บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 165

บทที่ 165 ห้าปี

บทที่ 165 ห้าปี

สายลมกำเนิดมาจากพื้นดินพัดมาทางปลายหญ้าก่อน เมื่อกระแสลมพัดโชยอย่างอ่อนเบา มันก็เหมือนกับต้นหลิวต้องเมฆ แต่เมื่อมันรุนแรง มันกลับสามารถแยกทะเลและภูเขาให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นหากกล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงของมัน ก็ไม่มีสิ่งใดในโลกที่สามารถเทียบเคียงได้

ขณะที่เฉินซีนั่งสมาธิอยู่บนขอบหน้าผาท่ามกลางมวลเมฆ ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยุดบ่มเพาะเต๋ากระบี่แห่งวายุชั่วคราว และมองไปที่เต๋ากระบี่ทั้งเจ็ดที่เหลืออยู่

สัญลักษณ์เฉียนเป็นตัวแทนของท้องฟ้า กระบี่เฉียนแห่งนภานั้น มีท่วงท่ากระบี่ที่สูงส่งราวกับสวรรค์ที่ปกคลุมโลก ไม่อาจคาดเดาและกว้างใหญ่ไพศาล

สัญลักษณ์คุนเป็นตัวแทนของผืนดิน กระบี่คุนแห่งพสุธา หนักแน่น ลึกล้ำ และมีการป้องกันอย่างต่อเนื่อง

สัญลักษณ์ข่านเป็นตัวแทนของน้ำ กระบี่ข่านแห่งวารี เป็นเหมือนกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากหรือทะเลที่มีพายุ

สัญลักษณ์หลีเป็นตัวแทนของไฟ กระบี่หลีแห่งอัคคีนั้นเดือดดาลและรุนแรง แผดเผาและครอบงำ

สัญลักษณ์เจิ้นเป็นตัวแทนของสายฟ้า กระบี่เจิ้นแห่งสายฟ้าเคลื่อนไหวเหมือนกับสายฟ้าที่สามารถพิชิตทุกสิ่ง

สัญลักษณ์เกิ้นเป็นตัวแทนของภูเขา กระบี่เกิ้นแห่งขุนเขานั้นทรงพลังและตั้งตระหง่านดั่งภูเขาสูงชัน

สัญลักษณ์ตุ้ยเป็นตัวแทนของหนองบึง กระบี่ตุ้ยแห่งหนองบึงนั้นพัวพันการเคลื่อนไหวของผู้คนให้ช้าลง

มหาเต๋ากระบี่ทั้งเจ็ดเหล่านี้คล้ายกับกระบี่สวินแห่งวายุ และทั้งหมดนั้นมีรูปแบบที่หลากหลายและกว้างใหญ่เหมือนมหาสมุทร แต่ละเคล็ดวิชามีคุณสมบัติที่โดดเด่นเป็นของตัวเอง และแฝงไปด้วยความลึกซึ้งอันมากมายของสวรรค์และโลก

อย่างน้อยในสายตาของเฉินซี นอกจากอนุมานและทำความเข้าใจแล้ว หากเขาต้องการเข้าใจเคล็ดวิชากระบี่นี้อย่างถ่องแท้ เขายังต้องเข้าใจเต๋ารู้แจ้งทั้งแปด อันได้แก่ ท้องฟ้า ผืนดิน ภูเขา สายฟ้า น้ำ ไฟ ลม และหนองบึงเสียก่อน

ในบรรดาเต๋าเหล่านี้ เฉินซีได้เชี่ยวชาญเต๋ารู้แจ้งแห่งน้ำ ไฟ ลม และสายฟ้าแล้ว ส่วนเต๋ารู้แจ้งแห่งผืนดินและเต๋ารู้แจ้งแห่งภูเขาเป็นเพียงเต๋ารอง ที่เป็นส่วนหนึ่งของมหาเต๋าแห่งปฐพี ในขณะที่เต๋ารู้แจ้งแห่งหนองบึงเป็นเต๋ารองที่เป็นส่วนหนึ่งมหาเต๋าแห่งวารี และเต๋ารู้แจ้งเหล่านี้เขาก็ได้เชี่ยวชาญเช่นเดียวกัน

สรุปแล้ว ในบรรดาเต๋ารู้แจ้งทั้งแปดนี้ เฉินซียังไม่เชี่ยวชาญเต๋ารู้แจ้งแห่งนภาเท่านั้น ส่วนเต๋ารู้แจ้งทั้งเจ็ดประเภทที่เหลือ เขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ด้วยเหตุนี้เองที่เป่ยเหิงได้กล่าวว่าคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบนั้น เหมาะสมกับเฉินซีที่จะศึกษาและไตร่ตรองตามความถนัดของเขา

ทว่าเป่ยเหิงเพียงแนะนำว่า เขาควรทำความเข้าใจและอย่าได้บ่มเพาะมัน ด้วยเหตุผลที่ว่า การบ่มเพาะคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบนั้นยากเย็นแสนเข็ญ ซึ่งผู้คนในโลกต่างก็รู้ดีว่าวิชากระบี่นี้ทรงพลังขนาดไหน แต่กลับไม่มีผู้ใดบ่มเพาะมันได้เลยสักคน และเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้นน่ะหรือ? ก็เป็นเพราะมันนั้นยากเย็นแสนเข็ญ!

แม้ว่าอายุขัยของผู้บ่มเพาะจะยาวนานกว่าคนทั่วไปในโลกมนุษย์เป็นอย่างมาก แต่ถ้าใครไม่สามารถบรรลุเป็นเซียนสวรรค์ที่มีอายุขัยเท่ากับสวรรค์และโลก ก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่คนคนนั้นจะล้มตายจากการสิ้นอายุขัย ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครยอมเสียเวลาอันมีค่าเพื่อทำความเข้าใจเคล็ดวิชากระบี่ที่ไม่สามารถบ่มเพาะได้สำเร็จ

นี่เป็นมุมมองทั่วไปของคนส่วนใหญ่ หรืออาจจะมีคนที่บ่มเพาะมันได้สำเร็จ แต่คนเหล่านี้มีตัวตนที่คล้ายกับขนวิหคเพลิงและเขากิเลนและอาจจะไม่มีใครสักคนเดียวในบรรดาสิบล้านคน

แต่เฉินซีตั้งใจจะบ่มเพาะมัน เขาไม่ได้พยายามพิสูจน์ว่าพวกเขาผิด และไม่ใช่เพราะเขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่ามันยาก แต่มันเป็นแรงกระตุ้นประเภทหนึ่งที่มาจากใจล้วน ๆ ซึ่งคล้ายกับสร้างเครื่องรางของขลัง เป็นเพราะเขาชอบมันเท่านั้น และไม่มีเหตุผลอื่น

ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้สึกได้อย่างรางเลือนว่า หากเขาสามารถบ่มเพาะคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบได้สำเร็จ มันจะเกิดประโยชน์ต่อการบ่มเพาะในเต๋าแห่งยันต์อักขระของเขาอย่างมหาศาล

แก่นแท้ของเต๋าแห่งยันต์อักขระคือการสรุปความลึกซึ้งของสวรรค์และโลก เพื่อเปลี่ยนความเสื่อมโทรมให้กลายเป็นความศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบนี้จะอนุมานเคล็ดวิชากระบี่ได้ แต่เหตุใดเคล็ดวิชากระบี่กลับไม่ได้หลอมรวมเอาความลึกซึ้งของสวรรค์และโลกเข้าไปด้วย?

‘หากข้าสามารถบ่มเพาะคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบได้สำเร็จ ก่อนที่ข้าจะก้าวไปสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง บางทีข้าอาจจะสามารถยืนอยู่ในตำแหน่งไร้ผู้ต้านในระหว่างการชุมนุมดาวรุ่ง…’ เฉินซีครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน ก่อนที่จะเริ่มบ่มเพาะกระบี่สวินแห่งวายุในทันที

ในทะเลจิตสำนึกของเขา ความแข็งแกร่งทางวิญญาณของเฉินซีกำลังโคจร ขณะที่เขาดื่มด่ำไปกับการเปลี่ยนแปลงที่ไร้ขอบเขต สิ่งที่เขาต้องทำคืออนุมานการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของกระบี่สวินแห่งวายุและทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้

นี่เป็นแผนการอันยิ่งใหญ่ที่เหมือนกับการจดจำวิถีโคจรของดวงดาวนับร้อยล้านดวง มันทั้งซับซ้อน น่าเบื่อหน่าย และต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก

โชคดีที่เฉินซีมีฐานการบ่มเพาะเต๋าแห่งยันต์อักขระที่มั่นคงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และเขาปรารถนาที่จะบ่มเพาะคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบจากก้นบึ้งของหัวใจเขา ดังนั้นจึงไม่รู้สึกว่ามันน่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย

เช่นเดียวกับเฉินซีที่หมกมุ่นอยู่กับการอนุมานของเขา จนไม่ได้ใส่ใจถึงวันเวลาที่ล่วงเลย วันแล้ววันเล่าคืนแล้วคืนเล่า เขายังคงนั่งสมาธิอยู่ข้างหน้าผาบนยอดเขาใจสัจธรรมตลอดเวลา ไม่ขยับ ไม่กิน ไม่ดื่ม ราวกับเป็นรูปปั้นดินเผาที่ต้านลมและฝนอยู่ตลอดกาล

ในช่วงเวลานี้ บนยอดเขาใจสัจธรรมทั้งหมดได้เดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง ศิษย์หญิงและชายทั้งเจ็ดสิบสองคนต่างก็ยุ่งกับงานของตัวเองและทำหน้าที่ของตนให้สำเร็จและเป็นระเบียบเรียบร้อย

ในตอนนี้ ชื่อของเฉินซีได้เลื่องลือไปทั่วโลกแห่งการบ่มเพาะของดินแดนทางตอนใต้ทั้งหมดแล้ว และเหล่าศิษย์สายในทั้งเจ็ดสิบสองคนของนิกายกระบี่เมฆาพเนจร ต่างก็รู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งจากสิ่งนี้

ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเฉินซีเป็นพี่น้องร่วมสาบานของบรรพจารย์สูงสุดเป่ยเหิง ทรัพยากรและผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่แจกจ่ายโดยนิกายไปยังยอดเขาใจสัจธรรม เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ใจกว้างที่สุดในนิกายทั้งหมด และทำให้ศิษย์ชัั้นยอดคนอื่น ๆ หรือแม้แต่ผู้อาวุโสของนิกายก็ต้องรู้สึกอิจฉาและไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงอิจฉาเท่านั้น และไม่อาจแสดงความไม่พอใจหรืออิจฉาออกมา เพราะพวกเขาเกรงกลัวเป่ยเหิงที่เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเฉินซีนั่นเอง

แต่สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็คือ หลังจากที่ตระกูลซูถูกทำลายล้าง ซูเฉิน บุตรชายคนโตของตระกูลซู ซึ่งแต่เดิมเป็นศิษย์ของบรรพจารย์หลิงตู้ได้หายตัวไปอย่างกะทันหัน ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาหายตัวไปที่ใด มีชีวิตอยู่หรือล้มตายไปแล้ว บางคนบอกว่าเขาถูกฆ่าโดยศัตรู บ้างก็บอกว่าเขาหนีเอาชีวิตรอด และมีมุมมองหลากหลายต่อเรื่องนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านเลยไป ชื่อของซูเฉินก็ค่อย ๆ จางหายไปจากการรับรู้ของผู้คน และไม่มีใครกล่าวถึงเขาอีกเลย

วันเวลาผ่านไปอย่างเงียบสงบเช่นนี้ และเพียงพริบตาก็ผ่านไปหนึ่งปี

ในวันนี้ หิมะตกลงมาอย่างหนัก ทำให้สวรรค์และโลกขาวโพลนเป็นบริเวณกว้าง เป่ยเหิงมาถึงยอดเขาใจสัจธรรมในตอนรุ่งสาง แต่เขากลับพบว่าเฉินซียังคงบ่มเพาะอยู่ และร่างของเขาถูกฝังอยู่ในหิมะ จึงทำให้ชายชรามองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของเขาได้

“เขาบ่มเพาะอยู่ที่นี่มาตลอดเวลาเลยหรือ?” เป่ยเหิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ ในช่วงปีที่แล้ว เขาอยู่ในการปิดด่านบ่มเพาะ ตัวเขาในตอนนี้จึงอยากมาดูว่าการบ่มเพาะของเฉินซีเป็นอย่างไรบ้าง แต่เขาไม่เคยคาดคิดว่า ชายหนุ่มจะอยู่ในการปิดด่านบ่มเพาะเช่นเดียวกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]