บทที่ 1467 ท้าทายสวรรค์
……………………………………………………………………..
บทที่ 1467 ท้าทายสวรรค์
ในบรรดาผู้คนที่อยู่ที่นี่ นอกจากเที่ยอวิ๋นไห่และปราชญ์เฒ่า เหมิงซิงเหอ หลียาง จ้าวไท่ฉือ อ๋าวจิ่วหุย ฉือฉางเซิง หยวนเชอ คงหลิน อวี่ฉือว่าน อวิ๋นซู่ สืออวี๋ และเซียงหลิวหลีต่างก็บรรลุถึงขอบเขตเทวา
มีทั้งหมดสิบสามคน
คนอื่น ๆ ล้วนอยู่ต่ำกว่าขอบเขตเทวา
ตามที่หลียางกล่าวไว้ เมื่อภัยพิบัตินี้ปะทุขึ้น ผู้ที่บรรลุขอบเขตเทวาจะเป็นคนแรกที่ต้องเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรง ยิ่งไปกว่านั้น เว้นเสียแต่ว่าตัวตนที่ขอบเขตเทวาในสามภพทั้งหมดจะถูกทำลายล้าง มิเช่นนั้น ภัยพิบัตินี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำรงอยู่ที่ต่ำกว่าขอบเขตเทวาเป็นการชั่วคราว
ดังนั้นทันทีที่เที่ยอวิ๋นไห่กล่าวจบ สีหน้าของเหล่าผู้ที่บรรลุขอบเขตเทวาก็กลายเป็นเคร่งขรึม พวกเขาต่างโคจรพลังบ่มเพาะ ควักสมบัติศักดิ์สิทธิ์ออกมา แล้วสะสมพลังพลางเฝ้ารอ
“แดนโลกาวินาศอยู่หลังประตูบานนั้นบนท้องฟ้า หากเราสามารถผ่านมันไปได้ เราก็จะมีโอกาสเข้าสู่แดนเทพโบราณ แต่ถ้าเราไม่สามารถผ่านมันไปได้ เราก็จะพินาศหรืออาจถูกคุมขังอยู่ภายในนั้นไปชั่วนิรันดร์” เที่ยอวิ๋นไห่ควบคุมค่ายกลศักดิ์สิทธิ์เพื่อต้านทานโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาที่ถล่มลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พลางกล่าวผ่านกระแสปราณเพื่อเตือนทุกคนว่าต้องระวัง
“ส่วนศิษย์น้องเล็ก เจ้าไม่ต้องกังวลใจไป โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อเจ้าตอนนี้” ขณะที่กล่าว เที่ยอวิ๋นไห่ดูเหมือนจะตระหนักถึงบางเรื่อง จึงกล่าวกับเฉินซีผ่านกระแสปราณเพียงผู้เดียว “ศิษย์น้องเล็ก แม้ว่าคุกเนตรเซียนจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ก็มีสถานที่ที่ปลอดภัยอยู่ภายในนั้น เจ้าสามารถไปที่นั่นได้หากภัยพิบัติยังคงอยู่ เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าจะเข้าใจทุกอย่างเอง”
หัวใจของเฉินซีสั่นไหว พลันพยักหน้ารับ
“ศิษย์น้องเล็ก นี่คือจานหยกวิญญาณดาราแห่งเขาเทพพยากรณ์ของเรา เจ้าจะสามารถไปถึงที่ตั้งของนิกายได้โดยอาศัยสมบัติชิ้นนี้ หลังจากที่เราแยกทางกันในวันนี้ ข้าไม่รู้ว่าเราจะได้พบกันอีกเมื่อไร ดังนั้นเจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี” ทันใดนั้น หลียางกล่าวพลางส่งจานหยกที่เต็มไปด้วยแสงของดวงดาวอันเย็นเฉียบให้กับเฉินซี จากนั้นก็เผยสีหน้าเศร้าสลดและไม่เต็มใจที่จะแยกทางกับศิษย์น้องของตน
หัวใจของเฉินซีสั่นไหว พลันกล่าวว่า “ศิษย์พี่หญิง ท่านก็จะจากไปเช่นกันหรือ?”
“มันไม่ใช่แค่ข้า เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของเขาเทพพยากรณ์ทั้งหมดก็กำลังจะจากไป สุดท้ายแล้วไม่มีใครสามารถหลีกหนีภัยพิบัตินี้ได้…” หลียางถอนหายใจเบา ๆ และรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย
จู่ ๆ ความรู้สึกที่ซับซ้อนก็ผุดขึ้นในใจของเฉินซี ชายหนุ่มหายใจเข้าลึก ๆ พลางเก็บจานหยกวิญญาณดาราไป “ศิษย์พี่อย่าได้เป็นห่วง ข้าจะดูแลนิกายเอง”
หลียางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทั้งหมดนี้เป็นเพียงของภายนอกเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไป สักวันหนึ่ง ภัยพิบัตินี้จะส่งผลต่อเจ้าในที่สุด บางทีเราอาจจะได้พบกันอีกครั้งในแดนเทพโบราณ”
“ศิษย์น้องเล็ก ครั้งนี้ข้าจากนิกายไปอย่างกะทันหัน และมีตำราของข้าหลายเล่มยังคงอยู่ในนิกาย หากเจ้ามีเวลาว่าง ก็ช่วยดูแลรักษาพวกมันและอย่าปล่อยให้พวกมันถูกทำลายในภัยพิบัตินี้” ปราชญ์เฒ่ากล่าวกำชับ
“ไม่ต้องห่วงศิษย์พี่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” เฉินซีพยักหน้าและตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“ศิษย์น้องเล็ก ในนิกายยังมีอักขระกระดูกต้นกำเนิดที่ข้ารวบรวมมาจากสามภพในตลอดหลายปีที่ผ่านมา และมีเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงขามมากมายในหมู่พวกมัน เจ้าจงรับมันไว้ทั้งหมดและไปศึกษาดู ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” เที่ยอวิ๋นไห่ระเบิดเสียงหัวเราะ แล้วกำชับเฉินซีเช่นกัน
“ศิษย์น้องเฉินซี เจ้าต้องดูแลสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าให้ดีหลังจากที่ข้าจากไป มันเป็นสิ่งที่จักรพรรดิเต๋าก่อตั้งขึ้นมาอย่างอุตสาหะ ซึ่งเจ้าห้ามให้ผู้อื่นล่วงล้ำมันเป็นอันขาด และเมื่อใดเจ้าจะมุ่งหน้าสู่แดนโลกาวินาศ เจ้าควรหาผู้สืบทอดที่เชื่อถือได้ เพื่อรับตำแหน่งเจ้าสำนักแทนเจ้า ด้วยวิธีนี้ มันจะถูกสืบทอดไปตลอดกาล และเราจะไม่ผิดต่อจักรพรรดิเต๋าที่ได้ก่อตั้งสำนัก” ในขณะนี้ เหมิงซิงเหอก็กล่าวเช่นกัน และเขาได้ส่งตราประทับหยกสัมฤทธิ์ที่เก่าแก่มากให้กับเฉินซี
ตราประทับหยกนี้มีขนาดเพียงกำปั้น มันถูกแกะสลักด้วยภาพขนาดใหญ่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว แผ่นดิน และอื่น ๆ มันเปล่งพลังงานของชะตากรรมอันไร้ขอบเขต
นี่คือสุดยอดสมบัติของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ตราประทับหยกนพกระแสเป็นสมบัติสำคัญที่สยบชะตากรรม และสืบทอดมานานนับไม่ถ้วน ยิ่งไปกว่านั้น ตราประทับหยกนี้ได้รับการหล่อเลี้ยงมาเป็นเวลานาน โดยชะตากรรมของเต๋าสวรรค์ให้เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ และมันลึกซึ้งอย่างไม่อาจหยั่งถึงได้
มีเพียงเจ้าสำนักแห่งสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเท่านั้นที่สามารถครอบครองตราประทับหยกนี้ได้
เมื่อพวกเขาเห็นเหตุการณ์นี้ หัวเจี้ยนคง จั่วชิวเฟยหมิง เซวียนหยวนเส้า และคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึง สายตาที่จ้องมองเฉินซีทอประกายสับสน เนื่องจากการที่เหมิงซิงเหอได้มอบตราประทับหยกนี้ให้กับเฉินซี นั่นเทียบเท่ากับบอกภพเซียนทั้งหมด ว่าเฉินซีจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า!
เฉินซีไม่รู้ว่าตราประทับหยกนพกระแสนั่นคือสิ่งใด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเหมิงซิงเหอจะไม่ทำเช่นนี้ แต่เขาก็ยังคงทำทั้งหมดนี้เพื่อเหมิงซิงเหอ เพราะจักรพรรดิเต๋าจี้อวี๋เป็นอาจารย์ลุงของเขาเอง
“เฉินซี ตอนนี้เจ้าได้บรรลุขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นแล้ว นี่คือประสบการณ์และความเข้าใจทั้งหมดที่ข้าได้รับในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากบรรลุขอบเขตราชันเซียน ข้าก็ไม่ได้รับลูกศิษย์คนใดเลย ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์ถ้าข้าจะเก็บมันไว้ ฉะนั้นเจ้าก็รับมันไปเถิด” ราชันเซียนรัตติกาลก็กล่าวในเวลานี้เช่นกัน และนางก็ส่งแผ่นหยกสีม่วงอ่อนให้เฉินซี
“เจ้า… ก็จะจากไปเช่นกันหรือ?” คราวนี้ เฉินซีกลับต้องตกลึง เพราะเขาทราบดีว่าราชันเซียนรัตติกาลยังไม่บรรลุขอบเขตเทวา
“ข้าเหลือเพียงอีกก้าวเดียวก็จะบรรลุขอบเขตแล้ว และข้ารู้สึกว่าวังวนโลกาวินาศนั่นเป็นโอกาสที่ข้ากำลังแสวงหาอยู่” ราชันเซียนรัตติกาลแย้มยิ้มพลางกล่าว
เฉินซีมองไปที่เที่ยอวิ๋นไห่อย่างอดไม่ได้
เที่ยอวิ๋นไห่ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า “หากใครเข้าสู่แดนโลกาวินาศด้วยตัวเอง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกก็สามารถไปยังที่นั่นได้ อย่างไรก็ตาม ภัยพิบัติที่ใคร ๆ ก็ต้องเผชิญเมื่อเข้าไปนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเทวาจะสามารถทนได้”
ขณะที่กล่าว เขาจ้องมองราชันเซียนรัตติกาลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เจ้ามีรากฐานที่จะกลายเป็นเทพอยู่แล้ว หากเจ้าตั้งใจแน่วแน่ที่จะใช้เส้นทาง ก็มากับข้าเถิด”
“ขอบคุณท่านนักพรตที่ช่วยให้ข้าได้บรรลุความปรารถนา!” ราชันเซียนรัตติกาลโค้งคำนับด้วยความยินดี
ในขณะนี้ แม้แต่หัวเจี้ยนคง เซวียนหยวนเส้า เซวียนหยวนเฟิงเฉิน เซวียนหยวนท่าเป่ย และจั่วชิวเฟยหมิงก็ถูกล่อลวงอย่างมากเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...