ด้วยความสามารถในการสร้างค่ายกลศักดิ์สิทธิ์นี้ในชั่วพริบตา การบ่มเพาะของศิษย์พี่สามนั้น น่าสะพรึงจนไม่อาจหยั่งถึงได้!

“ทุกคน ตั้งสติและรออย่างสงบ แม้ว่าภัยพิบัตินี้จะปะทุขึ้นล่วงหน้าโดยเจ้านิกายอำนาจเทวะ และเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดมัน แต่เมื่อมันลงมาแล้ว มันก็ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของนิกายอำนาจเทวะอีกต่อไป ทั้งยังมีร่องรอยแห่งโอกาสให้ค้นหาท่ามกลางภัยพิบัติที่ร้ายแรงอยู่ภายในนั้น” เที่ยอวิ๋นไห่กำชับด้วยเสียงทุ้มลึกเบา

“โอกาสอันใดหรือ?” เฉินซีตกตะลึง

“โดยปกติแล้ว ย่อมเป็นเส้นทางสู่แดนเทพโบราณ” หลียางพึมพำด้วยเสียงเบา ๆ

ทันทีที่กล่าวจบ คนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงอย่างรุนแรงในใจ เส้นทางสู่ดินแดนเทพโบราณ! นั่นเป็นโอกาสอันดียิ่ง!

โดยเฉพาะจ้าวไท่ฉือ อ๋าวจิ่วหุย ฉือฉางเซิง และคนอื่น ๆ ที่ขอบเขตเทวา เมื่อได้ยินคำเหล่านี้ ดวงตาของพวกเขาก็สว่างวาบ และรู้สึกตื่นเต้นในใจ

“แม้โอกาสจะยิ่งใหญ่ แต่เจ้าก็ต้องมีชีวิตรอดเพื่อแย่งชิงมัน ในภัยพิบัติครั้งนี้ โอกาสนั้นมีน้อยมาก ส่วนใหญ่มักเต็มไปด้วยภยันตรายร้ายแรง ดังนั้นจึงยากที่จะกล่าวว่าเราจะมีชีวิตรอดหรือไม่” หลียางถอนหายใจเบา ๆ

“ศิษย์น้องเล็ก ไม่จำเป็นต้องกังวล ภัยพิบัติครั้งนี้อย่างน้อยก็จะคงอยู่ไปอีกนาน การดำรงอยู่เช่นคนทั่วไปคือผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ แต่สำหรับเราผู้บ่มเพาะก็มิอาจหลีกเลี่ยงมันได้ และผู้ที่จะประสบคราวเคราะห์เป็นอันดับแรกก็คือเหล่าตัวตนที่ขอบเขตเทวา” เมื่อนางสังเกตเห็นสีหน้าที่หนักอึ้งของเฉินซี หลียางอดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มและปลอบใจ “เว้นเสียแต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเทวาภายในสามมิติทั้งหมดจะหายไปอย่างสมบูรณ์ภายใต้ภัยพิบัตินี้ มิฉะนั้น มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อตัวตนที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตเทวา”

“หากเป็นเช่นนี้ ภัยพิบัติครั้งนี้ก็มุ่งเป้าไปที่ตัวตนที่ขอบเขตเทวาหรือ?” เฉินซีรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

“ไม่ ในท้ายที่สุด สักวันหนึ่งตัวตนที่ขอบเขตเทวาจะถูกกำจัดจนหมดสิ้น ในเวลานั้น ภัยพิบัตินี้จะคืบคลานสู่ผู้บ่มเพาะขอบเขตราชันเซียน ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น ขอบเขตเซียนปราชญ์ และอื่น ๆ ไปตามลำดับ” หลียางส่ายศีรษะและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่เป็นภัยพิบัติที่น่ากลัวที่สุดนับตั้งแต่มีการสร้างสามภพขึ้นมา เบญจนิมิตแห่งอาสัญได้จุติลงมาจากสวรรค์แล้ว และมันตั้งใจที่จะสร้างยุคใหม่ ดังนั้นไม่มีผู้บ่มเพาะคนใดที่สามารถหลบหนีไปจากมันได้”

บัดนี้ ในที่สุดเฉินซีก็เข้าใจแล้วว่าภัยพิบัตินี้น่ากลัวเพียงใด

ตัวตนที่ขอบเขตเทวาจะต้องประสบคราวเคราะห์เป็นอันดับแรก จากนั้นจะเป็นขอบเขตราชันเซียน ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น ขอบเขตเซียนปราชญ์ ขอบเขตเซียนทองคำ และอื่น ๆ ตามลำดับ

เว้นเสียแต่ว่าภัยพิบัตินี้จะสิ้นสุดลง ไม่เช่นนั้นจะไม่มีผู้บ่มเพาะคนใดสามารถหลบหนีไปได้!

แครก!

ขณะที่ทุกคนพูดคุยกัน รอยแยกมิติก็เปิดออกในท้องฟ้า และมันแผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากนั้น โลกทุกใบในจักรวาลก็ดูเหมือนจะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสมือนกับรูโหว่ในเต๋าแห่งสวรรค์ของสามภพ และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็สั่นสะเทือน

ในขณะนี้ เหล่าผู้บ่มเพาะทุกคนในสามภพต่างสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวในใจ สัตว์อสูรที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขาก็ส่งเสียงหอน และสัตว์อสูรบินต่าง ๆ ก็กระวนกระวาย พวกมันล้วนกระสับกระส่าย หวาดกลัว และไม่สบายใจ

แทบจะในทันที ท้องฟ้าของโลกทุกใบในจักรวาลก็ถูกปกคลุมอย่างหนาแน่นด้วยรอยแยกมิติที่สลับซับซ้อนเหมือนใยแมงมุม และมันก็ใกล้จะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ดูเหมือนท้องฟ้ากำลังจะพังทลายและไม่มีอยู่จริงอีกต่อไป!

ตู้ม!

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็มีเสียงระเบิดขนาดมหึมาดังก้องไปทั่วทุกมุมของสามภพ ราวกับโลกใหม่ได้ก่อตัวขึ้น และบัญชาเต๋าสวรรค์ที่ประคับประคองการทำงานของสามภพก็สั่นคลอนอยู่ในขณะนี้จริง ๆ ทำให้มันกลายเป็นความโกลาหลครั้งใหญ่

หลังจากนั้น เกิดความผันผวนแปลกประหลาดบนท้องฟ้าที่พังทลาย และจากนั้นก็มีประตูบานหนึ่งถูกควบแน่นซึ่งถูกสร้างขึ้นที่นั่น!

มันเป็นประตูจริง ๆ มันเหมือนกับประตูแห่งท้องฟ้า และมันปรากฏท่ามกลางบัญชาเต๋าสวรรค์ แม้ดูเหมือนจะอยู่ห่างไกลมาก แต่ก็สะท้อนให้เห็นในโลกทุกใบในจักรวาล ผู้บ่มเพาะทุกคนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน และความหนาวเย็นก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของพวกเขา

นั่นคือประตูอะไร?

มันเป็นประตูที่นำไปสู่ภัยพิบัติหรือไม่?

สิ่งมีชีวิตทั้งปวงล้วนตกอยู่ในความตื่นตระหนก กระสับกระส่าย และวิตกกังวล พวกเขารู้สึกถึงกลิ่นอายที่น่าสะพรึงและคุกคามอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน จนเกือบหมดสติไป

โครม!

เมื่อประตูในท้องฟ้าได้ควบแน่นจนเป็นรูปเป็นร่าง ฟ้าดินก็ถูกเขย่า และโลกทุกใบในจักรวาลสั่นสะเทือน!

“กำลังจะเปิดแล้ว!” เที่ยอวิ๋นไห่หายใจเข้าลึก ๆ และสะสมพลังระหว่างที่รอคอย

เฉินซีจ้องมองอย่างกังวลใจ ประตูนั้นได้ก่อตัวขึ้นในท้องฟ้า และสะท้อนให้เห็นในโลกทุกใบในจักรวาล นอกจากนี้ มันถูกปกคลุมด้วยความผันผวนที่คลุมเครือ จนไม่สามารถมองเห็นได้อย่างแน่ชัดว่ามันคืออะไร

แต่เพียงแค่มองมัน ก็ทำให้ขนตั้งชูชันไปทั้งตัว และรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในหัวใจ ราวกับต้นตอของภัยพิบัติได้อยู่ลึกเข้าไปในประตูบานนั้น

ท้องฟ้าพังทลายลง ในขณะที่ประตูตั้งตระหง่านอยู่ภายในนั้น มันทำให้ฟ้าดินในโลกต่าง ๆ มืดสลัวลง ราวกับกำลังจะตกไปสู่ความมืดมิดและความพินาศอันชั่วนิรันดร์…

ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]