เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1752

บทที่ 1752 จักรพรรดิฉางเล่อ

………………..

บทที่ 1752 จักรพรรดิฉางเล่อ

ที่หน้าห้องประมูลมีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่

เฉียนอันคุ้นชินเรื่องเช่นนี้อยู่แล้ว

“คุณชายโปรดรอสักครู่” เฉียนอันกล่าวก่อนจะรีบเดินไปพูดคุยบางอย่างเบา ๆ กับเจ้าหน้าที่

ไม่นานนัก เฉียนอันก็กลับมาหาเฉินซีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ต้องขอบคุณป้ายคำสั่งจากจ้าวโถงเผิง ข้าจึงสามารถช่วยคุณชายเตรียมห้องรับรองพิเศษได้ ไม่ต้องห่วงว่าจะถูกผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ สังเกตพบแล้ว”

เฉินซีมองเฉียนอันอย่างประหลาดใจเล็กน้อย ขณะคิดในใจว่าคนผู้นี้มีความสามารถจริง ๆ ทั้งละเอียดอ่อนและกระทำการอย่างมีประสบการณ์

พวกเขาจึงเดินเคียงกันเข้าสู่ห้องประมูลทันที

พื้นที่ภายในอาคารโบราณนี้ถูกประดับตกแต่งวิจิตรบรรจง โอ่โถงเรืองสว่างอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่ามันถูกแปรสภาพด้วยเคล็ดวิชาเกี่ยวกับมิติ ทำให้เหมือนเป็นโลกอีกใบหนึ่งในตัวเอง

เมื่อเข้ามา สิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาคือรูปปั้นโบราณของชายผู้หาญกล้าทรงอำนาจ สองมือไพล่หลัง สายตาทอดมองไปไกล นอกจากนั้น ท่าทางอันเรียบง่ายกลับให้ความรู้สึกสูงส่งเหนือใคร สะท้านถึงหน้า สะเทือนถึงวิญญาณ

ไม่อาจหยั่งถึงอย่างยิ่ง!

เพราะถึงอย่างไร ด้วยการบ่มเพาะปัจจุบัน ต่อให้เผชิญหน้าจักรพรรดิที่แท้จริง เหตุการณ์เช่นนี้ก็ไม่มีวันเกิดขึ้น

ทว่าขณะนี้เพียงหนึ่งรูปปั้นกลับกระทบได้ถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องน่าตกใจเพียงไร

เฉียนอันเดินเข้าไปโค้งคารวะรูปปั้นนั้นอย่างนอบน้อม ก่อนจะหันเดินกลับมาข้างกายเฉินซี กล่าวขึ้นเสียงเบา “คุณชาย นี่คือรูปปั้นเทพผู้ครองตลาดมืดและผู้ก่อตั้งแดนเต๋าแห่งนี้ มหาเทพเต๋าตัวเป่า น้อยคนนักจะทราบนามของเขา มิต้องสงสัยเลยว่าหากไม่มีคนผู้นี้ เทศกาลหลินหลางเป่าก็ไม่มีวันอยู่ได้”

มหาเทพเต๋าตัวเป่า? เฉินซีตะลึงอยู่ในใจ เพียงรูปปั้นของมหาเทพเต๋าผู้หนึ่งกลับมีฤทธาศักดิ์สิทธิ์เพียงนี้

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีเกิดความเข้าใจอันลึกล้ำขึ้นต่อขอบเขตมหาเทพเต๋าเล็กน้อย

ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาในห้องเป็นจำนวนมหาศาล พวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือจากทั่วทุกสารทิศ ทุกเพศทุกวัย ไม่ขาดตัวตนจากเผ่าหรือตระกูลโบราณต่าง ๆ ซึ่งล้วนมีที่มาเกินธรรมดา

เพราะถึงอย่างไร ผู้ใดที่สามารถมาที่นี่ได้ล้วนมาจากตระกูลนิกายสูงส่ง หรือเป็นยอดฝีมือผู้มีอำนาจต่อสู้สูงส่งโดดเด่น ในทางกลับกัน บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นต้นอย่างเฉินซีนั้นน้อยนัก พวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้เฒ่าซึ่งอยู่ในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลมาแสนนาน ไม่ได้ขาดตัวตนระดับจักรพรรดิเลย

ไม่นานนัก เฉียนอันก็นำเฉินซีเดินไปสู่ทางเดินอันคดเคี้ยว จนมาถึงหน้าประตูหยกขาวบานหนึ่ง

“ทั้งสองท่านโปรดหยุด ที่นี่คือห้องรับรองพิเศษ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูหยกขาว ท่าทีเฉยชาไม่โอนอ่อนและไม่ถือตัว

“เราถูกแนะนำให้มาที่นี่โดยจ้าวโถงเผิง นี่คือป้ายอนุญาต เราคือผู้จองห้องรับรองพิเศษนี้” เฉียนอันเดินเข้าไปส่งป้ายคำสั่งให้

เจ้าหน้าที่พินิจเฉินซีและเฉียนอันอย่างเคลือบแคลง แต่ไม่ยื่นมือไปรับมัน และกล่าวขึ้นเสียงเรียบแทน “ขออภัย ห้องรับรองพิเศษนี้ถูกจองแล้ว โปรดไปเถิด”

เฉียนอันขมวดคิ้วทันที “หมายความเช่นไร?”

เจ้าหน้าที่กล่าวขึ้นเสียงเย็น “เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”

ในเมื่อเขาสามารถมีตำแหน่งงานในห้องประมูลสมุทรทักษิณาได้ ตัวเขาก็มีเส้นสายมากมาย และเห็นผู้พึ่งบารมีคนอื่นอย่างเฉียนอันมาเยอะนัก จึงพูดกับเฉียนอันห้วนสั้น

“ทางนี้ ข้าให้คนมาจองก่อนหน้านี้เอง” ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มผู้หนึ่งก็เดินมา เขาสวมอาภรณ์หรูหราและชุดเกราะเรืองรอง

มีชายหญิงกลุ่มหนึ่งติดตามมาเบื้องหลัง แต่ละคนล้วนแต่งกายวางตัวเช่นผู้มั่งคั่ง ให้บรรยากาศไม่ธรรมดายิ่ง

ภูมิหลังของชายหญิงกลุ่มนี้สูงส่งอย่างยิ่ง โดยเฉพาะชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้คือทายาทของจักรพรรดิฉางเล่อ ผู้ครองเอกภพสมุทรทักษิณา

เฉินซีเห็นเจ้าหน้าที่ผู้นี้เปลี่ยนท่าทีรวดเร็วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ดูเหมือนพวกที่กระทำตัวตามอิทธิพลจะมีให้เห็นทุกแห่งหน

“คุณชาย เหมือนหนนี้เราจะมาเสียเที่ยวแล้วขอรับ” เฉียนอันยิ้มขื่นขม ส่งกระแสปราณ เขาทราบถึงตัวตนของชายหนุ่มผู้นั้น เขามีนามว่าเหวินซินอวี่ บุตรคนที่เจ็ดของจักรพรรดิฉางเล่อ เป็นทายาทผู้สูงส่งอันรู้จักกันดีทั่วเอกภพสมุทรทักษิณา

เฉียนอันอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้กับเฉินซี

“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงมีคนอื่นมาอยู่ที่นี่?” เหวินซินอวี่ชำเลืองมองเฉินซีและเฉียนอัน ก่อนจะขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างไม่พอใจ

สีหน้าของเจ้าหน้าที่แปรเปลี่ยนเฉียบพลัน หันไปตำหนิเฉินซีและเฉียนอัน “พวกเจ้าทั้งสองยังมัวทำอะไรอยู่? รอให้คนอื่นไล่ออกไปหรือ?”

เฉินซีหน้าง้ำ ไม่ว่าเขาจะขัดเกลาจิตใจมาเพียงไร ก็รู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ผู้นี้ทำเกินไปหน่อย ประหนึ่งพวกเสแสร้งวางก้าม

เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินซี เฉียนอันพลันกัดฟันพูดเสียงแข็ง “จ้าวโถงเผิงเชิญเรามา บริวารเช่นเจ้ากล้าดีเช่นไรพูดแบบนั้น?”

สีหน้าของเจ้าหน้าที่ชะงัก ก่อนที่จะระเบิดโทสะ “ก็ได้! พวกเจ้าจงใจหาเรื่องกันสินะ?”

“พอแล้ว!” เหวินซินอวี่ขมวดคิ้วกล่าวขัด “สร้างเรื่องเช่นนี้ คนอื่นจะคิดกับเราเช่นไร?”

ว่าแล้ว เขาพลันหันกลับมาหาเฉินซีและเฉียนอัน มุมปากยกยิ้มดูแคลน กล่าวขึ้นเสียงเย็น “นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกเจ้าทั้งสองจะมากร่างกำแหง สำเหนียกสถานะตัวเองหน่อย สถานะแค่นี้คิดเข้าห้องรับรองพิเศษ? อย่าว่าแต่จ้าวโถงเผิงเลย ต่อให้เจ้าโถงอีกสี่คนของโถงแลกเปลี่ยนมา ข้าพูดคำเดียวก็หยุดพวกเจ้าไม่ให้เข้าห้องรับรองพิเศษได้แล้ว!”

สีหน้าของเฉียนอันแปรเปลี่ยนเกินตีความ เขากล้าตำหนิเจ้าหน้าที่ แต่ไม่กล้าล่วงเกินทายาทจักรพรรดิฉางเล่อ

เพราะถึงอย่างไร เขาก็เป็นเพียงผู้จัดการของโถงแลกเปลี่ยน หากเหวินซินอวี่อยากให้เขาตาย มันก็ง่ายไม่ต่างจากบี้มดเลย

“ฮ่าๆ ! พอแล้ว อย่าทำเรื่องวุ่นวายเพราะคนพวกนี้เลย ให้พวกเขาไสหัวไปเดี๋ยวนี้ อย่าให้เราเสียเวลา”

ทุกผู้ต่างผงะตะลึงจนทั่วทิศเงียบกริบไร้สำเนียง แทบไม่กล้าเชื่อหูตน

“เจ้า… วอนตาย!” เหวินซินอวี่เดือดจัด มีผู้กล้าดูหมิ่นบิดาต่อหน้า เขาจึงไม่อาจคุมตนเองได้อีก พร้อมกับเหวี่ยงฝ่ามือใส่เหล่าไป๋!

เพียะ!

หนึ่งเสียงตบกึกก้องชัดเจน

“ผู้ใด!? ผู้ใดบังอาจตบข้า!?” เขาแผดเสียงสนั่นลั่น

เพียะ!

อีกหนึ่งฝ่ามือตบเข้ามา รุนแรงเสียจนเหวินซินอวี่แผดร้องโหยหวนแทบสลบ

ในที่สุดในครานี้ เขาก็เห็นชัดว่าผู้ตบ แท้จริงคือบิดาของเขาเอง!

พริบตานั้น เขาไม่สนใจจะแผดเสียงโหยหวนใด ๆ สายตามองจักรพรรดิฉางเล่ออย่างไม่อยากเชื่อ “ท่านพ่อ น น นี่…”

“คุกเข่า!” สีหน้าของจักรพรรดิฉางเล่อเย็นเยียบ ดวงตาเต็มไปด้วยโทสะ ดูเหมือนไม่พอใจกับความผิดพลาดของบุตรตน

“ท่านพ่อ ข้า…” เหวินซินอวี่ทำตัวไม่ถูก ไม่อาจจับต้นชนปลายสถานการณ์ได้เลย

“ข้าบอกให้เจ้าคุกเข่า!” เสียงของจักรพรรดิฉางเล่อฟังเหมือนเค้นลอดไรฟัน ทำให้เหวินซินอวี่ผวาจนร่างสะท้าน รีบร้อนตะเกียกตะกายขึ้นคุกเข่าบนพื้น

ชั่วขณะนี้ ชายหญิงผู้ติดตามเบื้องหลังเหวินซินอวี่ต่างผงะจังงัง สีหน้าเต็มไปด้วยความตะลึง สงสัยและหวาดผวา ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่

มิเพียงพวกเขา กระทั่งเฉียนอันและเจ้าหน้าที่เฝ้าประตูก็จังงังนิ่งค้าง

แปะ! แปะ! แปะ!

ขณะนี้ จู่ ๆ เหล่าไป๋ก็ปรบมือแล้วหัวเราะเสียงเย็น “นี่สิจึงเรียกว่าสอนลูกถูกทาง ถูกทางแล้วจริง ๆ”

“ผู้อาวุโส บุตรข้ามีตาไร้แวว โปรดเข้าใจด้วย ข้าขออภัยแทนเขา” จักรพรรดิฉางเล่อยิ้มเจื่อนขณะประสานกำปั้นโค้งหัว

เหตุการณ์นี้เกือบทำให้ดวงตาของทุกคนนอกจากเฉินซีและชายวัยกลางคนร่างกำยำเด้งหลุดจากเบ้า ในใจตกตะลึงยิ่งนัก และในที่สุดก็พอเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย

ทั้งหมดนี้ แท้จริงเป็นเพราะวิหคนั่น!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]