บทที่ 1583 สรวงสวรรค์
…………….
บทที่ 1583 สรวงสวรรค์
ฟ่าว!
เจตจำนงแก่กล้ากวาดผ่านเฉินซี
สีหน้าของเขายังคงไม่แปรเปลี่ยน เขาเพียงชำเลืองมองผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเทวาที่ประจำอยู่หน้าประตูเมืองอยู่ไกลลิบ จากนั้นจึงสาวเท้าไปที่เมืองอย่างสงบต่อไป
แม้กระทั่งขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลก็ไม่อาจแยกแยะรูปลักษณ์ที่ถูกสร้างโดยผิวไร้ลักษณ์ได้ เฉินซีจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกศิษย์ของนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตผู้อยู่ขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกาจับได้
สิ่งเดียวที่ทำให้เฉินซีรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยก็คือผิวไร้ลักษณ์ใช้ได้เพียงสามครั้งเท่านั้น ตอนนี้เขาเสียโอกาสไปหนึ่งครั้งเพียงเพื่อจะเข้าเมือง มันทำให้รู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ความสามารถยิ่งนัก
แต่ข้อดีเพียงหนึ่งเดียวก็คือในที่สุดเฉินซีก็เข้าสู่เมืองนภาสูญตาได้สำเร็จ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาย่างก้าวเข้าสู่เมืองศักดิ์สิทธิ์หลังจากมาถึงแดนเทพโบราณ!
…
เทียบกับบรรยากาศอึมครึมนอกเมืองแล้ว ที่นี่ค่อนข้างดูมีชีวิตชีวาและคึกคัก
สิ่งปลูกสร้าง พื้นดินหรือแม้กระทั่งอากาศในเมืองล้วนเต็มไปด้วยบรรยากาศของความโบราณ ความนิรันดร์และความผันผวนของชีวิต ราวกับพวกมันอยู่ที่นี่มานานนมจนให้ความรู้สึกราวกับมีประวัติความเป็นมายาวนาน
ขณะเดินไปตามถนน เฉินซีเอามือไพล่หลังด้วยท่วงท่าสงบและเฉยชา ประหนึ่งคนสัญจรที่ชื่นชมทุกสิ่งที่ประสบพบเจอด้วยความสนใจ
เมืองคับคั่งเนืองแน่นไปด้วยหลายกลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงสาวหอยกาบที่มีกระดองอยู่ด้านหลัง เผ่าหัวพยัคฆ์ผู้มีใบหน้าสีเขียวและเขี้ยวเล็บ เผ่าบุปผาน้ำแข็งที่โงนเงนไปมา… หรือแม้กระทั่งเผ่าคนป่าโบราณที่รักษารูปลักษณ์เดิมเดินผ่านตรอกซอกซอย
กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้โดยส่วนใหญ่สูญพันธุ์ไปจากสามภพแล้ว แต่พวกเขามีอยู่ทั่วไปในเมืองนภาสูญตา ทำให้เฉินซีประหลาดใจ ไม่ว่าจะเผชิญกับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดอะไร เขาก็จะคิดถึงเรื่องเล่าและตำนานโบราณอยู่ภายใน
ยกตัวอย่างเช่น ตำนานของบรรพชนเผ่าทะเลสาบเหลยเจ๋อ นักบุญหัวซวี ตำนานเทพแห่งไม้ โกวหมัง ตำนานของอู๋จือฉีผู้มีเนตรทองคำ กิเลนน้อยผานฮู่ วิหคดำเชิงชี่ ผู้ไล่ล่าดวงตะวันควาฟู่… เป็นต้น
เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นก็จะเตือนให้ผู้คนนึกถึงบรรพชน รวมถึงเรื่องเล่าและตำนานที่ถูกผนึกเอาไว้มานานแสนนาน บ้างก็ทำให้ตื้นตันจนแทบหลั่งน้ำตา บ้างก็ทำให้สดใส บ้างก็ทำให้ผู้คนและทวยเทพเดือดดาล บ้างก็ทำให้หลงใหล
จากนั้นเฉินซีจึงพบว่าตำนานเหล่านั้นล้วนไม่ใช่เรื่องแต่ง ผู้สืบทอดทวยเทพเหล่านั้นยังไม่สูญพันธุ์
มันก็แค่ก่อนหน้านี้ตนอยู่ในสามภพ ส่วนพวกเขาอยู่ในแดนเทพโบราณ!
นี่คือแดนเทพโบราณ สถานที่ซึ่งความลี้ลับที่สูญหายในประวัติศาสตร์กับตำนานโบราณอันเก่าแก่ล้วนพบเห็นได้ที่นี่
…
หลังจากเดินอยู่ในเมืองพักใหญ่ ในที่สุดเฉินซีก็หยุดอยู่ตรงหน้าวังศักดิ์สิทธิ์
“สหายเต๋าต้องการฝึกฝนในเคหาหรือ?” ชายชราผู้หนึ่งค่อยเดินเข้ามาหาเขา
“ต้องการ” เฉินซีพยักหน้า สิ่งที่เรียกว่าเคหาคือตัวแทนของสรวงสวรรค์ สถานที่ในการฝึกฝนที่เตรียมไว้ให้ผู้บ่มเพาะโดยเฉพาะ
ดวงตาของชายชราทอประกาย รอยยิ้มของเขายิ่งอบอุ่น “เช่นนั้นสหายเต๋าต้องการเคหาแบบไหน? พวกข้าพิมานหยาดหยกมีเคหาชั้นหนึ่งสามสิบหกแห่ง จ่ายผลึกศักดิ์สิทธิ์เพียงแปดร้อยก้อนต่อปี ส่วนเคหาชั้นสองเจ็ดสิบสองแห่งก็จ่ายผลึกศักดิ์สิทธิ์เพียงห้าร้อยก้อน แล้วเคหาชั้นสามหนึ่งร้อยแปดแห่งก็จ่ายผลึกศักดิ์สิทธิ์เพียงสามร้อยก้อน”
“เอาเคหาชั้นหนึ่ง” เฉินซียกมือขึ้นแล้วโยนถุงเก็บของให้ชายชรา มันเต็มไปด้วยผลึกศักดิ์สิทธิ์แปดร้อยก้อน
“ความกล้าหาญของสหายเต๋า แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ธรรมดา”
ดวงตาของชายชรายิ่งสดใสขณะแนะนำเฉินซีให้เข้าไปในวังอย่างกระตือรือร้น “สหายเต๋าไม่ต้องห่วง หากฝึกฝนในวังของข้าย่อมปลอดภัยหายห่วง ไม่มีใครกล้ามารบกวนการบ่มเพาะของสหายเต๋าอย่างแน่นอน”
ชายชราเผยรอยยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ “สหายเต๋าไม่รู้อะไรซะแล้ว พลังของพวกข้าพิมานหยาดหยกไม่เพียงกระจายอยู่ในโลกดาราจักรผาขจีเท่านั้น แต่ยังสามารถพบเห็นได้ทั่วทุกหนแห่งในสามพันดาราจักรของเอกภพมสิหิมอีกด้วย”
เมื่อเอ่ยคำถึงตรงนี้ ชายชราก็เผยรอยยิ้มลี้ลับแล้วเอ่ยคำเสียงต่ำ “สหายเต๋า เจ้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพิมานหยาดหยกมาก่อน แต่ก็น่าจะเคยได้ยินชื่อนิกายกระบี่นภาครามใช่หรือไม่?”
เฉินซีหรี่ตาแล้วพลันนึกถึงคำแนะนำของเถี่ยคุน ในบรรดาสามพันดาราจักรของเอกภพมสิหิม กองกำลังระดับสูงสามารถนับได้ด้วยห้านิ้วเท่านั้น ซึ่งนิกายกระบี่นภาครามนี้คือหนึ่งในนั้น
เป็นที่น่าสังเกตว่าตระกูลต้าอี้ก็คือหนึ่งในกองกำลังระดับสูงเช่นกัน
หลังจากเห็นสีหน้าของเฉินซี ชายชราก็เข้าใจก่อนจะหัวเราะ “เอาละสหายเต๋า เจ้าน่าจะวางใจได้แล้ว ด้วยภูมิหลังยิ่งใหญ่เช่นนี้ ใครเล่าจะกล้าสร้างปัญหากับพวกข้าพิมานหยาดหยก?”
เฉินซีพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าพิมานหยาดหยกก่อตั้งขึ้นโดยนิกายกระบี่นภาคราม ด้วยพื้นฐานนี้ อย่างน้อยในโลกดาราจักรผาขจี แม้กระทั่งนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตที่ขึ้นว่าเป็นสำนักขนาดใหญ่ที่สุดก็ไม่กล้าสร้างปัญหาที่นี่
เมื่อตระหนักได้เช่นนี้ เฉินซีก็รู้สึกโล่งอก
ไม่ช้า ชายชราพาเฉินซีเข้าไปในเคหา
ขุนเขาธาราที่นี่งดงามราวกับภาพวาด หมอกวิญญาณอบอวลไปทั่ว แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่อง อากาศเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก พวกมันบริสุทธิ์และเข้มข้นประหนึ่งแก่นแท้
“สหายเต๋า นี่คือเหรียญตราของเคหาหมายเลขสามสิบหก นับจากวันนี้ไป เจ้าคือเจ้าของสถานที่นี้ หากต้องการสิ่งใดก็สามารถมาหาข้าได้”
ชายชราส่งเหรียญตราสีดำให้เฉินซีก่อนจะลงทะเบียนหมายเลขให้ในนามค่านเจิ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...