บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1559

บทที่ 1559 ช่วงชิงกฎเกณฑ์

……….

บทที่ 1559 ช่วงชิงกฎเกณฑ์

เส้นตรงสายหนึ่งแบ่งโลกออกเป็นสองพื้นที่อย่างชัดเจน

ครึ่งหนึ่งเป็นสีดำราวกับหมึก ดูลึกล้ำเงียบสงัด ส่วนอีกครึ่งเป็นสีแดงประดุจโลหิต ดูหดหู่และน่าหลงใหล

เฉินซียืนอยู่หน้าเส้นตรงดังกล่าวโดยมีราตรีสีดำสนิทอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะมองไปที่ใดก็มีเพียงโลกที่งดงามราวกับโลหิต

เขาทราบว่าราตรีสีดำคือตัวแทนของ “พื้นที่ทุ่งโอสถ” ส่วนโลกที่เหมือนกับโลหิตซึ่งอยู่ไกลออกไปคือ “พื้นที่การล่า”

นี่คือสิ่งที่เถี่ยคุนบอกเฉินซี ในโลกของพื้นที่ทุ่งโอสถ กลางวันกับกลางคืนจะสลับกัน นอกจากกฎแห่งเต๋าสวรรค์แล้วก็ไม่มีความแตกต่างจากโลกธรรมดา

ส่วนพื้นที่การล่าจะต่างออกไป มันคือโลกที่ถูกปกคลุมด้วยโลหิต ไม่มีกลางวันหรือกลางคืน ไม่ว่าจะขุนเขา ลำธาร พงไพร หรือหุบเขาล้วนเป็นสีแดงประดุจโลหิต

แม้กระทั่งฟ้าดินก็เป็นสีแดงฉาน!

แน่นอนว่าเฉินซีทราบดีว่าความแตกต่างระหว่างพื้นที่ทุ่งโอสถกับพื้นที่การล่าไม่ได้มีเพียงแค่ผิวเผินเท่านี้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือพลังของกฎแห่งเต๋าสวรรค์ระหว่างสองพื้นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ฟ่าว!

โดยไม่ลังเล ร่างของเฉินซีวูบไหวขณะข้ามเส้นแบ่งฟ้าดิน ก่อนจะเข้าสู่พื้นที่การล่า

หากพื้นที่ทุ่งโอสถคือดินแดนบริสุทธิ์ไร้ชีวิต เช่นนั้นพื้นที่การล่าแห่งนี้ย่อมถูกเรียกว่าพื้นที่สังหารนองเลือด

ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายรวมตัวอยู่ที่นี่ หลายคนมาจากแดนเทพโบราณ พวกเขาถือว่าที่นี่คือพื้นที่การล่าขณะเดินขวักไขว่ไปมา ในขณะเดียวกัน ทวยเทพทั้งหลายผู้ถูกจองจำจากภพเบื้องล่างเข้าสู่แดนโลกาวินาศล้วนถูกเนรเทศมาสู่พื้นที่ล่าในฐานะเหยื่อ

สรุปก็คือพื้นที่การล่าแห่งนี้คือพื้นที่แห่งการแข่งขันและการต่อสู้ มันคือการเผชิญหน้าระหว่างผู้ล่าและเหยื่อ ไม่มีความสงสารและเห็นใจ

ในขณะเดียวกัน บทบาทของผู้ล่าและเหยื่อไม่ตายตัว แม้รอบที่แล้วอาจจะเป็นผู้ล่า แต่พริบตาถัดมาอาจกลายเป็นเหยื่อในสายตาของผู้อื่น

ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีผู้เยี่ยมยุทธ์จากแดนเทพโบราณบางส่วนที่ถูกสังหารโดยเหยื่อขณะทำการล่าด้วยซ้ำ

เถี่ยคุนได้บอกเล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้เฉินซีทราบแล้ว ดังนั้นทันทีที่เข้าสู่พื้นที่การล่า เฉินซีจึงระแวดระวังขณะรวบรวมพลังงานเอาไว้ ก่อนจะเข้าสู่ป่าอันตรายราวกับเสือที่ตื่นตัว

ฟ่าว! ฟ่าว! ฟ่าว!

ไม่นานหลังจากเฉินซีเข้าสู่พื้นที่การล่า ร่างทั้งหลายต่างเคลื่อนผ่านมิติและเวลาคนแล้วคนเล่า ผู้นำของพวกเขาคือนายน้อยสามจากตระกูลต้าอี้นามอี้เทียน

“เขาเข้าสู่พื้นที่การล่าหรือ? เจ้าเด็กคนนี้ตื่นตัวไม่เบา ท่านลุงเก้า ช่วยส่งข้อความหาคนของเราให้มาพื้นที่การล่าเพื่อฆ่าเขากันเถอะ!” อี้เทียนครุ่นคิดสักพักขณะจิตสังหารปรากฏในดวงตา ก่อนจะสะบัดมือแล้วเอ่ยคำ

“นายน้อย สถานการณ์ออกจะยุ่งยากเสียหน่อย พวกเรารวมกำลังกันก่อนเพื่อวางแผน แล้วค่อยลงมือดีหรือไม่?” ลุงเก้าเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก

“ท่านกังวลว่าเจ้าเด็กคนนั้นจะใช้ ‘ผิวไร้ลักษณ์’ หรือ?” อี้เทียนถาม

ระหว่างการไล่ล่าเฉินซี พวกเขาพบสถานที่ที่เฉินซีและเผ่าหน้ากากหนังพฤกษาเคยต่อสู้กันก่อนจะจับตัวสมาชิกเผ่าหน้ากากหนังพฤกษาที่รอดมาได้

ผลที่ได้เป็นที่ประจักษ์ชัด เผ่าหน้ากากหนังพฤกษาผู้ขลาดกลัวพูดแทบทุกอย่างโดยไม่มีการขัดขืน

น่าเสียดายที่พวกอี้เทียนไม่ใช่เฉินซี หลังจากทราบเรื่องทั้งหมดนี้ พวกเขาก็กำจัดเผ่าหน้ากากหนังพฤกษาทั้งหมดก่อนจะชิงพฤกษาฤทัยที่อยู่ภายในไป

เหตุการณ์นี้ทำให้พวกอี้เทียนได้ข้อมูลเกี่ยวกับเฉินซีมากขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงไล่ล่ามาตลอดทางจนในที่สุดก็มาถึงพื้นที่การล่า

“ถูกต้อง ร่างมนุษย์ที่ถูกจำแลงโดย ‘ผิวไร้ลักษณ์’ แม้แต่บรรพเทวาก็ยากที่จะแยกแยะได้อย่างแม่นยำ หากเด็กคนนั้นใช้ ‘ผิวไร้ลักษณ์’ เพื่อเปลี่ยนเป็นร่างอื่น พวกเราก็เหมือนกับงมเข็มในกองฟางอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้ไม่อาจตามล่าเขาได้” ลุงเก้าคิ้วขมวดพลางเอ่ยคำ จากนั้นครุ่นคิดอย่างถ้วนถี่

“ฮ่าฮ่าฮ่า” อี้เทียนพลันหัวเราะออกมา “ท่านลุงเก้ากังวลเกินไปแล้ว บัดนี้เส้นทางที่นำไปสู่เอกภพมสิหิมกำลังจะปิดตัวลง นอกจากเหยื่อที่ถูกจับในพื้นที่การล่าแห่งนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์แทบทุกคนจากแดนเทพโบราณก็ออกไปนานแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น พวกเราไม่แม้แต่ต้องกังวลว่าเจ้าเด็กนั่นจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร ขอเพียงพบเจอใครในพื้นที่การล่า พวกเราก็สามารถฆ่าทิ้งได้ในทันที”

“ฆ่าทั้งหมดหรือ?” ลุงเก้าหรี่ตา

“ขอเพียงสามารถจับเจ้าเด็กคนนั้นได้ ต่อให้ฆ่าเหยื่อทั้งหมดในพื้นที่การล่าแห่งนี้จนหมดแล้วยังไง?” อี้เทียนชำเลืองมองลุงเก้า เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายมีท่าทีเคลือบแคลง

ลุงเก้าถอนหายใจแล้วเอ่ยคำ “ยิ่งเจ้าฆ่าเหยื่อมากเท่าไหร่ ผลึกศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าจะต้องจ่ายให้กับนิกายอำนาจเทวะก็ยิ่งมากตาม นี่คือค่าใช้จ่ายมหาศาล อย่างน้อยที่สุด นายน้อยจะไม่สามารถได้รับผลึกศักดิ์สิทธิ์จากตระกูลได้เป็นเวลาสิบปี”

“มันก็แค่ผลึกศักดิ์สิทธิ์” อี้เทียนระเบิดหัวเราะเสียงดังด้วยท่าทีไม่เห็นด้วย “ขอเพียงพวกเราสามารถจับเจ้าเด็กคนนั้นแล้วชิงสมบัติวิญญาณธรรมชาติมาจากมือของมันได้ ต่อให้เสียผลึกศักดิ์สิทธิ์ไปบ้างมันจะเป็นไรไป? ท่านต้องทราบก่อนว่าแม้กระทั่งตระกูลต้าอี้ พวกเราก็มีสมบัติวิญญาณธรรมชาติเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น”

ลุงเก้าเลิกพยายามโน้มน้าวอีกฝ่ายเมื่อเห็นเช่นนี้ เพราะเขาทราบแล้วว่านายน้อยสามตั้งใจจะชิงสมบัติวิญญาณธรรมชาติสองชิ้นที่อยู่ในมือของเฉินซี

“หวังว่าเจ้าเด็กนั่นจะไม่ข้องเกี่ยวกับสองกองกำลังใหญ่อย่างเขาเทพพยากรณ์กับนิกายอำนาจเทวะ…” ลุงเก้าลอบถอนหายใจยาว

ฟ่าว ฟ่าว ฟ่าว!

พริบตาถัดมา พวกอี้เทียนก็ทะยานเข้าสู่พื้นที่การล่าโดยไม่ลังเลอีกต่อไป

บทที่ 1559 ช่วงชิงกฎเกณฑ์ 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]