บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1485

บทที่ 1485 จ้าวพุทธองค์ราตรีสงัด

บทที่ 1,485 จ้าวพุทธองค์ราตรีสงัด

ท่าทางที่อหังการของเฉินซี ทำให้สีหน้าของเหล่าราชันเซียนที่อยู่ในบริเวณโดยรอบเปลี่ยนไปอีกครั้ง และพวกเขารู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตนนั่นถูกหยามอย่างแรง!

ท้ายที่สุด ครั้นเฉินซีเพิ่งเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ผู้อาวุโสเหล่านี้ได้บรรลุขอบเขตราชันเซียนไปตั้งนานแสนนาน และพวกเขาเป็นตัวตนสูงสุดที่ยับยั้งโลกได้ ทั้งยังครอบครองพลังอำนาจอันน่าเกรงขาม ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในภพเซียนต้องตัวสั่นสะท้านเมื่อเผชิญหน้ากับพวกเขา

ในเวลานั้น เฉินซีอาจจะยังไม่เกิดด้วยซ้ำ!

บัดนี้ เด็กน้อยกลับกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ ถือเป็นการดูหมิ่นอย่างยิ่ง!

ในความเป็นจริง ความอาวุโสบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ แต่ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของตนเอง แต่เท่าที่ราชันเซียนเหล่านี้ทราบ เฉินซีเพิ่งบรรลุขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นมาได้สองสามปีเท่านั้น!

แล้วเด็กน้อยเช่นนี้จะกล้าท้าทายพวกเขาได้อย่างไร?

ทว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ไม่เพียงแต่ทำให้ราชันเซียนเหล่านี้โกรธเกรี้ยวเท่านั้น พวกมันยังไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างหุนหันพลันแล่นอีกด้วย!

ย้อนไปก่อนหน้านี้ เมื่อเฉินซีมาถึงตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋า เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็ทำให้ทุกคนตกใจ และโจมตีพวกมันจนต้องถอยร่นกลับไป ยิ่งกว่านั้น ยังทำให้ชายชราผมขาวต้องถอยร่นกลับไปเช่นกัน

ชายชราคนนั้นเป็นตัวตนระดับสูงจากตระกูลเจี้ยง ซึ่งมีนามว่าเจี้ยงทิงฟาง และเขามีชีวิตอยู่มานานจนไม่อาจนับ ในขณะที่ความแข็งแกร่งก็มิอาจหยั่งถึง ทั้งยังเป็นคนรุ่นเดียวกับจ้าวไท่ฉือ ฉือฉางเซิง และอ๋าวจิ่วหุย

ทว่าบัดนี้ เขากลับถูกโจมตีด้วยกระบวนท่าจากราชันเซียนครึ่งขั้น และเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ทั้งหมดนี้ทำให้ราชันเซียนที่อยู่รอบ ๆ ตกตะลึง ทั้งยังรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก

ท้ายที่สุดแล้ว ราชันเซียนครึ่งขั้นกลับสามารถต่อสู้ข้ามขอบเขตได้จริง ๆ และแม้กระทั่งปะทะกันซึ่งหน้ากับผู้เป็นราชันเซียน ดังนั้นมันจึงน่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง และถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน

“เมื่อมีกิเลสในใจ ก็เป็นเรื่องยากที่จะถอนตัว ดังนั้นช่วยโปรดชี้แนะ เพื่อที่ข้าจะได้ตัดกรรมและขจัดกิเลสในใจด้วย” ทันใดนั้น ราชันเซียนจากภพพุทธองค์ก็กล่าวขึ้น คนผู้นี้สวมชุดผ้าป่าน เท้าเปล่า มีสีหน้าแน่วแน่ นอกจากนี้ดวงตายังลึกราวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เผยให้เห็นถึงความรู้สึกนึกคิดอันมั่นคงและว่างเปล่า

ฉายาทางธรรมของคนผู้นี้คือ ราตรีสงัด เขาเป็นจ้าวพุทธองค์ในภพพุทธองค์ ประทับนั่งบนดอกบัวทองที่มีกลีบดอกสิบสองกลีบ และทรงแสดงธรรมเทศนาเรื่องอดีตและอนาคต ซึ่งภายในภพพุทธองค์ ก็ได้รับความเคารพว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่แท้จริง

“ถ้าพวกเจ้าต้องการจะต่อสู้ก็เชิญไป แต่ข้าขอถอนตัว” ต่างจากราตรีสงัด ไม่เพียงแต่ราชันเซียนจากเผ่าวิหคอมตะจะไม่โกรธเคืองเมื่อได้ยินคำกล่าวตรงไปตรงมาของเฉินซี นางกลับครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งแทน และตัดสินใจอย่างแน่วแน่

ทันทีที่กล่าวจบ นางก็หันหลังกลับและจากไปโดยไม่ลังเล

สิ่งนี้เกินความคาดหมายของทุกคน แต่ก็ไม่มีใครหยุดนางได้

เฉินซีประสานมือคารวะ แล้วเฝ้าดูหญิงสาวจากไป ในความเห็นของเขา ราชันเซียนจากเผ่าวิหคอมตะคนนี้น่าชื่นชมมากกว่าราตรีสงัดอย่างเห็นได้ชัด เพราะนางรู้จักถอยเมื่อมีโอกาส ดังที่กล่าวไว้ว่า การเต็มใจที่จะสละบางสิ่ง จึงจะสามารถได้รับบางอย่างกลับคืนแทน

“เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการเป็นศัตรูกับข้า?” ในชั่วพริบตาถัดมา เฉินซีก็ฟื้นความเย็นชาและความไม่แยแสอีกครั้ง พลางจ้องมองไปที่ราตรีสงัด

จู่ ๆ บรรยากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟัน เงียบกริบ

ราชันเซียนคนอื่น ๆ ยังคงนิ่งเงียบ พวกเขาตั้งใจที่จะดูอย่างเย็นชาจากข้างสนาม และพิจารณาความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเฉินซีให้ดี

“โปรดชี้แนะข้าด้วย” ราตรีสงัดประกาศนามของพระโพธิสัตว์ และทันใดนั้น ร่างกายก็เปล่งแสงสีทองอร่ามไปทั่ว แล้วดอกบัวทองสิบสองกลีบก็โผล่ขึ้นมาใต้เท้า มันลุกโชนด้วยเปลวเพลิงกรรมอันบริสุทธิ์ สง่างาม มีเกียรติ และมีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว

ยิ่งไปกว่านั้น เสียงสวดภาวนาก็ดังก้องอยู่ในอากาศเบา ๆ ก็เกิดปรากฏการณ์ของมังกรสวรรค์ทะยานฟ้า ดอกไม้สีทองร่วงหล่นลงมาจากนภา และอื่น ๆ อีกมากมายปรากฏขึ้น ซึ่งดูศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่

นี่คือพลังของผู้บ่มเพาะนิกายพุทธ ร่างกายอันทรงพลังซึ่งดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ด้วยเปลวเพลิงกรรม และถูกเรียกว่า กายาอรหันต์ทองคำ มันไร้ขอบเขตและไม่มีสิ่งเจือปนใด ๆ

ชิ้ง!

กระบี่เต๋าวิบัติในมือของเฉินซีกู่ร้องคำราม ทั้งยังเปึ่ยมด้วยรัศมีสีแดงเลือดที่อาฆาตและคลุมเครือ “ผู้เฒ่า ถ้าเป็นในเวลาอื่น ข้าคงจะเคารพเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก”

เสียงของเฉินซีเต็มไปด้วยความดูถูกและน้ำเสียงที่อาฆาตพยาบาท

ในปัจจุบัน ราชันเซียนดาราวีรบุรุษได้รับบาดเจ็บสาหัสและใกล้จะตาย ดังนั้นมีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่ต้องเผชิญหน้ากับราชันเซียนเหล่านี้ทั้งหมด แต่ราตรีสงัดไม่อาจระงับกิเลสในใจได้ และตั้งใจที่จะต่อสู้กับเฉินซี แม้ว่าคนผู้นี้จะดูตรงไปตรงมา แต่ว่าแตกต่างจากคนอื่น ๆ อย่างไร?

ท้ายที่สุด เฉินซีได้กล่าวเอาไว้ว่าจะปล่อยให้ราตรีสงัดและราชันเซียนของเผ่าวิหคอมตะจากไป ทั้งยังไม่ถือสาต่อการบุกรุกสำนักหรือเรื่องที่กระทำตามอำเภอใจ ซึ่งเขาได้ใช้ความอดทนมามากพอแล้ว!

แต่ราตรีสงัดไม่เห็นคุณค่าของความเมตตานี้ และยังคงยืนหยัดที่จะครอบครองหม้อมรดกเต๋าโบราณ เห็นได้ชัดว่าการกระทำดังกล่าวได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของเฉินซีแล้ว!

“โปรดชี้แนะด้วย” ราตรีสงัดมีสีหน้าแน่วแน่ไร้ซึ่งอารมณ์แปรปรวนใด ๆ ร่างกายลุกโชนด้วยเพลิงชะตากรรม ในขณะที่ดอกบัวที่อยู่ใต้เท้าก็เปล่งประกายเจิดจ้า และรัศมีอันสง่างามก็ยิ่งใหญ่มากขึ้น

โครม!

เขาเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อนจริง ๆ พลางประสานมือแล้วภาวนาว่า “อมิตาพุทธ!”

มันเป็นไม่กี่คำ แต่ดูเหมือนประกาศิตที่จุติลงมาจากสวรรค์ และมีพลังที่ส่งผลกระทบต่อหัวใจโดยตรง ทันใดนั้นเพลิงชะตากรรมในบริเวณรอบ ๆ ก็ลุกไหม้กลายเป็นเงาภาพของพระโพธิสัตว์จำนวนมาก

เงาภาพเหล่านี้ดูเป็นรูปธรรมและเปล่งรัศมีอันสง่างามสูงสุด มันมีสามเศียรหกกร จ้องมองอย่างเกรี้ยวกราด พลางยิ้มขณะเก็บบุปผา โปรดสัตว์ต่อชาวโลก หรือถือกระบองปราบปีศาจ แส้หางม้า มู่อวี๋ กระดิ่ง ขวดหยก กระบี่ ประคำ และศาสนสมบัตินิกายพุทธอื่น ๆ อีกมากมาย

“นรกจะไม่มีวันสงบจนกว่ามันจะว่างเปล่า โลกก็เปรียบเสมือนต้นโพที่มีชีวิตอยู่หลายชั่วอายุคน แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีจากภัยพิบัติได้…”

“โลกไม่เที่ยง ใจไม่เที่ยง ธรรมไม่เที่ยง แม้แต่พระโพธิสัตว์ก็ไม่เที่ยง สรรพสิ่งล้วนว่างเปล่า”

“หากใจเต็มไปด้วยกิเลส ก็ควรตัดขาด ถ้าใจเต็มไปด้วยความกลัว ก็ควรจะแหลกสลาย หากโลกเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก โลกก็ควรถูกทำลาย พระโพธิสัตว์นั่นปราศจากมลทิน ดังนั้นจึงไม่มีที่สิ้นสุด!”

เสียงสวดมนต์ภาวนาดังก้องกังวานไปทั้งตำหนัก แสงอันศักดิ์สิทธิ์ก็เปล่งประกายเรืองรอง เงาภาพติดตาของพระโพธิสัตว์มากมายประทับอยู่บนท้องฟ้า ทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ ขึ้น!

ทันใดนั้น พื้นที่อันกว้างใหญ่นี้ดูเหมือนจะกลายเป็น ‘สรวงสวรรค์’ มันสว่างไสวไปด้วยประทีปเรืองรอง และพลังศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขต

บทที่ 1485 จ้าวพุทธองค์ราตรีสงัด 1

บทที่ 1485 จ้าวพุทธองค์ราตรีสงัด 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]