บทที่ 1568 ทวยเทพล้มตายดั่งสายฝน – ตอนที่ต้องอ่านของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ตอนนี้ของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1568 ทวยเทพล้มตายดั่งสายฝน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 1568 ทวยเทพล้มตายดั่งสายฝน
……….
บทที่ 1568 ทวยเทพล้มตายดั่งสายฝน
“เหรียญทองแดงโปรยสมบัติ!”
“แท้จริงแล้วมันคือสมบัติวิญญาณธรรมชาตินั่นเอง! หรือว่าเขาเป็นศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะ?”
“นี่… เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
เสียงอุทานตกใจดังก้องไปทั่วสภาพแวดล้อม และสีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
เพียงกระบวนท่าเดียว เขาทำให้สมบัติศักดิ์สิทธิ์กว่าสิบชิ้นร่วงหล่น และทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์จำนวนมากได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดดังกล่าว ทำให้ผู้คนต้องประหลาดใจ
ฟิ่ว!
เฉินซีคว้าโอกาสนี้เพื่อพุ่งเข้าฝูงศัตรูในรวดเดียว ยันต์ศัสตราสีดำสนิทและดูธรรมดาในมือส่งเสียงหึ่ง ๆ พลันคร่ำครวญลั่น
ทันใดนั้น ท่าทางของเฉินซีเปลี่ยนไปทันที ทั้งอำมหิตและไม่แยแส ร่างกายเปี่ยมด้วยจิตสังหารที่เติมเต็มทั้งฟ้าดิน
เฉินซีไม่เสียเวลาแม้แต่น้อย เพราะตั้งแต่พริบตาที่ก้าวเข้าสู่พื้นที่ล่า การต่อสู้นองเลือดก็ปะทุขึ้นบัดดล!
ในขณะที่รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่เป็นเอกลักษณ์ของยันต์ศัสตราในมือ ร่างของเฉินซีก็เหมือนกับกระบี่ที่ปลดออกจากฝัก แล้วตวัดฟาดฟันกวาดออกไป
พรวด! พรวด! พรวด!
โลหิตสาดกระเซ็นดุจดอกไม้ไฟ และมันปะทุอย่างต่อเนื่อง แม้ดูน่าเขย่าขวัญ แต่ก็ดูงดงามยิ่ง เลือดของเหล่าเทพพุ่งออกมาอย่างรุนแรงจนปกคลุมไปทั้งฟ้าดิน
ในบรรดาศัตรูที่ไม่ทันตั้งตัว มีรอยเลือดปรากฏขึ้นที่คอของพวกมันทั้งหมดเก้าคน สีหน้าของพวกมันแข็งค้าง ราวกับไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับขึ้น
แต่หลังจากนั้น….
พรวด! พรวด! พรวด!
พรวด! พรวด! พรวด!
ศีรษะจำนวนมากลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ขณะที่ซากศพล้มลงกับพื้น
เนื่องจากเสียงเหล่านี้ดังใกล้กันมาก มันจึงฟังดูเหมือนมีเพียงเสียงเดียว จากนั้นผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งเก้าที่อยู่ในฝูงศัตรูก็ถูกทำลายล้างทันที!
เหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวและพิกลพิสดารเช่นนี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่โดยรอบตัวสั่นสะท้าน
ถึงอย่างไร ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
เช่นเดียวกับที่เฉินซีกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ นี่คืองานเลี้ยงสังหารที่แท้จริง!
…
“ฆ่า! โจมตีพร้อมกัน!”
“เจ้าเด็กนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว เรามิอาจออมพลังเป็นอันขาด!”
“เร็วเข้า! เร็วเข้า! หากเรายังลังเล ไอ้สารเลวนี่คงจะสังหารเราทีละคน เมื่อถึงเวลานั้น ก็คงไม่มีใครรอดชีวิตได้!”
ในที่สุดทุกคนล้วนตระหนักได้ว่าเฉินซีนั่นน่ากลัวเพียงใด จิตใจของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ใบหน้าก็กลายเป็นดำคล้ำและดูดุร้าย
การต่อสู้เพิ่งเริ่มขึ้น แต่เฉินซีที่พวกมันคิดว่าเป็นหมูในอวย กลับใช้เหรียญทองแดงโปรยสมบัติเพื่อทำให้สมบัติศักดิ์สิทธิ์กว่าสิบชิ้นตกลงสู่พื้น มิหนำซ้ำยังเข่นฆ่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกาทั้งเก้าคนด้วยกระบวนท่าเดียว เมื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่น่าสะพรึงกลัวและมีพลังยุทธ์ท้าทายสวรรค์เช่นนี้ จะมีใครกล้าประมาทคนผู้นี้อีก?
ในขณะนี้ ไม่เพียงแต่พวกมันจะไม่ดูถูกเฉินซีแล้ว เฉินซียังกลายเป็นศัตรูที่อันตรายที่สุดในใจของพวกมันแล้ว ไม่มีใครกล้าลังเลหรือคาดหวังแต่อย่างใด ทั้งยังเผยไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุด
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
ผู้เยี่ยมยุทธ์เหล่านี้ที่มาจากแดนเทพโบราณดูเหมือนจะเสียสติไปแล้ว ทั้งหมดรวมตัว พลันส่งเสียงคำราม แล้วจึงพุ่งเข้าโจมตีใส่เฉินซี
แสงศักดิ์สิทธิ์หลายสีสันระยิบระยับพร่างพราวเต็มฟ้า เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์อันน่าเกรงขามต่าง ๆ โปรยปรายลงมา ท่วมท้นไปทั้งฟ้าดิน
เหตุการณ์นี้วิจิตรอลังการยิ่ง มันเสมือนกับฉากการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ระหว่างเหล่าทวยเทพในยุคบรรพกาลได้ถูกจำลองขึ้นมา เสียงคำรามของเต๋าดังก้องไปทั่วทุกแห่งหน ท้องฟ้าพังทลาย และสรรพสิ่งล้วนถูกทำลาย
“ฆ่า!”
เฉินซีสังหารต่อไปไม่หยุดยั้ง
ประสบการณ์ต่อสู้ของเฉินซีตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าเมื่อใดที่ถูกศัตรูรายล้อมและกลุ้มรุมด้วยจำนวน เขาไม่อาจลังเลหรือออมพลังแต่อย่างใด
ดวงตาคมปลาบไม่แยแสจนไร้ร่องรอยอารมณ์ใด ๆ เพราะเฉินซีที่ใช้ชีวิตอาบเลือดต่างกระดูกและเข่นฆ่าศัตรูมานับไม่ถ้วน ไม่ได้มีเพียงพลังยุทธ์ที่ท้าทายสวรรค์เท่านั้น แต่ยังมีเจตจำนงนักสู้ที่เหนือล้ำกว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ทั่วไปมาก
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!
ร่างของเฉินซีวูบไหว รวดเร็วจนดูเหมือนไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่ปราณกระบี่ที่หนา ใหญ่ และโชติช่วงถูกฟันออกมาจำนวนมาก
ในช่วงต้น ตอนที่เฉินซีเพิ่งเข้าสู่แดนโลกาวินาศ พลังยุทธ์ของเขาเพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับลุงเก้า ซึ่งเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณแล้ว ทั้งยังสามารถไล่ต้อนจนอีกฝ่ายไม่มีทางเลือก นอกจากต้องต่อสู้อย่างสิ้นหวังและใช้แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์
“หนีไป!!!” ทันทีที่ฉินถงตาย เหล่าศัตรูที่เหลืออยู่ก็แตกพ่ายอย่างสมบูรณ์ พวกมันต่างกันหลังกลับและหลบหนีไปอย่างสิ้นหวัง
เฉินซีไม่ได้ไล่ล่าพวกมัน แต่ยันต์ศัสตราในมือกลับคล้ายที่ได้กลิ่นเลือด มันสั่นไหววูบหนึ่ง ปราณกระบี่หลายสายแผ่พุ่งออกมาจากมัน แล้วจึงฟันไปยังศัตรูเหล่านั้นที่กำลังหลบหนีด้วยความตื่นตระหนก
พรวด! พรวด! พรวด!
หลังจากความตั้งใจสู้พังทลายลง พวกมันก็เปรียบเสมือนพยัคฆ์ที่ไร้เขี้ยวเล็บ ธารเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นที่ เหมือนกับดอกไม้ไฟที่ปะทุอย่างไม่หยุดยั้ง
แม้ว่าพวกมันจะมีฝีเท้าที่รวดเร็วยิ่ง แต่จะเทียบเคียงกับปราณกระบี่ของเฉินซีได้อย่างไร?
ถึงกระนั้น นับว่าพวกมันโชคดีที่เพื่อรักษาพลังศักดิ์สิทธิ์ของตนไว้ เฉินซีจึงไม่มีความตั้งใจที่จะทำลายล้างพวกมันทั้งหมด ดังนั้นในท้ายที่สุด บางคนก็ยังโชคดีพอที่จะหนีรอดไปได้
ในชั่วพริบตา มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่
พื้นถูกปกคลุมไปด้วยความยุ่งเหยิง ไม่ว่าศพ กองเลือด อาวุธที่แตกหักพังเสียหาย พื้นถล่มทลาย มิติที่ไม่เป็นระเบียบ… ทั้งหมดนี้มาบรรจบกันจนกลายเป็นภาพที่เหมือนกับนรกโลกันตร์
อาเหลียงที่ยืนอยู่ข้างหูของเฉินซีตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้มานานแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่นางออกจากถิ่นอาศัย และเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นการสังหารหมู่ขนาดนี้ด้วย ในระหว่างที่นางมองไปยังซากศพที่เรียงรายอยู่ทั่วพื้นและได้กลิ่นคาวเลือดฉุนกึกในอากาศ ใบหน้าเล็ก ๆ ที่น่ารักของนางก็ซีดลงอย่างน่ากลัว ทั้งยังรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา
แต่สุดท้ายนางก็กัดฟันอดทน หญิงสาวกำหมัดแน่นพลางพยายามลืมตาอย่างเต็มที่ แล้วจึงพึงพำอยู่ในใจ ในภายภาคหน้า ข้าได้แต่ต้องดูแลตนเองเท่านั้น ถ้าข้าไม่สามารถทนต่อเหตุการณ์นองเลือดเช่นนี้ได้ ก็คงน่าละอายอย่างแท้จริง ถ้าท่านยายรู้เรื่องนี้เข้า นางคงจะผิดหวังในตัวข้าอย่างแน่นอน…
เฉินซีไม่ได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาของอาเหลียงแม้แต่น้อย และสีหน้าของเขายังคงสงบราวกับหุ่นเชิดต่อสู้ที่ไม่มีอารมณ์ใด ๆ ร่างพลันวูบไหวอย่างปราดเปรียวผ่านสนามรบ เพื่อเก็บกวาดสิ่งของที่ริบมาจากการต่อสู้
ครั้งนี้เขาได้สังหารศัตรูไปถึงสามสิบเจ็ดคน หลังจากใช้เวลาไปสี่ชั่วยาม แต่ผลกำไรที่รับได้ก็ถือว่าค่อนข้างน่าพอใจทีเดียว
เขาได้รับดวงแสงทั้งหมดสามสิบสองดวงที่มีกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ และดวงแสงสิบเจ็ดดวงที่มีเคล็ดวิชาต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดถูกปล้นโดยกฎแห่งเต๋าสวรรค์จากศัตรู หลังจากที่พวกมันเสียชีวิตลง
แต่เนื่องจากการต่อสู้รุนแรงเกินไป และทุกพริบตาก็มีความสำคัญยิ่ง แม้ด้วยความสามารถของเฉินซี ก็ยังมีบางส่วนถูกดูดซับโดยกฎแห่งเต๋าสวรรค์
นอกจากนี้ เฉินซียังได้รับผลึกศักดิ์สิทธิ์อีกหกร้อยชิ้น สมบัติศักดิ์สิทธิ์ธรรมชาติหกชิ้น สมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่พังเสียหายสิบสามชิ้น และกองวัตถุศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ
เฉินซีไม่สามารถคำนวณจำนวนที่แน่นอนได้ เนื่องจากวัตถุศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ครอบคลุมหลายประเภท มีทั้งสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์และโอสถทิพย์ สินแร่ล้ำค่า และแม้แต่เคล็ดวิชาบ่มเพาะ ม้วนคัมภีร์ แผนที่ และแผ่นหยกก็ล้วนแต่ไม่ขาด ยิ่งไปกว่านั้น เฉินซีไม่อาจระบุบางส่วนได้ ทั้งยังต้องยืนยันการใช้งานพวกมันผ่านการตรวจสอบและศึกษาอย่างรอบคอบ
“ตอนนี้ข้าต้องหาสถานที่เพื่อฟื้นฟูพลัง…” เฉินซีเก็บสิ่งของที่ยึดมาทั้งหมด จากนั้นหายใจเข้าลึก ๆ แล้วจึงรับรู้ว่าพลังในร่างเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งเท่านั้น เขาตระหนักได้ทันทีว่าไม่เหมาะที่จะต่อสู้ในขณะนี้
ฟิ่ว!
ร่างของเฉินซีวูบทะยานหายไป
ในเวลาเดียวกัน ในหุบเขาสีแดงเลือดนั้น อี้เทียนที่สวมเสื้อคลุมสีขาวและมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ก็เสมือนสัตว์ร้ายที่ตกอยู่ในความโกรธแค้นอย่างรุนแรง สีหน้าของเขามืดมนและโกรธเคือง พลันคำรามด้วยเสียงที่น่ากลัว “สวะ! ไอ้พวกสวะทั้งหมด! พวกมันถูกมดจากภพเบื้องล่างเข่นฆ่า จนปัสสาวะราดด้วยความหวาดกลัว ไยพวกมันถึงไม่ฆ่าตัวตายไปซะ!”
……….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...