บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 162

บทที่ 162 การแก้แค้น

บทที่ 162 การแก้แค้น

ราชวงศ์ซ่งครอบครองดินแดนอันกว้างใหญ่ประกอบไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และแบ่งเป็นสี่ดินแดนได้แก่ ตอนใต้ ทะเลตะวันออก ที่ราบตอนกลาง และแดนเถื่อนตอนเหนือ ซึ่งครอบคลุมเนื้อที่กว่าหนึ่งร้อยล้านลี้และมีนิกายไม่ทราบจำนวนมาตั้งรกรากอยู่ในบริเวณนี้ และที่นี่มีผู้บ่มเพาะจำนวนมากลอบเข้ามาใช้เป็นที่ฝึกบ่มเพาะพลังอย่างลับ ๆ ในฐานะผู้กุมอำนาจแห่งราชวงศ์ซ่ง…หวงฝูจงหลินเป็นผู้ปกครองที่มีอำนาจและทารุณโหดร้ายมาก

เป่ยเหิงเป็นเพียงผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายอันดับหนึ่งในดินแดนทางใต้…นิกายกระบี่เมฆาพเนจร หากเทียบในแง่ของสถานะ เขาคงไม่อาจเทียบได้แม้เพียงเสี้ยวหนึ่งในพันของจักรพรรดิต้าซ่ง เมื่อได้รับฟังข่าวที่น่าตระหนกตกใจ สีหน้าของเขาพลันแสดงออกถึงความหวาดหวั่นอย่างชัดเจน ในสายตาของเขายกให้พวกไป๋หว่านฉิงอยู่ในจุดที่สูงและยกย่องนับถือเป็นที่สุด

“เมื่อเขารู้สึกตัวขึ้นมา เจ้าช่วยนำแผ่นหยกนี้ไปให้เขาด้วย” ขณะที่เป่ยเหิงชะงักงันพูดไม่ออก ไป๋หว่านฉิงก็ยื่นยันต์สดับเสียงให้คนตรงหน้า

เป่ยเหิงมีหรือจะกล้าชักช้า จากนั้นเขาก็รีบรับมันมาและเก็บไว้อย่างระมัดระวังในคลังสมบัติวิเศษของเขา ก่อนที่จะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สหายนักพรตเต๋าไม่ต้องห่วง ข้าจะจัดการให้ ไม่ทราบว่าสหายนักพรตเต๋ามีอะไรจะแจ้งอีกหรือไม่”

ไป๋หว่านฉิงนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่งตราคำสั่งอีกอันให้กับเป่ยเหิง “นี่คือตราของข้า ต่อไปหากเจ้าหรือเฉินซีประสบปัญหาเมื่อใด จงส่งสิ่งนี้มาที่แดนภวังค์ทมิฬ…ตระกูลไป๋ทันที”

แดนภวังค์ทมิฬ!

เป่ยเหิงชะงักด้วยสะดุ้งในหัวใจ ภาพของโลกในตำนานที่แสนงดงามพลันปรากฏขึ้นในห้วงคำนึง ดินแดนแห่งนั้นมีความงดงาม ทรงพลังและยิ่งใหญ่ เป็นสถานที่มหัศจรรย์อันเต็มไปด้วยตำนาน รวมทั้งมีผู้บ่มเพาะพลังจำนวนนับไม่ถ้วน สถานที่นั้น…

เมื่อเป่ยเหิงรู้สึกตัวจากภวังค์ความคิด พวกไป๋หว่านฉิงก็หายตัวไปเสียแล้ว เขาก้มลงมองตราคำสั่งในมือ มันมีลักษณะเหมือนหยกแต่ก็มิใช่หยก สีขาวสะอาดดั่งหิมะท่ามกลางมวลเมฆหมอกที่ลอยอวลอยู่ตรงส่วนบน อักขระโบราณคำว่า ‘ว่างเปล่า’ มองเห็นได้อย่างเลือนราง คำเพียงคำเดียว แต่ราวกับสามารถทะลุทะลวงทุกสิ่งได้อย่างอิสระดุจดั่งกระบี่ที่มีน้ำหนักมหาศาล

‘ข้าต้องรักษาตราคำสั่งนี้ไว้ให้ดี บางทีข้าอาจต้องพบเจอกับเรื่องใหญ่โดยไม่เจตนาก็ได้’ ว่าแล้วชายชราจึงจัดการเก็บงำตราคำสั่งอย่างระมัดระวังก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกด้วยความโล่งอก เมื่อเขาหันกลับไปมองเฉินซี แววตาของเขาดูเป็นมิตรขึ้นมาก ความรู้สึกที่มีต่อเฉินซีกลับเพิ่มมากขึ้น

เป่ยเหิงรู้ดีว่าตนได้ประโยชน์จากผลบุญครั้งใหญ่นี้เพราะเฉินซี นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้รับความไว้ใจจากตระกูลไป๋ที่แสนจะเป็นปริศนา เช่นนี้เขายังจะกล้าพูดได้หรือว่าชายหนุ่มเฉินซีเป็นแค่คนธรรมดา

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

พลันปรากฏเสียงดังของวัตถุบางอย่างจำนวนมากพุ่งแหวกอากาศก่อนจะตกลงไปที่บริเวณภูเขาดาวตก เพียงพริบตาเดียวแสงประหลาดหลากสีสันมากมายก็ทะยานมาถึง

เป่ยเหิงกวาดสายตามองพลันก็เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

ความปั่นป่วนจากการที่พระราชวังข่ายดาราเปิดใช้ค่ายกลสังหารเซียนเก้าพระราชวังข่ายดารานั้นส่งผลหนักหนาสาหัสจริง ๆ ทั้งเกิดปรากฏการณ์สายฟ้าฟาดราวกับสายน้ำ ถ้าตายังไม่บอดย่อมสังเกตเห็นได้อย่างแน่นอน

“เวรกรรม! ภูเขาดาวตก ไยจึงกลายเป็นเช่นนี้”

“น่ากลัวเหลือเกิน! พระราชวังข่ายดาราทั้งหมดพังพินาศเหมือนหายนะครั้งใหญ่! ฝีมือของใคร หรือว่าเป็นเซียนสวรรค์ ในที่สุดพลังของค่ายกลสังหารเซียนเก้าพระราชวังข่ายดาราก็เพียงพอที่จะทำลายผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีสินะ!”

“พังพินาศเพียงชั่วข้ามคืน ผู้ที่ทำให้พระราชวังข่ายดารามีสภาพอย่างนี้ มันจะน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน”

ฝูงผู้บ่มเพาะที่ทะยานเป็นลำแสงพากันลอยวนเวียนไปรอบ ๆ ภูเขาดาวตก คนเหล่านี้ล้วนมาจากกองกำลังต่าง ๆ ในเมืองทะเลสาบมังกรซึ่งเป็นหกตระกูล สามสำนักและนิกายใหญ่ที่ยิ่งใหญ่อีกเจ็ดนิกาย ยกเว้นพระราชวังข่ายดารา ตอนนี้เมื่อพวกเขาจ้องมองทุกสิ่งที่บัดนี้เหลือเพียงซากปรักหักพัง สีหน้าและแววตาของทุกคนจึงเต็มไปด้วยความตกใจสุดขีด

พระราชวังข่ายดาราเป็นกองกำลังอันยิ่งใหญ่ พวกเขามีทั้งวัตถุและทรัพยากรเก็บกักซึ่งได้รับการสืบทอดมานานนับหมื่นปี มีศิษย์นับหมื่นคนและมีผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาที่เก่งกาจสามารถอย่างไฉ่เส้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อย เวลานี้นับว่าเป็นยุคทองแห่งความเจริญรุ่งเรืองและอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา มีสถานะอยู่ในจุดที่สูงที่สุดในโลกแห่งการบ่มเพาะพลังของดินแดนตอนใต้ อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขากลายสภาพเหลือเพียงซากปรักหักพัง กลายเป็นสถานที่แห่งความตายชั่วเวลาเพียงวันเดียว ใครบ้างจะไม่ตกใจ

“เอ๊ะ ดูนั่น เร็วสิ! กระแสวังวนดำและขาวน่ากลัวเหลือเกิน มันเกิดจากการกลั่นตัวของอัสนีดาราพิฆาตขั้นสมบูรณ์ หากมันเกิดแรงระเบิดขึ้นมาละก็ สงสัยว่าต่อให้เป็นเซียนปฐพีก็คงไม่รอดแน่!”

“เฮ้ย! มีคนอยู่ที่นั่น!”

“นั่นมัน…”

ทันใดนั้น สายตาของทุกคนที่จ้องมองกระแสวังวนสีดำและขาว ซึ่งแผ่ขยายคลุมพื้นที่กว่าหกลี้เป็นตาเดียว ได้มองตรงไปยังเฉินซีและเป่ยเหิง

“ผู้อาวุโสใหญ่!”

“เฉินซี!”

เมื่อพวกเขาเห็นเป่ยเหิงและเฉินซี เสียงอุทานแสดงความประหลาดใจมากมายก็ดังออกมาทันที

เป่ยเหิงเงยหน้าขึ้นทันที และพบว่าคนเหล่านั้นคือประมุขหลิงคงจื่อและผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆาพเนจร เขาจึงเอ่ยออกไปด้วยเสียงอันดังทันที “หลิงคงจื่อ พวกเจ้ามาได้เวลาพอดี ตอนนี้พระราชวังข่ายดาราถูกทำลายจนพินาศ สั่งให้ผู้อาวุโสและศิษย์ออกค้นหาสมบัติและวัตถุล้ำค่า จากนั้นก็ส่งกลับไปที่นิกายได้เลย”

“อ้อ! แล้วผู้อาวุโสใหญ่ของพระราชวังข่ายดาราจะไม่… ” หลิงคงจื่อเกิดความประหลาดใจ

“จงทำอย่างที่ข้าบอก ไปเอาความคิดไร้สาระเหล่านี้มาจากไหน” หัวคิ้วของเป่ยเหิงขมวดมุ่น ขณะตำหนิเสียงดัง

“รับทราบขอรับ!” หลิงคงจื่อรีบรับคำทันที เดิมเขาเคยคิดจะพามาเฉพาะผู้อาวุโสสิบเจ็ดคน ส่วนศิษย์ไม่ได้สั่งให้ติดตามไปด้วย เพราะถึงอย่างไรการต่อสู้กับพระราชวังข่ายดารายังนับว่าน่ากลัวเกินไป และอาจพบกับเหตุไม่คาดฝันได้โดยง่าย เหตุที่เขาตัดสินใจเช่นนี้ก็เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของศิษย์นั่นเอง ทว่าเวลานี้เขากลับรู้สึกเสียใจที่ตนเคยตัดสินใจเช่นนั้น เพราะตอนนี้เขาต้องการเรียกศิษย์ทุกคนในนิกายให้ออกมาร่วมกันปล้นสถานที่นี้และกวาดล้างสมบัติล้ำค่าที่มีอยู่ทั้งหมดในพระราชวังข่ายดาราเหลือทิ้งไว้อย่างที่สุด

ถึงอย่างไร พระราชวังข่ายดาราก็เป็นหนึ่งในแปดนิกายใหญ่แห่งเมืองทะเลสาบมังกร พวกเขาจึงได้ซุกซ่อนทรัพยากรสำหรับการบ่มเพาะและวัตถุวิญญาณไว้มากมาย ตอนนี้มันได้ถูกกวาดเอาไปจนสิ้น แล้วจะมีเหลืออยู่สักเท่าไรกัน

ทันใดนั้น หลิงคงจื่อก็หันไปสั่งการผู้อาวุโสคนหนึ่ง โดยบอกให้กลับไปพากำลังเสริมจากนิกายมาที่นี่ ก่อนจะนำผู้อาวุโสอีกสิบหกคนทะยานตรงลงไปยังซากปรักหักพังของภูเขาดาวตก และเริ่มการปล้นสะดมทันที

ในฐานะประมุขของนิกายกระบี่เมฆาพเนจร หลิงคงจื่อได้มาเยือนที่ พระราชวังข่ายดาราเพื่อพบปะกับเถี่ยอวิ๋นจื่อหลายครั้ง ทำให้พอจะคุ้นเคยกับที่ตั้งของหอขุมทรัพย์ โถงทักษะยุทธ์ ทุ่งสมุนไพรวิญญาณและอีกหลายสถานที่ในทำนองเดียวกัน หลังจากที่เข้าไปในภูเขาดาวตก เขาจัดการเรียกความทรงจำกลับมา ก่อนจะพุ่งตรงไปยังสถานที่ที่เก็บสมบัติล้ำค่า พวกเขาเสมือนกลุ่มโจรที่เข้าปล้นสะดม ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมามากมายของพวกตน จึงมีหลักอยู่สามประการคือรวดเร็ว แม่นยำ และดุดัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]