บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 153

บทที่ 153 นิกายอสูรปรากฏ

บทที่ 153 นิกายอสูรปรากฏ

ณ ยอดเขาใจสัจธรรม ที่ห้องโถงใหญ่ของตำหนัก

“คารวะบรรพจารย์อา! เมื่อเห็นเฉินซีเดินเข้ามา ศิษย์ชายและหญิงทั้งที่ยืนอยู่ทั้งสองด้านของห้องโถงหรือกำลังรินน้ำชาให้แขกต่างก็โค้งคำนับทักทายอย่างพร้อมเพรียงด้วยท่าทางที่เคารพเป็นอย่างยิ่ง

ในเดือนที่ผ่านมา ชื่อของยอดเขาใจสัจธรรมได้ทำให้นิกายกระบี่เมฆาพเนจรเกิดความปั่นป่วนเป็นอย่างมาก ซึ่งเจ้าของยอดเขาก็คือเฉินซีที่ได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงของเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของนิกายต่างก็ต้องพูดถึง

เหตุผลนั้นเป็นเพราะว่า เฉินซีได้รับการยอมรับเป็นการส่วนตัวโดยบรรพจารย์สูงสุดเป่ยเหิงว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเขา และนั่นคือความสัมพันธ์ที่มีสถานะเท่าเทียมกัน ดังนั้น ตัวตนเช่นนี้ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนรู้สึกตกตะลึงและอยากรู้ถึงที่มาของชายหนุ่ม

ควบคู่ไปกับความจริงที่ว่า เฉินซีได้เข่นฆ่าผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำหกคนและผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางหนึ่งคนของตระกูลซูด้วยการบ่มเพาะที่ขอบเขตตำหนักอินทนิล และในตอนที่อยู่ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ เขาได้บดขยี้ค่ายกลคุกหมากล้อมไตรวารีของตระกูลซูเพียงลำพัง อีกทั้งยังทำลายล้างผู้บ่มเพาะลึกลับทั้ง 32 คนที่แข็งแกร่ง และยังพิชิตเจดีย์บำเพ็ญทุกข์มาไว้ในครอบครอง…

การกระทำอันน่าอัศจรรย์มากมายที่ราวกับเป็นปาฏิหาริย์นี้ ทำให้ชื่อของเฉินซีเลื่องลือไปทั่วทั้งเมืองทะเลสาบมังกร และทำให้โลกแห่งการบ่มเพาะในดินแดนทางตอนใต้ต้องตื่นตระหนก ดังนั้นจะมีผู้ใดยังกล้าดูแคลนผู้เยาว์ที่มาจากเมืองหมอกสนอันไกลโพ้นอีกเล่า?

ด้วยเหตุนี้เองเมื่อหวังหว่าน ตงฟาง และศิษย์สายในอีกเจ็ดสิบคนได้รับใช้เฉินซี พวกเขาจึงให้ความเคารพอีกฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง และไม่มีผู้ใดกล้าดูหมิ่นที่เขาอายุยังน้อย

“พวกเจ้าทุกคนออกไปก่อน” เฉินซีโบกมือขณะที่เขาสั่งให้เหล่าศิษย์ออกไปก่อนจะเดินเข้าไปในห้องโถง จากนั้นเขาก็กวาดสายตามองไปยังทุกคนทีละคน ก่อนจะประสานมือและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้น้อยเฉินซีขอคารวะผู้อาวุโสทั้งหลาย” หลังจากนั้นเขาก็พยักหน้าให้พวกของตู้ชิงซีและเฉินฮ่าว

เมื่อพวกเขาได้ยินเฉินซีทักทายพวกเขาในฐานะผู้เยาว์ นักพรตเต๋าเหวินเสวี่ยนและผู้นำตระกูลทั้งสามแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพวกเขาก็แอบชื่นชมเฉินซีที่มีมารยาท

ก่อนหน้านี้ เมื่อศิษย์สายในเรียกเฉินซีว่าบรรพจารย์อา นอกจากจะทำให้พวกเขารู้สึกตกใจแล้ว พวกเขายังรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เพราะตอนนี้เฉินซีมีสถานะใกล้เคียงกับเป่ยเหิง ซึ่งถ้าจะนับกันจริง ๆ พวกเขาทุกคนจะกลายเป็นผู้เยาว์ของเฉินซีทันที แต่คำกล่าวของเฉินซีได้แก้ไขสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนของทุกคน

ถึงแม้ว่าเฉินซีจะกล่าวเช่นนี้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเห็นด้วยอย่างโจ่งแจ้ง เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เฉินซีก็ยังคงเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเป่ยเหิงผู้เป็นบรรพจารย์สูงสุดของนิกายกระบี่เมฆาพเนจรอยู่ดี

ดังนั้นหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะปฏิบัติต่อเฉินซีอย่างไรดี

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แม้ว่าทุกคนจะเคยเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกมามากมาย แต่นี่คือครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกับการดำรงอยู่ที่แปลกประหลาดเฉกเช่นเฉินซี จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะสับสนไปชั่วขณะ

“ท่านผู้อาวุโส เราจะรักษาความสัมพันธ์ของเราซึ่งกันและกันแบบเดิม ดังนั้นพวกท่านทุกคนสามารถเรียกข้าว่าเฉินซีได้ ไม่เช่นนั้นน้องชายของข้าอาจจะต้องเรียกข้าว่าอาจารย์ลุงด้วย ซึ่งนั่นจะยิ่งทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิงขึ้นไปอีก” เฉินซียิ้ม

“เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจะล้ำเส้นและเรียกเจ้าว่าเฉินซีก็แล้วกัน แต่เจ้าอย่าได้เรียกข้าว่าผู้อาวุโสอีก จงเรียกข้าว่าเหวินเสวี่ยนก็พอ” นักพรตเต๋าเหวินเสวี่ยนยิ้มอย่างอบอุ่น และมองเฉินซีด้วยสายตาชื่นชม

“ใช่แล้ว เราต่างรักษาความสัมพันธ์ของตัวเองเป็นหลัก วิธีนี้จะดีที่สุด” ตู้อู่หยวน และผู้นำตระกูลอีกสองคนกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้ม และน้ำเสียงของพวกเขาก็อ่อนโยนต่อเฉินซีอย่างเห็นได้ชัด

“เฮ้ ไอ้เจ้าเด็กนี้จัดการกับความสัมพันธ์ได้ดีมาก เขามีสถานะที่อาวุโสพอ ๆ กันกับพ่อของข้า ดังนั้น ย่อมหมายความว่าข้าต้องเรียกเขาว่าท่านลุงใช่ไหม?” ต้วนมู่เจ๋อใช้ศอกกระทุ้งซ่งหลินขณะที่เขากล่าวอย่างแผ่วเบา

“พวกเขาได้ตกลงที่จะรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขาเอง แล้วเจ้ายังจะสนใจอะไรอีก? แต่ถ้าเฉินซีต้องการหาประโยชน์จากตัวเจ้า เจ้าคงต้องเรียกเขาว่าท่านลุง เพราะอย่างไรซะ ท่านพ่อของเจ้าฏ้เป็นผู้ที่มีระดับอาวุโสต่ำกว่านักพรตเต๋าเหวินเสวี่ยน!” ซ่งหลินเหลือบมองต้วนมู่เจ๋อขณะที่เขาตอบกลับ

ทันทีที่ปัญหาเรื่องความอาวุโสได้รับการแก้ไข บรรยากาศในห้องโถงก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอย่างรวดเร็ว

นักพรตเต๋าเหวินเสวี่ยนและคนอื่น ๆ มาครั้งนี้ด้วยเรื่องของผู้บ่มเพาะลึกลับที่ไม่ทราบที่มาซึ่งปรากฏตัวในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ พวกมันล้วนโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี และไม่คำนึงถึงชีวิตและความตาย

พวกมันเป็นเหมือนผู้ภักดีที่ได้รับการฝึกฝนจากกองกำลังอันยิ่งใหญ่ แต่พวกเขากลับไม่ค้นพบเบาะแสใด ๆ เกี่ยวกับผู้บ่มเพาะเหล่านั้น ราวกับว่าพวกมันปรากฏตัวขึ้นจากอากาศ ซึ่งได้กระตุ้นการเฝ้าระวังของกองกำลังใหญ่ต่าง ๆ ของเมืองทะเลสาบมังกรในทันที

เนื่องจากผู้บ่มเพาะลึกลับเหล่านี้ล้วนเสียชีวิตอย่างอนาถด้วยน้ำมือของเฉินซี ดังนั้นเหวินเสวี่ยน และคนอื่น ๆ จึงมาเยือนโดยหวังว่าจะได้รับเบาะแสบางอย่างจากเขา

เมื่อเหล่าผู้อาวุโสกล่าวถึงผู้บ่มเพาะที่ลึกลับและไม่ทราบที่มาเหล่านี้ เฉินซีก็นึกถึงเรื่องหนึ่งได้ในทันที และด้วยคำสั่งในใจของเขา ตราคำสั่งสีดำขนาดเท่าฝ่ามือก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาแล้ว

พื้นผิวของตราคำสั่งนี้เป็นสีดำสนิทและเย็นยะเยือก ดูคล้ายทำขึ้นจากเหล็กก็ไม่ใช่ และบนตราคำสั่งถูกแกะสลักลวดลายของจันทร์เสี้ยวสีแดงเข้ม แต่มันเหมือนเคียวที่เปื้อนเลือดเสียมากกว่า อีกทั้งยังดูน่าขนลุกและลึกลับเป็นอย่างยิ่ง

“ข้าได้รับตราคำสั่งนี้จากกระเป๋ามิติของผู้นำกลุ่มพวกมันที่มีชื่อว่าจ้านคง หลังจากที่ข้าทำลายล้างผู้บ่มเพาะลึกลับ 32 คนทั้งหมด ตัวข้าเองก็ไม่ทราบที่มาของมัน แต่ว่าบางทีมันอาจเป็นประโยชน์ต่อพวกท่านทุกคน” เฉินซีส่งตราคำสั่งให้นักพรตเต๋าเหวินเสวี่ยน

“จันทร์เสี้ยวสีเลือด… ข้าดูเหมือนจะเคยได้ยินเกี่ยวกับสัญลักษณ์นี้จากที่ไหนสักแห่ง?” นักพรตเต๋าเหวินเสวี่ยนไตร่ตรองอย่างระมัดระวังอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะขมวดคิ้วและพึมพำว่า

“มันคือนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต!” ตู้อู่หยวนที่อยู่ใกล้เคียงดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ และจากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึงขณะที่เขาอุทานออกมา

“เป็นไปได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่านิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตถูกทำลายล้างไปเมื่อสามพันปีก่อนหรือ?”

“ใช่แล้ว ในปีนั้น จักรพรรดิซ่งได้เรียกผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดในต้าซ่งมารวมตัวกัน จากนั้นก็ได้เปิดฉากต่อสู้กับนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตในแดนรกร้างนรกโลหิตเป็นเวลาถึงสามเดือน และในที่สุดก็สามารถทำลายพวกมันลงได้ หลังจากนั้นราชวงศ์ซ่งก็ใช้เวลาอีกสองสามปีในการกวาดล้างศิษย์ของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตที่หลงเหลืออยู่ ดังนั้น ในช่วงสามพันปีที่ผ่านมา จึงไม่มีผู้ใดที่ได้พบเห็นร่องรอยของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต แล้วมันจะปรากฏขึ้นอีกครั้งได้อย่างไร? เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกมันฟื้นขึ้นมาจากเถ้าถ่านแล้ว?” สีหน้าของซ่งเหวินชงและต้วนมู่อวิ๋นคงกลายเป็นน่าสะพรึงกลัวอย่างพร้อมเพรียง

เมื่อเห็นผู้นำตระกูลทั้งสามที่มีสถานะและอำนาจ สูญเสียความสงบและความสำรวมไปพร้อม ๆ กัน บรรยากาศภายในห้องโถงก็หนักอึ้งขึ้นทันที และทำให้อารมณ์ของผู้อื่นตึงเครียดตามไปด้วย

เฉินซีรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง นิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตได้กรำทำการชั่วร้ายเยี่ยงใดขึ้น จนทำให้ผู้บ่มเพาะในโลกแห่งการบ่มเพาะทั้งหมดของราชวงศ์ซ่ง ต้องระดมกำลังเพื่อที่กำจัดพวกมัน?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]