บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1583

สรุปบท บทที่ 1583 สรวงสวรรค์: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

ตอน บทที่ 1583 สรวงสวรรค์ จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1583 สรวงสวรรค์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่เขียนโดย novelones เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 1583 สรวงสวรรค์

…………….

บทที่ 1583 สรวงสวรรค์

ฟ่าว!

เจตจำนงแก่กล้ากวาดผ่านเฉินซี

สีหน้าของเขายังคงไม่แปรเปลี่ยน เขาเพียงชำเลืองมองผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเทวาที่ประจำอยู่หน้าประตูเมืองอยู่ไกลลิบ จากนั้นจึงสาวเท้าไปที่เมืองอย่างสงบต่อไป

แม้กระทั่งขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลก็ไม่อาจแยกแยะรูปลักษณ์ที่ถูกสร้างโดยผิวไร้ลักษณ์ได้ เฉินซีจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกศิษย์ของนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตผู้อยู่ขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกาจับได้

สิ่งเดียวที่ทำให้เฉินซีรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยก็คือผิวไร้ลักษณ์ใช้ได้เพียงสามครั้งเท่านั้น ตอนนี้เขาเสียโอกาสไปหนึ่งครั้งเพียงเพื่อจะเข้าเมือง มันทำให้รู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ความสามารถยิ่งนัก

แต่ข้อดีเพียงหนึ่งเดียวก็คือในที่สุดเฉินซีก็เข้าสู่เมืองนภาสูญตาได้สำเร็จ

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาย่างก้าวเข้าสู่เมืองศักดิ์สิทธิ์หลังจากมาถึงแดนเทพโบราณ!

เทียบกับบรรยากาศอึมครึมนอกเมืองแล้ว ที่นี่ค่อนข้างดูมีชีวิตชีวาและคึกคัก

สิ่งปลูกสร้าง พื้นดินหรือแม้กระทั่งอากาศในเมืองล้วนเต็มไปด้วยบรรยากาศของความโบราณ ความนิรันดร์และความผันผวนของชีวิต ราวกับพวกมันอยู่ที่นี่มานานนมจนให้ความรู้สึกราวกับมีประวัติความเป็นมายาวนาน

ขณะเดินไปตามถนน เฉินซีเอามือไพล่หลังด้วยท่วงท่าสงบและเฉยชา ประหนึ่งคนสัญจรที่ชื่นชมทุกสิ่งที่ประสบพบเจอด้วยความสนใจ

เมืองคับคั่งเนืองแน่นไปด้วยหลายกลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงสาวหอยกาบที่มีกระดองอยู่ด้านหลัง เผ่าหัวพยัคฆ์ผู้มีใบหน้าสีเขียวและเขี้ยวเล็บ เผ่าบุปผาน้ำแข็งที่โงนเงนไปมา… หรือแม้กระทั่งเผ่าคนป่าโบราณที่รักษารูปลักษณ์เดิมเดินผ่านตรอกซอกซอย

กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้โดยส่วนใหญ่สูญพันธุ์ไปจากสามภพแล้ว แต่พวกเขามีอยู่ทั่วไปในเมืองนภาสูญตา ทำให้เฉินซีประหลาดใจ ไม่ว่าจะเผชิญกับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดอะไร เขาก็จะคิดถึงเรื่องเล่าและตำนานโบราณอยู่ภายใน

ยกตัวอย่างเช่น ตำนานของบรรพชนเผ่าทะเลสาบเหลยเจ๋อ นักบุญหัวซวี ตำนานเทพแห่งไม้ โกวหมัง ตำนานของอู๋จือฉีผู้มีเนตรทองคำ กิเลนน้อยผานฮู่ วิหคดำเชิงชี่ ผู้ไล่ล่าดวงตะวันควาฟู่… เป็นต้น

เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นก็จะเตือนให้ผู้คนนึกถึงบรรพชน รวมถึงเรื่องเล่าและตำนานที่ถูกผนึกเอาไว้มานานแสนนาน บ้างก็ทำให้ตื้นตันจนแทบหลั่งน้ำตา บ้างก็ทำให้สดใส บ้างก็ทำให้ผู้คนและทวยเทพเดือดดาล บ้างก็ทำให้หลงใหล

จากนั้นเฉินซีจึงพบว่าตำนานเหล่านั้นล้วนไม่ใช่เรื่องแต่ง ผู้สืบทอดทวยเทพเหล่านั้นยังไม่สูญพันธุ์

มันก็แค่ก่อนหน้านี้ตนอยู่ในสามภพ ส่วนพวกเขาอยู่ในแดนเทพโบราณ!

นี่คือแดนเทพโบราณ สถานที่ซึ่งความลี้ลับที่สูญหายในประวัติศาสตร์กับตำนานโบราณอันเก่าแก่ล้วนพบเห็นได้ที่นี่

หลังจากเดินอยู่ในเมืองพักใหญ่ ในที่สุดเฉินซีก็หยุดอยู่ตรงหน้าวังศักดิ์สิทธิ์

“สหายเต๋าต้องการฝึกฝนในเคหาหรือ?” ชายชราผู้หนึ่งค่อยเดินเข้ามาหาเขา

“ต้องการ” เฉินซีพยักหน้า สิ่งที่เรียกว่าเคหาคือตัวแทนของสรวงสวรรค์ สถานที่ในการฝึกฝนที่เตรียมไว้ให้ผู้บ่มเพาะโดยเฉพาะ

ดวงตาของชายชราทอประกาย รอยยิ้มของเขายิ่งอบอุ่น “เช่นนั้นสหายเต๋าต้องการเคหาแบบไหน? พวกข้าพิมานหยาดหยกมีเคหาชั้นหนึ่งสามสิบหกแห่ง จ่ายผลึกศักดิ์สิทธิ์เพียงแปดร้อยก้อนต่อปี ส่วนเคหาชั้นสองเจ็ดสิบสองแห่งก็จ่ายผลึกศักดิ์สิทธิ์เพียงห้าร้อยก้อน แล้วเคหาชั้นสามหนึ่งร้อยแปดแห่งก็จ่ายผลึกศักดิ์สิทธิ์เพียงสามร้อยก้อน”

“เอาเคหาชั้นหนึ่ง” เฉินซียกมือขึ้นแล้วโยนถุงเก็บของให้ชายชรา มันเต็มไปด้วยผลึกศักดิ์สิทธิ์แปดร้อยก้อน

“ความกล้าหาญของสหายเต๋า แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ธรรมดา”

ดวงตาของชายชรายิ่งสดใสขณะแนะนำเฉินซีให้เข้าไปในวังอย่างกระตือรือร้น “สหายเต๋าไม่ต้องห่วง หากฝึกฝนในวังของข้าย่อมปลอดภัยหายห่วง ไม่มีใครกล้ามารบกวนการบ่มเพาะของสหายเต๋าอย่างแน่นอน”

ชายชราเผยรอยยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ “สหายเต๋าไม่รู้อะไรซะแล้ว พลังของพวกข้าพิมานหยาดหยกไม่เพียงกระจายอยู่ในโลกดาราจักรผาขจีเท่านั้น แต่ยังสามารถพบเห็นได้ทั่วทุกหนแห่งในสามพันดาราจักรของเอกภพมสิหิมอีกด้วย”

เมื่อเอ่ยคำถึงตรงนี้ ชายชราก็เผยรอยยิ้มลี้ลับแล้วเอ่ยคำเสียงต่ำ “สหายเต๋า เจ้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพิมานหยาดหยกมาก่อน แต่ก็น่าจะเคยได้ยินชื่อนิกายกระบี่นภาครามใช่หรือไม่?”

เฉินซีหรี่ตาแล้วพลันนึกถึงคำแนะนำของเถี่ยคุน ในบรรดาสามพันดาราจักรของเอกภพมสิหิม กองกำลังระดับสูงสามารถนับได้ด้วยห้านิ้วเท่านั้น ซึ่งนิกายกระบี่นภาครามนี้คือหนึ่งในนั้น

เป็นที่น่าสังเกตว่าตระกูลต้าอี้ก็คือหนึ่งในกองกำลังระดับสูงเช่นกัน

หลังจากเห็นสีหน้าของเฉินซี ชายชราก็เข้าใจก่อนจะหัวเราะ “เอาละสหายเต๋า เจ้าน่าจะวางใจได้แล้ว ด้วยภูมิหลังยิ่งใหญ่เช่นนี้ ใครเล่าจะกล้าสร้างปัญหากับพวกข้าพิมานหยาดหยก?”

เฉินซีพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าพิมานหยาดหยกก่อตั้งขึ้นโดยนิกายกระบี่นภาคราม ด้วยพื้นฐานนี้ อย่างน้อยในโลกดาราจักรผาขจี แม้กระทั่งนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตที่ขึ้นว่าเป็นสำนักขนาดใหญ่ที่สุดก็ไม่กล้าสร้างปัญหาที่นี่

เมื่อตระหนักได้เช่นนี้ เฉินซีก็รู้สึกโล่งอก

ไม่ช้า ชายชราพาเฉินซีเข้าไปในเคหา

ขุนเขาธาราที่นี่งดงามราวกับภาพวาด หมอกวิญญาณอบอวลไปทั่ว แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่อง อากาศเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก พวกมันบริสุทธิ์และเข้มข้นประหนึ่งแก่นแท้

“สหายเต๋า นี่คือเหรียญตราของเคหาหมายเลขสามสิบหก นับจากวันนี้ไป เจ้าคือเจ้าของสถานที่นี้ หากต้องการสิ่งใดก็สามารถมาหาข้าได้”

ชายชราส่งเหรียญตราสีดำให้เฉินซีก่อนจะลงทะเบียนหมายเลขให้ในนามค่านเจิ้น

“ศิษย์พี่อวิ่นเฉิง พวกเราควรทำอย่างไรต่อดี?” ศิษย์น้องเลี่ยวถาม

“ประจำที่ให้พร้อมและทำการปิดล้อมเมืองนภาสูญตา ไม่ว่าไปที่ใดก็อย่าเปิดเผยร่องรอยเด็ดขาด เป้าหมายจะได้ไม่ตื่นตัวจนระแวดระวัง” ผู้ชายในชุดคลุมสีขาวครุ่นคิดแล้วเอ่ยคำ

“แล้วสองคนนี้ล่ะ?”

“ลบความทรงจำของคนที่ถูกจับตัวมาแล้วส่งกลับเมือง หากมีการเชื่อมโยงระหว่างพวกเขากับเป้าหมายก็อาจจะยังใช้ประโยชน์ได้อีก”

“ช่างเป็นแผนที่ยอดเยี่ยมนัก!”

เฉินซีไม่ทราบทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก หรือต่อให้ทราบทั้งหมดนี้ เขาก็ไม่เลือกที่จะไปจากพิมานหยาดหยก

กาลเวลาผ่านไป บุปผาบานสะพรั่งและโรยรา แล้วเวลาก็ผ่านไปครึ่งปีกว่าอย่างรวดเร็ว อีกไม่ถึงสามเดือน เฉินซีก็จะปิดด่านบ่มเพาะครบหนึ่งปี

ในวันนี้ เฉินซีผู้กำลังฝึกฝนก็ถูกปลุกโดยคลื่นความผันผวน เขาพลันลืมตาขึ้นแล้วประกายเย็นเยือกก็ปรากฏในดวงตาสีดำ

“ใคร?” เฉินซีหยิบเหรียญตราออกมาแล้วใช้งานข้อจำกัดเคหา ก่อนจะทำการกระจายเสียงออกไป

“สหายเต๋าเฉินสวิน ข้าต้องขอโทษด้วยที่รบกวนเจ้า ข้าไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนการบ่มเพาะแต่อย่างใด ข้าเพียงมาที่นี่เพื่อจะยืนยันเรื่องหนึ่ง” เสียงของค่านเจิ้นดังมาจากนอกถ้ำ

เฉินสวินคือนามแฝงที่เฉินซีตั้งให้กับตัวเอง ถึงอย่างไร รูปลักษณ์ของเขาก็เปลี่ยนไปมาก จึงต้องใช้ตัวตนใหม่เพื่อปกปิดสายตาของผู้อื่น

“เป็นสหายเต๋าค่านเจิ้นนี่เอง ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเจ้าต้องการยืนยันอะไร?” เฉินซีเอ่ยคำอย่างสงบ

ตอนนี้เสียงคมปลาบก็ดังขึ้น “เลิกพูดจาเหลวไหลได้แล้ว คุณชายของข้าต้องการชำระล้างตัวเองในเคหา เจ้ารีบออกมาได้แล้ว ข้าจะมอบผลึกศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าเสียไปคืนให้เป็นสิบเท่า” เสียงดังกล่าวเปี่ยมด้วยการวางตัวและการออกคำสั่ง

เฉินซีคิ้วขมวดขณะแผ่ไอเย็นเยือกออกมา ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มันเป็นเพราะเส้นตายในการใช้เคหากำลังจะหมดลง ทำให้มีใครบางคนสนใจที่จะใช้ต่อก่อนจะวางแผนจ่ายค่าชดเชยในราคาสูงเพื่อให้เขาออกก่อนเวลา

ถึงแม้เสียงของอีกฝ่ายจะไม่น่าอภิรมย์ แต่มันไม่มากพอที่จะทำให้เฉินซีโกรธ สิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจก็คือมีเคหาชั้นหนึ่งอยู่ในพิมานหยาดหยกถึงสามสิบหกแห่ง แต่คนที่อยู่ด้านนอกกลับไม่เลือกเจาะจงที่ของตน คิดว่าเขาเป็นลูกพลับอ่อนที่จะจัดการอย่างไรก็ได้งั้นหรือ?

“ข้าขอโทษด้วย พอดียังไม่อยากออกจากเคหาแห่งนี้น่ะ” เฉินซีสูดหายใจเข้าขณะตัดสินใจไม่โต้เถียงกับอีกฝ่าย สถานการณ์ในตอนนี้เรียกได้ว่าปลอดภัยไปอีกสักพัก หากสร้างปัญหามากไปกว่านี้ก็ดูจะไม่ดีเท่าไหร่

“สารเลว! คุณชายของข้าแสดงความจริงใจขนาดนี้ แต่เจ้ากลับไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรหรือ คิดว่าตัวเองเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้าหรือ?” เสียงคมปลาบคล้ายกับเดือดดาลขณะตะโกนดังลั่น

…………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]