บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1650

สรุปบท บทที่ 1650 ความสง่างามแห่งหนึ่งกระบี่นั้น: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

อ่านสรุป บทที่ 1650 ความสง่างามแห่งหนึ่งกระบี่นั้น จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บทที่ บทที่ 1650 ความสง่างามแห่งหนึ่งกระบี่นั้น คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย novelones อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 1650 ความสง่างามแห่งหนึ่งกระบี่นั้น

………………..

บทที่ 1650 ความสง่างามแห่งหนึ่งกระบี่นั้น

เจตจำนงกระบี่สายนั้นน่าสะพรึงกลัวโดยแท้!

อำนาจของมันหนักหนาเช่นพสุธา ห่างไกลเช่นเต๋าสวรรค์ เก่าแก่เยี่ยงที่มาแห่งเต๋า ทันทีที่ปรากฏ มันก็ทำให้วิญญาณของเฉินซีสั่นสะท้าน รู้สึกถูกกดข่มอย่างยิ่ง

หัวใจของเฉินซีสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้ เขาเป็นมหาเทวาวิญญาณผู้หนึ่ง การบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่บรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ ยืนตระหง่านเหนือใครในหมู่ระดับเดียวกัน ทว่าขณะนี้ เขากลับรู้สึกสิ้นกำลังต่อหน้าเจตจำนงกระบี่สายนี้ ดุจจอกแหนละล่องกลางสมุทร เล็กจ้อยเสียเหลือเกิน

เต๋าแห่งกระบี่ต้องสูงส่งเพียงไรกันแน่ จึงแผลงฤทธิ์เช่นนี้ออกมาได้? ในที่สุดเฉินซีก็ยืนยันได้ว่ามีขอบเขตในเต๋าแห่งกระบี่อันสูงส่งกว่าขอบเขตจักรพรรดิกระบี่อยู่ และมีเต๋าแห่งกระบี่อันลึกล้ำร้ายกาจยิ่งกว่านี้จริง!

เพราะถึงอย่างไร มันเป็นเพียงแผนภาพบนกระบี่เปื้อนเเลือดที่เสียหาย แต่เจตจำนงกระบี่ซึ่งถูกสลักไว้กลับมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าของกระบี่เสียหายเล่มนี้มีการบ่มเพาะเต๋าแห่งกระบี่สูงส่งจนเกินเข้าใจ

ฮึ่ม!

ทว่าพริบตาต่อมา เฉินซีก็ไม่อาจมีเวลานั่งคิด ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากสั่นสะท้านไม่หยุดนิ่ง ทำให้แผนภาพยิ่งทวีความกระจ่างชัดเจน และเจตจำนงกระบี่นั้นก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ….

ในดาราจักรไร้ขอบเขตอันดำสนิทเงียบสงัด หนึ่งร่างสูงยืนอยู่ที่ใจกลางดาราจักร และกระบี่เหล็กเล่มหนึ่งปักลง ณ แทบเท้า

ก่อนที่เฉินซีจะได้เห็นรูปลักษณ์ของบุคคลนั้นชัดเจน ภาพก็เปลี่ยนไปอย่างเฉียบพลัน ผู้คนมากมายซึ่งมีอำนาจยิ่งใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น

มีทั้งเทพอสูรสามเศียรหกกร ถือโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาคำรามลั่นสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ป่วนดาราจักรเหลวแหลก

มีร่างสูงสีทองเกินคะเนอันบงการตะวันจันทรา ทั่วร่างเรืองรัศมีสารพันสาดส่องทั่วดาราจักร

มีนักพรตเต๋าซึ่งทั่วร่างเรืองรองด้วยแผนภาพไท่จี๋โกลาหล นั่งบนน้ำเต้าเซียนทะยานเวหา เอ่ยสัจธรรมลึกล้ำกึกก้องทั่วนภา

มีเทพป่าเถื่อนหน้าคนร่างสัตว์ร้ายใช้อสรพิษเทพเป็นพาหนะ ร่างใหญ่โตดุจขุนเขา แขนปกคลุมด้วยอัสนี….

มีหนึ่งจิตวิญญาณท่ามกลางมหาสมุทรโลหิตอันมีภูมิปัญญาสูงส่ง มีรูปลักษณ์เป็นสรรพสิ่ง….

ภาพชวนตื่นตาสารพัดและตัวตนทรงอำนาจกล้าแกร่งสูงส่งปรากฏขึ้นมากมาย ทำให้วิญญาณของเฉินซีสะท้าน ดวงจิตแห่งเต๋าสั่นคลอน จวนเจียนหายใจไม่ออก

ตัวตนเหล่านี้ ไม่ว่าผู้ใดล้วนแข็งแกร่ง ไม่ใช่ผู้ที่เทวารู้แจ้งวิญญาณหรือบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลสักคนจะเทียบรัศมีได้ ถึงขนาดที่ปราณของพวกเขาร้ายกาจยิ่งกว่าจักรพรรดินีอวี้เชอด้วยซ้ำไป!

ชั่วขณะนี้ แม้เขาจะเป็นเพียงผู้รับชม แต่ปราณร้ายกาจก็ทำให้เฉินซีสั่นสะท้านเสียจนดวงจิตแห่งเต๋าเจียนพังทลาย

โชคยังดีที่เหตุการณ์เหล่านี้ปรากฏขึ้นเพียงชั่วพริบตา

วูบ!

อึดใจต่อมา ภาพก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง หนึ่งปราณกระบี่กวาดทั่วดาราจักร ดุจสายธารแห่งกาลเวลาฟาดฟันลง

หลังจากนั้น….

เทพอสูรสามเศียรหกกรผู้ควบคุมโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาก็ถูกสังหาร!

ร่างสีทองสูงใหญ่เกินประมาณผู้บงการตะวันจันทราตกตาย!

นักพรตเต๋าผู้เอ่ยสัจธรรมลึกล้ำบนน้ำเต้าเซียนสูญสิ้น!

เทพป่าเถื่อนหน้ามนุษย์ร่างสัตว์ร้าย….

จิตวิญญาณอันมีภูมิปัญญาสูงส่ง มีลักษณ์เป็นสรรพสิ่ง….

ทั้งจักรวาล ความว่างเปล่า แดนดิน บัญชาเต๋าแห่งสวรรค์…. สรรพสิ่งถูกฟาดฟันสะบั้นไปด้วยปราณกระบี่สายนี้!

นี่มันอำนาจศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่อะไรกัน?

กระบี่นี้ไร้เทียมทานเพียงไร?

เกินคาดฝันใดโดยแท้!

ประหนึ่งไร้ถ้อยคำใดในโลกบรรยายอำนาจของมันได้ เพราะมันเกินการคาดคิดใด ๆ โดยสิ้นเชิง

ถึงขนาดที่เฉินซีกระทั่งไม่มีเวลาพอมาประจักษ์ต่อเหตุการณ์นี้อย่างชัดเจน ก่อนที่ร่างจะรู้สึกดุจต้องอัสนีฟาด ดวงตาเจ็บแปลบเหมือนถูกทิ่มแทง ทั่วร่างเริ่มสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้

ฮึ่ม!

ทัศนียภาพเปลี่ยนไปอีกครั้ง สถานที่ยังคงเป็นดาราจักรแห่งเดิมอันดำสนิทและเงียบสงัด เพียงแต่มีเพียงร่างนั้น และ… กระบี่เหล็กซึ่งเสียบอยู่แทบเท้าที่คงเหลือ

กระบี่เหล็กเล่มนั้นเสียหายแล้ว คมของมันเต็มไปด้วยเลือด ดูหม่นประกายลงอย่างมาก

“ชั่วชีวิตข้า กวัดแกว่งกระบี่สะบั้นหมื่นเต๋า สังหารมวลศัตรู ท้ายที่สุดก็เห็นสุดยอดวิถี วิถีข้าไม่ได้เดียวดาย วิถีข้าไม่ได้เดียวดาย!” ทันใดนั้น บุคคลผู้นั้นก็แผดเสียงหัวเราะร่าสะท้านทั่วดาราจักร ทั้งตื่นเต้น จนใจ โศกเศร้า และเจือความรู้สึกเหมือนถูกปลดปล่อยไปพร้อม ๆ กัน….

ท้ายที่สุด ร่างนั้นพลันทรุดลงแหลกสลาย จากนั้นก็กลายเป็นละอองแสงหายไป

หลงเหลือเพียงกระบี่เหล็กอันเสียหาย มันสั่นสะท้านท่ามกลางดาราจักรอันดำสนิทเงียบสงัด….

เปรี้ยง!

เฉินซีรู้สึกเหมือนห้วงความคิดสั่นคลอน แล้วจึงฟื้นคืนจากเหตุประหลาดทั้งหลายอย่างสมบูรณ์ ใบหน้าซีดขาวลง ขณะที่ทั่วร่างอาบชุ่มด้วยเหงื่อเย็นเฉียบ สีหน้าแววตายังคงเจือความตกตะลึงอย่างไม่อาจลบออก

คนผู้นั้น… หรือจะเป็นเจ้าของกระบี่เสียหาย?

ทั้งหมดนี้พิสูจน์ว่าขณะนี้ เขาได้รับมรดกเต๋าแห่งกระบี่ในแผนภาพมาแล้วอย่างแท้จริง!

ไม่คาดเลยว่าข้าจะได้พบโอกาสทันทีที่มาถึงซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ ต่อให้กลับไปเสียตอนนี้ ข้าก็จากไปได้โดยไม่เสียดายแล้ว! เฉินซีอดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ หลังจากบรรลุขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ในเต๋าแห่งกระบี่ เขาก็มาถึงทางตันที่เต๋าแห่งกระบี่ไม่อาจพัฒนาได้ต่อไปโดยแท้จริง เรื่องนี้มีเหตุผลสารพัด แต่เหตุผลสำคัญสูงสุดคือเขาขาดความรู้และมรดกเกี่ยวกับขอบเขตเหนือขอบเขตจักรพรรดิกระบี่

หนนี้ ปรากฏว่าเขาบังเอิญได้รับมรดกภายในแผนภาพกระบี่เสียหายเปื้อนเลือดนั้นมา ความตื่นเต้นยินดีจึงเข้มข้นชัดเจน

เพราะถึงอย่างไร เมื่อครู่นี้ เขาก็ได้ประจักษ์เหตุการณ์สะท้านโลกาเหล่านั้นมาด้วยตนเอง เห็นพลังกระบี่อันไม่อาจนิยามด้วยถ้อยคำใดมากับตา!

อำนาจของมรดกเต๋าแห่งกระบี่อันสะบั้นหมื่นเต๋า ประหารเหล่าศัตรูนั้นชัดเจน

หากไม่มีภารกิจสำคัญ ต้องหยุดยั้งไม่ให้กงเหย่เจ๋อฟูบรรลุเป้าหมาย เฉินซีก็อยากปิดด่านบ่มเพาะไปสักพักเสียเดี๋ยวนี้เหลือเกิน

แม้ข้าจะมีเวลาไม่พอทำความเข้าใจมัน ก็จะเสียเวลาที่มีไปตลอดทางไม่ได้ ข้าจะทำความเข้าใจมันให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้… เฉินซีสูดหายใจลึก ๆ ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งเนิ่นนาน ชายหนุ่มตระหนักชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของศัตรูในครั้งนี้ร้ายกาจเพียงไร และศัตรูเช่นนี้ก็ยังมีมากกว่าหนึ่งด้วย

แม้เฉินซีจะไม่ได้กลัว แต่ก็ไม่อาจมั่นใจเต็มที่ได้ว่าจะชนะศัตรู ดังนั้นเขาจึงตั้งใจใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด พัฒนาอำนาจต่อสู้เท่าที่ทำได้

ไม่ต้องพูดถึงว่า เมื่อได้มรดกจากกระบี่เหล็กเล่มนั้นมา เขาก็สามารถทำความเข้าใจมันเพื่อประยุกต์ใช้ และใช้คู่ต่อสู้เป็นหินลับมีดพัฒนาความแข็งแกร่งของตนได้

เมื่อเขาคิดเรื่องทั้งหมดนี้ เฉินซีก็หยุดลังเลแล้วลงมือทันที

วูบ!

ร่างสูงใหญ่วูบไหวมายังริมผาในทันใด รวบรวมสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ในรอยแตกศิลาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พินิจมันเล็กน้อย ก่อนจะเก็บมันไปอย่างพึงพอใจ

สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ มันมีปราณเต๋าโกลาหลพลุ่งพล่าน ทุกชุ่นคืบของใบปกคลุมด้วยอักขระเต๋าลึกลับ เหนือชั้นกว่าสิ่งใดที่เคยเห็นมาในอดีต มูลค่าไม่อาจประมาณได้

ทว่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้กลับมาเกิดที่กำแพงผานี่ถึงสามต้น มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีโอกาสมากมายเพียงไรอยู่ในซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ ไม่แปลกใจเลยที่มันดึงความสนใจจากเหล่าอัจฉริยะไร้เทียมทานจากแดนเทพโบราณได้มากมาย

ต่อให้พวกเขาจะยอมละทิ้งรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้า แค่สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์และสมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็เพียงพอให้เหล่าผู้บ่มเพาะสู้ตายกันได้แล้ว

การที่เฉินซีสังเกตเห็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามทันทีที่มาถึงซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่นั้นไม่ใช่เพียงเพราะมีโชคเพียงอย่างเดียว แก่นของมันอยู่ตรงที่ซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่เต็มไปด้วยโชคอันเกินคาดคิดด้วย

วูบ!

ร่างของเฉินซีวูบไหวไปเด็ดสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ต้นที่สองอีกครั้ง

ทว่าขณะที่กำลังจะเด็ดสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ต้นสุดท้ายนั้นเอง หัวใจพลันเต้นกระตุก ชายหนุ่มหยุดสิ่งที่กำลังทำตามสัญชาตญาณแล้วหลบไปข้าง ๆ อย่างรวดเร็ว

ฟิ่ว!

แส้สีเขียวเข้มเส้นหนึ่งแหวกอากาศเข้ามา และด้วยการตวัดและทึ้งดึงเบา ๆ สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกถอนออกไปต่อหน้าต่อตา

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]