บทที่ 1483 มิอาจหยุดยั้ง
……………………………………………………………………..
บทที่ 1483 มิอาจหยุดยั้ง
เพียงกระบวนท่าเดียว ราชันเซียนเจี้ยงฉางอวินก็เผยวี่แววพ่ายแพ้!
เหตุการณ์นี้น่าตกใจเกินไป และทำให้คนอื่น ๆ ไม่กล้าเชื่อ
ย้อนไปก่อนหน้านี้ เฉินซีได้ฆ่าราชันเซียนครึ่งขั้นอย่างง่ายดายราวกับเชือดเป็ดเชือดไก่ ทำให้คนอื่น ๆ ตระหนักได้ว่า คนผู้นี้มีพลังฝีมือไม่ธรรมดา รวมถึงรู้สึกว่าไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่สามารถต่อกรได้
แต่ไม่มีใครคิดว่าพลังฝีมือของเฉินซีจะน่าสะพรึงถึงขั้นที่ราชันเซียนไม่สามารถต่อกร และยังมีวี่แววว่าจะบดขยี้ราชันเซียนได้ราง ๆ!
ตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบัน จะมีราชันเซียนครึ่งขั้นสักกี่คนในโลกนี้ที่มีความสามารถท้าทายสวรรค์ได้เท่ากับเฉินซี?
มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ถือได้ว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่!
ท่าทางของเจี้ยงฉางอวินไม่น่าดูอย่างยิ่ง นอกจากรู้สึกตกใจและโมโหแล้ว ยังรู้สึกหนักใจอย่างอดไม่ได้ เจ้าเด็กนี่น่าสะพรึงกลัวจนไม่สามารถเทียบกับราชันเซียนครึ่งขั้นทั่วไปได้เลย และไม่อาจตัดสินด้วยสามัญสำนึกทั่วไปได้
ฟิ่ว!
เจี้ยงฉางอวินมีสีหน้าเคร่งขรึม และสร้างผนึกลับด้วยฝ่ามืออย่างรวดเร็ว
โอม!
แสงสีทองของมหาเต๋าปรากฏขึ้น และมันปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขา
“พลังพิทักษ์ประทีปเต๋าที่ไม่สามารถผ่านไปได้!” มีคนอุทานด้วยความตกใจ และจำได้ว่ามันคือเคล็ดวิชาลับที่สำแดงพลังผ่านผนึกโบราณ มันหลอมรวมเข้ากับเต๋าแก่นแท้แห่งฟ้าดิน ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถแปลงร่างเป็นมหาเต๋าได้
นี่เป็นเคล็ดวิชาลับจากยุคบรรพกาลที่สืบทอดกันภายในตระกูลเจี้ยง ตามคำร่ำลือ มันถูกอนุมานจากเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่มีอานุภาพวิเศษ เคล็ดวิชาประทีปเต๋าไร้ขอบเขต และมันลึกซึ้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เห็นได้ชัดว่าเจี้ยงฉางอวินนั้นก็ฝีมือไม่ธรรมดา และยังทัดเทียมกับมู่หรงเทียนอีกด้วย มิฉะนั้นเขาจะมีความสามารถเช่นนี้ได้อย่างไร?
โครม!
เสียงปะทะกันอย่างรุนแรงดังก้องกังวาน เมื่อปราณกระบี่ฟันไปที่แสงสีทองของมหาเต๋า ซึ่งอันที่จริง มันก็ไม่สามารถผ่าแยกออกจากกันได้
ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง คนผู้นี้มีฝีมือไม่ธรรมดาจริง ๆ
ในปัจจุบัน หากไม่ใช่เพื่อสร้างแก่นเต๋าบรรพกาล และแสวงหามหาเต๋าแห่งราชันเซียนที่ไร้ที่ติ เฉินซีก็สามารถบรรลุสู่ขอบเขตราชันเซียนได้ทุกเมื่อ
ถึงกระนั้น ความแข็งแกร่งเท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำการต่อสู้ข้ามขอบเขต หรือแม้กระทั่งสยบเหล่าราชันเซียน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะรากฐานอันล้ำลึกในเต๋าเซียน และกระแสพลังที่เขาดูดซับมาจากโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชา
ขณะที่คิดเรื่องเหล่านี้ในใจ การกระทำของเฉินซีไม่ได้ช้าลงเลย ร่างสูงใหญ่พุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง
ฟิ่ว! ฟิ่ว!
ปราณกระบี่และแสงสีทองของมหาเต๋าปะทะกัน และมันก็ดังก้องกังวานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เจี้ยงฉางอวินก็ไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไป สีหน้าของเขาซีดลง แสงสีทองปกคลุมร่างกายก็แตกกระจายเป็นชิ้น ๆ และกระอักเลือดซ้ำ ๆ
เขากำลังจะถูกสังหาร…
แผนผังไท่จี๋ที่ก่อตัวขึ้นจากปราณสีดำและสีขาวพลันโผล่ขึ้นมา มันหมุนวนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สร้างความปั่นป่วนให้กับห้วงมิติและเวลา แปรเปลี่ยนเป็นหลุมดำที่ไร้ก้นบึ้งซึ่งปรารถนาที่จะดึงดูดทุกสิ่งในโลกให้เข้าไปในนั้น
นี่เป็นการโจมตีจากจงหลีกุย ทันทีที่ลงมือก็ใช้กระบวนท่าที่รุนแรงที่สุด นั่นคือพลังหลุมดำหยินหยาง เมื่อการโจมตีนี้เกิดขึ้น มันสามารถกลืนกินดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวได้ ยิ่งไปกว่านั้น มันสามารถตัดการเชื่อมต่อระหว่างโลกกับจักรวาล ส่งผลให้มันน่าสะพรึงเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะนี้ ไม่ใช่แค่เฉินซีเท่านั้นที่หวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด คนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน เคล็ดวิชาลับดังกล่าวนั่นวิเศษอย่างแท้จริง และถือว่าหาได้ยากแม้แต่ในหมู่ราชันเซียนก็ตาม
“ฮึ่ม!” เฉินซีไม่ได้หลบเลี่ยงและปะทะกับมันซึ่งหน้า เสียงระเบิดดังกึกก้องกังวาน ทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ก่อนที่จะสลายไปสู่กระแสพลังงานที่ยุ่งเหยิง
หากบริเวณโดยรอบของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋าไม่ได้รับการปกป้องโดยข้อจำกัดสูงสุด มันจะถูกทำลายจากการปะทะกันครั้งนี้อย่างแน่นอน
ในทางกลับกัน ผู้ยิ่งใหญ่ของกองกำลังอื่น ๆ ได้ล่าถอยไปไกลแล้ว และล้วนแต่เผยสีหน้าตกตะลึง เพราะเมื่อความผันผวนของการปะทะดังกล่าวแผ่ขยายออกไป ผลที่ตามมาก็ไม่อาจจินตนาการได้
ในขณะนี้ เฉินซีต่อสู้ติดพันกับจงหลีกุย และปะทะกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งสองต่อสู้จนถึงสวรรค์ชั้นฟ้า การต่อสู้นั้นดำเนินไปอย่างดุเดือดเมื่อทั้งสองใช้กระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดเท่าที่พวกเขามี
ในไม่ช้า จงหลีกุยกระอักเลือดเต็มปาก และกระเด็นกลับไป หลังจากการปะทะกันกว่าพันครั้ง ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับเฉินซีได้ อีกทั้งแก่นแท้ยังได้รับความเสียหายจากปราณกระบี่ของเฉินซี ทำให้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในที่สุด
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ทุกคนต่างตื่นตกใจจนหนังศีรษะตื้อชาและแทบหยุดหายใจ คนผู้นี้ไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยหรือ?
หากพวกเขาไม่ได้ยืนยันว่าเฉินซีอยู่ที่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น ก็คงไม่เชื่อในสายตาตนเอง แม้ว่าจะถูกทุบตีจนตายก็ตาม
เพราะนั่นคือราชันเซียน!
ตัวตนที่มีชะตากรรมอันยิ่งใหญ่และมีพลังอำนาจสูงสุดในสามภพ หลังจากการมาถึงของภัยพิบัติ เหล่าเทพก็หายไป เหลือเพียงราชันเซียนที่ได้รับการยกย่อง ทว่าบัดนี้ ราชันเซียนทั้งสองก็พ่ายแพ้ติดต่อกันด้วยน้ำมือของราชันเซียนครึ่งขั้น!
หากข่าวนี้แพร่ออกไปจะมีใครกล้าเชื่อหรือไม่?
มีเพียงมู่หรงเทียนเท่านั้นที่เคยเห็นพลังฝีมือของเฉินซีมาก่อน ดังนั้นเขาจึงสงบสติอารมณ์ได้ แต่ก็ยังรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะพลาดโอกาสสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับเฉินซีไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
โครม!
การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด แม้จงหลีกุยจะพ่ายแพ้ แต่เขาก็ไม่ตาย ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่เฉินซีจะไม่แสดงความเมตตาใด ๆ ชายหนุ่มพุ่งตัวเข้าใส่ด้วยความตั้งใจที่จะสังหารจงหลีกุย
ในขณะนี้ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากเฉินซี ดูเหมือนกับหินหลอมเหลวที่ร้อนระอุ และจักรวาลภายในร่างกายก็ดังก้องกังวาน ร่างสูงใหญ่สอดประสานกับฟ้าดิน รัศมีของเต๋าพันอยู่รอบกาย กลิ่นอายที่น่าประทับใจก็ดูน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...