บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 159

บทที่ 159 จ้าววิญญาณบุปผามรกต

บทที่ 159 จ้าววิญญาณบุปผามรกต

สีหน้าของเป่ยเหิงผันผวนไปมา “หากข้าละความสนใจเพื่อปกป้องเจ้าเด็กคนนี้ ชีวิตชราของข้าก็คงต้องทิ้งไว้ที่นี้ แต่ถ้าข้าไม่สนใจเขา…”

ปัง!

สายฟ้าได้ฟาดลงมาด้วยมวลพลังที่เกรี้ยวกราดจนถึงจุดที่ทำให้กระจกดาราแห่งปฐพีที่ห้าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และเกิดรอยแตกบนพื้นผิวของกระจกจาง ๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า อีกไม่นานนัก ของกึ่งสมบัติอมตะชิ้นนี้อาจระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ

“แล้วไปเถอะ ในสวรรค์และโลกอันกว้างใหญ่ ตัวนั้นข้าสำคัญที่สุด ตราบเท่าที่ข้ายังอยู่รอดได้ แล้วผู้ใดจะสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น?” ความเด็ดเดี่ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเป่ยเหิง จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนทันทีก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ในขณะที่เขามองไปยังเฉินซีที่นั่งสมาธิอยู่บนพื้น “เฉินซี โอ้ เฉินซี อย่าได้โทษข้าที่ไม่ได้ยื่นมือช่วยเหลือเจ้า ข้าจำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอดเช่นกัน… หืม?”

ทันใดนั้นเอง เป่ยเหิงก็สังเกตเห็นว่า กระแสวังวนขนาดมหึมาซึ่งอยู่ใจกลางของก้อนเมฆสายฟ้าสีดำและสีขาวที่หมุนวนเหนือเฉินซี กำลังขยายตัวออกไป พลังงานสีดำและสีขาวผสมผสานกันราวกับการบรรจบของหยินกับหยาง หรือน้ำกับไฟที่ปะทะกัน ทำให้กระแสวังวนที่กลั่นตัวจากพวกมันหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วที่ยากจะอธิบาย

ทันใดนั้น แรงดึงดูดที่มหาศาลจนไม่มีใครเทียบได้ก็พวยพุ่งออกมา!

หึ่ง! หึ่ง! หึ่ง!

จู่ ๆ ก็เกิดเสียงอันแปลกประหลาดราวกับเสียงของฝูงผึ้งที่กระพือปีกอย่างพร้อมเพรียงกัน และกระแสวังวนนั้นดูคล้ายกับปากของสัตว์เทวะโบราณที่ถูกเรียกว่า ‘คุนเผิง’ ได้ปลดปล่อยแรงดึงดูดอันน่าสะพรึงกลัวจนสามารถกลืนกินทั้งสวรรค์และโลกเข้าไปได้

หลังจากนั้น เป่ยเหิงก็เห็นว่าอัสนีดาราพิฆาตที่ผ่าลงมาในระยะร้อยยี่สิบจั้ง ที่อยู่รอบกายของเฉินซี ดูเหมือนจะถูกดึงดูดเข้ามา จากนั้นพวกมันก็พุ่งเข้าหากระแสวังวนสีดำและขาวอย่างควบคุมไม่ได้

ปัง!

หลังจากที่มันซึมซับและกลืนกินอัสนีดาราพิฆาตที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมด กระแสวังวนสีดำและขาวก็เสมือนกับว่าจะได้รับยาบำรุงชั้นเยี่ยม ทันใดนั้น พวกมันค่อย ๆ ขยายตัวออกไปอยู่เป็นระยะ จนกระทั่งขนาดของมันได้ครอบคลุมพื้นที่เกือบสองลี้

เมื่อเขามองไปยังกระแสวังวนสีดำและสีขาวในตอนนี้ มันก็เหมือนกับเมฆที่ปกคลุมท้องฟ้าและโลก สลับเป็นสีดำและขาว หยินและหยางหมุนเวียน กระแสวังวนที่ก่อตัวเป็นวงกลมอย่างสมบูรณ์นั้น เป็นเหมือนหลุมดำที่กลืนกินทุกสิ่งอยู่ในห้วงลึกของจักรวาล ซึ่งทำให้ผู้คนที่พบเห็นต้องรู้สึกหนาวเย็นโดยไม่มีเหตุผล แม้ว่าจะมองจากระยะไกลก็ตาม

“ช่างเป็นแรงดึดดูดที่น่าสะพรึงกลัวเสียจริง !” สีหน้าของเป่ยเหิงผันผวนไปมาอย่างน่าสะพรึงกลัว และตัวเขาก็รู้สึกว่า กระจกดาราแห่งปฐพีที่ห้าต้องการดิ้นรนให้เป็นอิสระจากการควบคุมของเขา และบินไปยังกระแสวังวนที่อยู่เบื้องหน้า ดังนั้นเขาจึงรีบส่งปราณเซียนออกมาในทันที ก่อนที่จะคว้ากระจกดาราแห่งปฐพีที่ห้าให้กลับมาลอยอยู่เหนือเขา

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ม่านแสงสีทองที่ปกป้องเฉินซีอยู่ ได้หายไปพร้อมกับมัน

แต่ในขณะนี้ เฉินซีไม่จำเป็นต้องมีการปกป้องจากม่านแสงสีทองอีกต่อไป กระแสวังวนสีดำขาวที่อยู่เหนือเขาได้ครอบคลุมพื้นที่ในระยะสองลี้ เป็นดั่งกำแพงที่ไม่สั่นคลอนขวางกั้นร่างของเขา พลังของมันทรงอานุภาพราวกับว่าสามารถกลืนกินสรรพสิ่งในโลกได้ และมันกำลังกลืนกินอัสนีดาราพิฆาตที่ผ่าลงมาจากท้องฟ้าอย่างบ้าคลั่ง

ยิ่งมันกลืนกินสายฟ้าเข้าไปมากเท่าไร กระแสวังวนสีดำขาวก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเท่านั้น และมันขยายออกไปรอบ ๆ ด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หากมีผู้ใดมองดูจากบนท้องฟ้า ก็จะสังเกตเห็นว่าอัสนีดาราพิฆาตส่วนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ของภูเขาดาวตก เป็นดั่งทะเลที่ไหลย้อนกลับ ซึ่งกำลังพุ่งเข้าหาเฉินซีอย่างบ้าคลั่ง ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นน่านั้นสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง

ในขณะที่เขายืนอยู่เคียงข้างเฉินซี แรงกดดันที่มีต่อเขาก็ได้สลายไปด้วย เพราะได้รับการปกป้องจากกระแสวังวนสีดำและสีขาว แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอัสนีดาราพิฆาตที่โหมกระหน่ำมาจากทุกทิศทาง ตัวเขาเองก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูก

มวลพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้เพียงพอที่จะบดขยี้เขาจนแหลกเป็นผุยผงจนนับครั้งไม่ถ้วน!

“ต่ำช้ายิ่งนัก! พวกมันใช้เคล็ดวิชาสังเวยโลหิตเพื่อกระตุ้นพลังของค่ายกลสังหารเซียนเก้าพระราชวังข่ายดาราอย่างเต็มที่ ประมุขนิกายพระราชวังข่ายดาราช่างอำมหิตจริง ๆ” ไป๋เถิงถือไผ่เงาบัวเขียวขจีอยู่ในมือของเขา และยืนอยู่ท่ามกลางโลกที่ก่อตัวขึ้นจากดอกบัวสีเขียวจำนวนมหาศาล สายตาของเขาเฉียบคมราวกับนกอินทรีที่จ้องมองลงมายังสวรรค์ทั้งเก้า จิตใจของเขากว้างใหญ่ราวกับภูเขาและแม่น้ำ ร่างของเขาสง่าผ่าเผยซึ่งเปี่ยมไปด้วยพลังที่สามารถควบคุมดวงดาวบนฟากฟ้า ทำให้เขาเป็นดั่งจักรพรรดิสูงสุดที่ถือคทา

แต่ในขณะนี้ คิ้วสีขาวของเขาได้ขมวดขึ้นเล็กน้อย และดวงตาของเขาก็เปล่งประกายอันเย็นชาออกมา ขณะที่ร่างกายของเขาปกคลุมด้วยกลิ่นอายแห่งการเข่นฆ่าที่ไม่อาจเทียบเคียงได้ เห็นได้ชัดว่าการกระทำอันโหดร้ายของพระราชวังข่ายดาราที่ใช้ชีวิตเหล่าศิษย์ไปนับหมื่น เพื่อสังเวยเลือดให้กับมหาค่ายกลทำให้เขาโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อจักรพรรดิเดือดดาล โลหิตจะต้องหลั่งไหลเป็นสายน้ำ

ไป๋เถิงไม่ใช่จักรพรรดิ แต่เขาได้รับความเคารพมากกว่าจักรพรรดิในโลกมนุษย์ เขาเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีขั้นที่หกที่ไม่มีใครเทียบได้ อีกทั้งยังมีสมบัติอมตะอยู่ในมือ และเพียงแค่เขานึกคิด ก็สามารถทำลายสวรรค์และโลกหรือบิดเบือนมิติได้อย่างง่ายดาย!

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขากำลังจะโจมตีไปที่ค่ายกลอย่างสุดกำลัง เพื่อระบายเปลวไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวที่อยู่ในใจของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง และทันใดนั้น เขาก็จ้องมองไปยังที่ที่ห่างไกล หลังจากนั้น เขาก็เห็นกระแสวังวนสีดำขาวขนาดมหึมาที่กำลังหมุนวนอย่างรุนแรง พร้อมกับสายฟ้าฟาดและพลังดาราจักรที่ส่งเสียงคำรามอยู่ภายในนั้น กระแสวังวนนั้นเสมือนหนึ่งหยินและหนึ่งหยาง ก่อให้เกิดปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ที่ดูเหมือนเกิดขึ้นตามวิถีแห่งธรรมชาติ และแรงดึงดูดอันไร้ขอบเขตของมันได้ดึงดูดสายฟ้าส่วนหนึ่งมาจากมหาค่ายกลนั้น

“ดวงดาว หยิน หยาง สายฟ้า สายลม และยังมีพลังของธาตุทั้งห้าอยู่ราง ๆ สิ่งเหล่านั้นคือ มหาเต๋าสูงสุดทั้งสิบประเภท!” ไป๋เถิงตกตะลึง และกระแสเย็นฉ่ำที่ดูเหมือนน้ำตกก็ระเบิดออกมาจากแววตาของเขา ด้วยการบ่มเพาะของเขา เขาก็ต้องตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าเช่นกัน

“ผู้อาวุโสไป๋เถิง ท่านดูไม่ผิดใช่ไหมขอรับ? นั่นคือมหาเต๋าสูงสุดทั้งสิบประเภทจริง ๆ หรือ?” ไป๋กังที่ยืนตัวแข็งอยู่ใกล้เคียงข้างกล่าวด้วยความประหลาดใจ “จนกระทั่งตอนนี้ แม้แต่ข้าก็ยังรวบรวมเต๋ารองได้แค่สิบแปดประเภท และมหาเต๋าอีกหนึ่งประเภทเท่านั้น หรือว่าคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าข้า?”

“ไป๋กัง ในที่สุดเจ้าก็ได้รู้แล้วสินะว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เมื่ออยู่ในตระกูล เจ้าเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับคนผู้นั้น เจ้ากลับด้อยกว่าเขาอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเจ้าควรละทิ้งนิสัยที่เย่อหยิ่งและเอาแต่ใจของเจ้าเสีย จากนั้นจงตั้งใจบ่มเพาะอย่างขยันหมั่นเพียร” ไป๋เถิงตำหนิไป๋กังที่อยู่ใกล้เคียงอย่างไร้ความปรานี

“ฮึ่ม! ข้าเพิ่งบ่มเพาะได้เพียงสิบเก้าปีเท่านั้น หากให้ข้าเวลาสักอีกหน่อย การบ่มเพาะของข้าจะต้องทิ้งห่างเจ้าเด็กนั่นอย่างไม่เห็นฝุ่นเป็นแน่แท้”ไป๋กังรู้สึกไม่เชื่อในคำพูดของไป๋เถิง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋เถิงจึงทำได้เพียงแค่ส่ายศีรษะ และสายตาของเขาก็เหลือบมองไป๋หว่านฉิงที่อยู่ใกล้เคียงโดยไม่ตั้งใจ นางกำลังจ้องมองกระแสวังวนสีดำและสีขาวอย่างเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าที่ดูแปลกประหลาด ราวกับไม่อยากเชื่อ และดูซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]