บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 163

บทที่ 163 การล้างแค้น

บทที่ 163 การล้างแค้น

จวนตระกูลซูแห่งเมืองทะเลสาบมังกร กว้างใหญ่เป็นอย่างมาก ลานบ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้เหมือนป่าทึบ สวนดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วน และทิวแถวของศาลาอันงดงามที่ประดับประดาไปด้วยหยกอันหรูหรา ทุกซอกทุกมุมของจวนตระกูลซูได้เผยให้เห็นถึงความสูงส่งและอำนาจของเจ้าของ

ทว่าในตอนนี้ จวนของตระกูลซูได้กลายเป็นทะเลเพลิงแล้ว

เปลวเพลิงที่ลุกโชนราวกับเพชฌฆาตที่โหดเหี้ยมที่สุดในโลก มันได้แผดเผาและหลอมละลายทุกสิ่ง ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว งดงามหรืออัปลักษณ์ ภายใต้ทะเลเพลิง ทุกอย่างก็จะกลายเป็นเถ้าถ่านและหวนคืนสู่ปฐพีในที่สุด

เปลวเพลิงที่ร้อนแรงแผดเผาท้องฟ้าจนกลายเป็นสีแดง!

เมื่อเฉินซีมาถึงจวนตระกูลซู เขาก็ได้เห็นดอกบัวเขียวขจีนับไม่ถ้วนบานสะพรั่งอยู่ทุกซอกทุกมุมของจวน ซึ่งพวกมันกำลังพ่นเปลวไฟสีฟ้าออกมา ความร้อนแรงของเปลวไฟนั้นทำให้กระเบื้องหลังคา ภูเขาเทียม ศาลา ผนัง และแม้แต่เหล็กที่แข็งที่สุดก็ยังต้องหลอมละลายไปกับเปลวเพลิง พวกมันเผาผลาญทุกสิ่งจนเป็นเถ้าถ่านและหลอมเหล็กจนกลายเป็นสีแดงเข้มเหมือนหินหลอมเหลว แม้แต่อากาศโดยรอบก็เริ่มบิดเบี้ยวจนกระทั่งระเหยไป และทำให้กระแสอากาศปั่นป่วนภายใต้อุณหภูมิที่สูงล้ำ คลื่นเพลิงที่โหมกระหน่ำและกระแสแห่งความร้อนนี้ ทำให้ทุกสิ่งถูกปกคลุมด้วยชั้นบรรยากาศที่เหมือนกับความฝัน

เสียงร้องโหยหวน เสียงตะโกนด้วยความเดือดดาล เสียงสาปแช่ง เสียงวิงวอน… เสียงกรีดร้องต่าง ๆ นานาดังขึ้นติดต่อกันจากภายในทะเลแห่งเปลวเพลิง ซึ่งมันดูเหมือนทะเลเพลิงในนรกที่ไม่ควรปรากฏขึ้นบนโลกมนุษย์แม้แต่น้อย

ภายใต้วงล้อมของเปลวเพลิงสีฟ้าจากดอกบัวจำนวนนับไม่ถ้วน ไม่มีสมาชิกตระกูลซูคนใดรอดพ้นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสที่มีสถานะหรืออำนาจอันสูงส่ง ข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อย ปลาที่เวียนว่ายในสระ หรือนกที่ถูกกักขังอยู่ในกรง ทุกสิ่งมีชีวิตทำได้เพียงดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างสิ้นหวัง แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เพราะท้ายที่สุดเปลวเพลิงสีฟ้าก็แผดเผาพวกมันจนสิ้นซากอยู่ดี

นี่คือพลังของวัตถุโบราณเซียน ‘ไผ่เงาบัวเขียวขจี’ มันเป็นดั่งดวงอาทิตย์ที่เจิดจรัสและดวงจันทร์อันเย็นยะเยือก ในขณะที่มันแผดเผาทุกสรรพสิ่งและปฏิบัติต่อความตายด้วยความเย็นชา เมื่อมันอยู่ในมือของไป๋เถิง ผู้มีการบ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีขั้นที่หก ถึงแม้มันจะสำแดงอานุภาพได้เพียงสี่ส่วน แต่อานุภาพเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะทำลายล้างตระกูลซูทั้งหมด

ตระกูลซูเอ๋ย ตระกูลซู… เฉินซียืนอยู่บนอากาศอย่างเงียบ ๆ ขณะที่เขาพึมพำกับตัวเอง เปลวไฟที่โหมกระหน่ำสะท้อนบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ทำให้มันสว่างและสลัวอยู่เป็นช่วง ๆ และดูเหมือนว่าเปลวไฟกำลังเริ่มลุกโชนภายในดวงตาของเขา เมื่อเขาเห็นตระกูลซูกำลังล่มสลายลงทีละเล็กทีละน้อย หัวใจของเฉินซีกลับว่างเปล่าและรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง

“ต่อให้ตระกูลซูถูกทำลายลง แล้วมันจะทำให้ท่านปู่ฟื้นคืนชีพได้อย่างไร?”

ปัง!

เฉินซีหันหลังให้กับทะเลเพลิงขณะที่เขาคุกเข่าอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า และความเศร้าโศกที่มีอยู่มหาศาลได้พรั่งพรูออกมาจากหัวใจของเขา “ท่านปู่ ข้าได้ล้างแค้นให้แก่ท่านแล้ว ท่านเห็นมันไหม? แต่… ข้าก็ไม่มีวันที่จะได้พบกับท่านอีกครั้งอยู่ดี”

เปลวเพลิงยังคงลุกโชน แต่เสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชก็ทยอยเงียบลงและค่อย ๆ จางหายไป ก่อนจะคืนสู่ความว่างเปล่า และเหลือไว้เพียงเสียงของเปลวเพลิงที่กำลังเผาไหม้อยู่เท่านั้น

เมื่อเฉินซีลุกยืนขึ้นอีกครั้ง จวนตระกูลซูได้กลายเป็นเถ้าถ่านที่ปกคลุมท้องฟ้า มันถูกสายลมพัดพาให้ล่องลอยและตกลงสู่ทะเลเพลิง ซึ่งปราศจากสิ่งมีชีวิตโดยสิ้นเชิง

นับจากบัดนี้เป็นต้นไป จะไม่มีตระกูลซูอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว ไม่มีซูเจิ่นเทียน ซูเจียว ซู…

เป่ยเหิงได้มาถึงข้างกายของเฉินซี โดยที่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สังเกต และในขณะที่เป่ยเหิงมองไปยังทะเลเพลิง เขาก็รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งหัวใจ ตระกูลซูเป็นหนึ่งในกองกำลังอันยิ่งใหญ่ซึ่งคงอยู่มานานนับหลายหมื่นปีของเมืองทะเลสาบมังกร กลับถูกทำลายล้างไปแล้ว และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากน้ำมือของคนเพียงคนเดียวกับวัตถุโบราณเซียนอีกหนึ่งชิ้น!

ซึ่งเหตุผลที่กระทำเช่นนี้ ก็เพราะหญิงสาวคนหนึ่งต้องการช่วยเฉินซีล้างแค้น…

มันไร้สาระหรือ?

แน่นอนว่าไม่!

นี่คือโลกแห่งการบ่มเพาะที่แท้จริง มันเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและการนองเลือด ซึ่งมีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะได้รับความเคารพ ยิ่งไปกว่านั้น จะมีผู้บ่มเพาะคนใดที่ไม่ได้ล้มตายภายใต้การลงทัณฑ์จากสวรรค์ แต่กลับต้องตายด้วยคมมีดของศัตรูแทน?

แน่นอนว่ามหาศาล!

บางทีนี่อาจจะเป็นการลงโทษผู้บ่มเพาะรูปแบบหนึ่งของเต๋าแห่งสวรรค์ แม้ว่าพวกเขาจะครอบครองพลัง ความมั่งคั่ง และอำนาจที่ไม่ธรรมดา แต่พวกเขาทุกคนก็ยังมีความแค้น ความเกลียดชัง และกรรมนับไม่ถ้วนเช่นเดียวกัน

เป่ยเหิงหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามอย่างเต็มที่จะระงับการสั่นไหวของหัวใจเขา จากนั้นก็ตบไหล่ของเฉินซีและกล่าวว่า “ศัตรูตัวฉกาจของเจ้าได้ถูกทำลายแล้ว เจ้าควรจะยินดีสิ”

เฉินซีฟื้นคืนสติจากความเศร้าของการคิดถึงท่านปู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองไปโดยรอบ เขากลับตระหนักได้ว่า ไม่พบร่องรอยของไป๋หวานฉิงอยู่ที่ใดเลย

“ไม่จำเป็นต้องมองหาหรอก พวกเขาได้จากไปนานแล้ว” เป่ยเหิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องเฉิน เจ้าเป็นคนที่โชคดี และมีปรมาจารย์คอยเฝ้าดูแลเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง ต่างจากข้าที่เป็นวิญญาณโดดเดี่ยวที่ไร้ผู้พึ่งพิง”

เฉินซีก็ได้หัวเราะออกมา เมื่อเห็นเป่ยเหิงกำลังกล่าวล้อเล่น ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายกระบี่เมฆาพเนจรแล้ว เป่ยเหิงจะเป็นวิญญาณโดดเดี่ยวได้อย่างไร?

“ช่างน่าเสียดาย! เดิมทีข้าจะใช้ประโยชน์จากการที่ตระกูลซูถูกทำลายล้าง เพื่อครอบครองทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลที่หลงเหลืออยู่ แต่ใครจะไปคาดคิดว่า ผู้อาวุโสไป๋เถิงนั้นโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง เขาได้เปลี่ยนตระกูลซูทั้งหมดให้กลายเป็นเถ้าถ่าน และไม่เหลือแม้เหรียญทองแดงสักเหรียญเดียว” เป่ยเหิงรู้สึกเสียใจเล็กน้อยขณะที่เขาถอนหายใจ

“พี่ใหญ่ ท่านขาดแคลนเงินทองหรอกหรือ” เฉินซียิ้มออกมา

“หากเจ้าอยู่ในตำแหน่งเช่นเดียวกับข้า เจ้าจะเข้าใจว่า ทั้งเรื่องการบ่มเพาะ อาหาร เสื้อผ้า ที่พัก และการเดินทางของเหล่าศิษย์ภายในนิกายนั้น ทำให้ข้าต้องใช้สมองเพื่อจัดการทั้งหมด ถึงภายนอกมันจะดูดี แต่จริง ๆ แล้วข้านั้นเหนื่อยมาก” เป่ยเหิงกล่าวอย่างทอดถอนใจ

เฉินซีตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า ทัศนคติของเป่ยเหิงที่มีต่อเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งมีความเป็นมิตรและเท่าเทียมกันมากขึ้น และด้วยความคิดของเขาเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้เฉินซีเข้าใจเหตุผลทั้งหมด

ภายในวันเดียว กลุ่มของไป๋หว่านฉิงได้ทำลายล้างกองกำลังอันยิ่งใหญ่ทั้งสองของเมืองทะเลสาบมังกรอย่างต่อเนื่อง ด้วยความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวที่พวกเขาได้เผยออกมาและทัศนคติที่มีแก่เฉินซีในทางที่ดี จึงทำให้มุมมองของเป่ยเหิงที่มีต่อเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงอยู่เล็กน้อย

อันที่จริง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะไป๋หว่านฉิงต้องการช่วยเหลือเขา และเฉินซีเองก็เข้าใจดี ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสำนึกบุญคุณของน้าไป๋ที่คอยเฝ้าดูเขาเจริญเติบโตอยู่เสมอเป็นอย่างมาก

“มาเถอะ พวกเราพี่น้องจะไปดื่มกัน ความเกลียดชังของเจ้าได้รับการล้างแค้นแล้ว และนี่คือช่วงเวลาแห่งความสุขในชีวิตของเจ้า วันนี้เราต้องดื่มจนเมามาย ไม่อย่างนั้นไม่เลิกรา!” เป่ยเหิงวางแขนของเขาไว้บนไหล่ของเฉินซี ขณะที่เขาหัวเราะอย่างเต็มที่

“ตกลง ข้าเองก็อยากจะบอกข่าวดีกับเฉินฮ่าวและท่านอาจารย์เมิ่งเช่นกัน เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป” เฉินซีพยักหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]