บทที่ 1886 ต้อนรับ
………………..
บทที่ 1886 ต้อนรับ
นี่เขาออมมือให้ข้าเหรอ?
หวังจงที่ดูเหมือนจะเสียสติไปแล้ว พลันตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ จากนั้นเขาก็กล่าวซ้ำไปซ้ำมา “เป็นไปไม่ได้…. นี่มันเป็นไปไม่ได้….”
ในทางกลับกัน เฉินซีได้ลงจากสมรภูมิจารึกเต๋าโบราณแล้ว
ณ ขณะนี้ หวังจงยืนอยู่กลางสมรภูมิเพียงลำพัง พลางจดจ้องไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า ดูโดดเดี่ยว หดหู่ และน่าสมเพชอย่างยิ่ง
เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ไฮว่คงจื่อก็หายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความตกตะลึงในใจอย่างแข็งขัน จากนั้นจึงกล่าวด้วยเสียงทุ้มลึก “ผู้ชนะการประลองครั้งนี้คือเฉินซี!”
เสียงอันสง่างามของเขากวาดไปทั่วฟ้าดิน ทำให้ผู้ชมที่อยู่รอบ ๆ หายจากอาการตกใจ
ความแตกตื่นปะทุขึ้นบริเวณโดยรอบทันที ในใจรู้สึกเร้าร้อนไปด้วยความตื่นเต้น
“เขาชนะ! เฉินซีชนะ! เหลือเชื่อ! นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
“ข้าไม่เคยคาดคิดว่าเฉินซีจะโต้ตอบในช่วงคับขันได้อย่างน่าอัศจรรย์ และเอาชัยหวังจงได้ในรวดเดียว!”
“เฮ้อ! ม้ามืดอย่างหวังจงกลับต้องหยุดลงที่นี่ แต่จากการแสดงฝีมือของเขาในระหว่างการประลองที่ผ่านมา ก็เพียงพอที่จะสร้างชื่อให้เขาเลื่องระบือไปทั่วใต้หล้า และเป็นที่รู้จักในแดนเทพโบราณทั้งหมด”
“วิเศษ! ทุกท่านเห็นชัดเจนหรือไม่? กระบี่ที่เฉินซีใช้ในตอนท้ายนั้นมีอานุภาพที่น่าเกรงขามยิ่ง เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่ไม่ธรรมดา!”
“ใช่แล้ว! ผู้ใดจะคาดคิดว่าเฉินซีจะเก็บซ่อมมันไว้อย่างมิดชิดจริง ๆ และเขาก็ไม่เต็มใจที่จะมันจนกว่าจะถึงช่วงสุดท้าย”
เขาได้ยินเสียงโห่ร้องด้วยความประหลาดใจไม่หยุดหย่อน และความแตกตื่นครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นทั่วทั้งเมืองทศทิศ
…
โถงบรรจบ
เหวินถิงถอนหายใจยาวและคลายมือที่กำแน่นออก นอกจากนี้ รอยยิ้มยังประทับที่มุมปาก พลันรู้สึกจิตใจปลอดโปร่ง
แม้ว่านางจะไม่กล่าวคำใด แต่ยามนี้สีหน้าของเล่ยฝูและฉือซงจื่อก็ค่อนข้างหม่นหมอง เพราะพวกเขาจะคาดคิดได้อย่างไรว่าเฉินซีซึ่งแต่เดิมดูเหมือนจะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน กลับรอดพ้นจากสถานการณ์ที่สิ้นหวัง และเปิดฉากตอบโต้ได้อย่างงดงามยิ่ง
ไอ้สารเลวนั่น! มันใจเด็ดจริง ๆ! ทั้งคู่สาปแช่งอยู่ในใจ
…
“ถ้าหวังจงเป็นผู้สืบทอดของสถานที่นั้นจริง ๆ การที่เฉินซีสามารถเอาชนะเขาได้… ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด” เจียหนานตกตะลึง เขาจ้องมองที่หวังจงที่ยืนอยู่ในสมรภูมิ และหวนนึกถึงการโจมตีครั้งสุดท้ายของเฉินซี แล้วจึงครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
ท่าทีของเขาแตกต่างไปจากผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง และดูค่อนข้างผิดปกติ น่าเสียดายที่สายตาส่วนใหญ่ล้วนมาบรรจบที่เฉินซี จึงไม่มีใครสังเกตเห็นปฏิกิริยาที่ผิดปกติของเจียหนาน
…
“เขาชนะ!” ทันใดนั้น เชินถูเยียนหรานก็ลุกขึ้นยืนและไม่อาจระงับความปรีดาในใจได้ ทำให้โฉมหน้าอันงดงามไร้ผู้เปรียบดูหยดย้อยและมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น
“เขาชนะ!” เล่ออู๋เหิน อวี๋ชิวจิง จวนอวี๋สุ่ย และคนอื่น ๆ กล่าวซ้ำคำเดียวกัน และไม่อาจสงบจิตใจไปพักใหญ่
พลังฝีมือที่เฉินซีเผยออกมานั้นน่าสะพรึงเกินไป คล้ายกลายเป็นคนละคน เมื่อเทียบกับตอนที่อยู่ซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่เมื่อหลายปีก่อน สิ่งนี้ทำให้สหายของเขาทุกคนรู้สึกว่าเฉินซีนั้นอยู่ไกลเกินเอื้อม
“เขาชนะหรือ?” ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ภายในแดนวสันต์โบราณที่ถูกแยกออกจากโลกภายนอก เหลิ่งซิงหุน ตงหวงอิ่นเซวียน และคงโหยวหรานก็ตื่นจากทำสมาธิ ลืมตาขึ้นมาพร้อมกัน
หลังจากชนะการประลอง พวกเขาก็ถูกส่งกลับไปยังแดนวสันต์โบราณ และไม่สามารถเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกได้
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ทราบถึงสถานการณ์ของการประลองระหว่างเฉินซีกับหวังจง
แต่ถึงอย่างนั้น จากเสียงแตกตื่นที่ดังกึกก้องในโลกภายนอก ก็เพียงพอคาดเดาได้ว่าเฉินซีได้รับชัยชนะครั้งนี้อย่างงดงาม!
“ไม่นึกเลยว่าแม้แต่หวังจงก็ไม่ใช่คู่มือของเขา…”
เหลิ่งซิงหุนขมวดคิ้ว เขาประเมินหวังจงไว้สูงมาก และยังถือหวังจงเป็นคู่ต่อสู้ที่เขาต้องรับมืออย่างระมัดระวัง แต่ไม่เคยคาดว่าบุคคลที่มีพลังฝีมือไม่อาจหยั่งถึงได้ กลับต้องแพ้พ่ายด้วยน้ำมือของเฉินซี
“ดูเหมือนข้าจะต้องถือชายคนนี้เป็นที่ศัตรูที่น่าเกรงขาม หากข้าเผชิญหน้ากับเฉินซีในการประลองรอบต่อไป” ในเวลาเดียวกัน คิ้วของตงหวงอิ่นเซวียนก็เลิกขึ้น ในขณะที่ดวงตาสีม่วงเปล่งแสงที่น่าตกใจออกมาเล็กน้อย
“ข้ารู้ว่าเฉินซีคนนั้นได้ปกปิดความแข็งแกร่งไว้มากกว่าหวังจง” จู่ ๆ คงโหยวหรานก็ลุกขึ้นยืนและยืดตัวอย่างเกียจคร้าน จากนั้นริมฝีปากแดงอวบอิ่มก็ยกโค้งเป็นรอยยิ้ม
โอม!
ในไม่ช้า คลื่นมิติผันผวนก็กวาดไปทั่วแดนวสันต์โบราณ พร้อมกับประตูลึกลับสามบานปรากฏขึ้นต่อหน้าทั้งสามคน
พวกเขาไม่ลังเลที่จะก้าวผ่านประตูไปพร้อมกัน ร่างทั้งสามหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขาตระหนักดีว่าการประลองรอบย่อยที่สี่จะเริ่มในไม่ช้า!
…
เสียงอึกทึกครึกโครมดังไปทั่วบริเวณ ถึงอย่างไร ดูเหมือนเฉินซีจะไม่ได้สังเกตเห็นเลย เขาเพียงแค่เดินไปที่ฝั่งของถูเมิ่งและกู่เยี่ยน จากนั้นก็ทอดถอนใจด้วยความโล่งอกทันที หลังจากเห็นกู่เยี่ยนนั่งสมาธิอยู่ตรงนั้น
“ฮึ่ม! จะตัดสินพลังฝีมือด้วยเหตุผลแค่นี้ได้อย่างไร? ข้าคิดว่าตงหวงอิ่นเซวียนแข็งแกร่งที่สุด แนวทางการต่อสู้ของเขามั่นคงมาก ใช้วิธีรุกคืบศัตรูทีละก้าว นั่นทำให้เขายิ่งน่ากลัวมากขึ้น” นี่คือความคิดเห็นของผู้ที่สนับสนุนตงหวงอิ่นเซวียน
“พวกเจ้าคงเคยเห็นรูปแบบการต่อสู้ของคงโหยวหรานแล้ว นางมีอำนาจเหนือกว่าอย่างแน่นอน และไม่ให้โอกาสคู่ต่อสู้ได้หายใจ ใครก็ตามที่ตกเป็นคู่ต่อสู้ของนาง จะไม่ได้รับความได้เปรียบใด ๆ ในระหว่างการประลองอย่างแน่นอน” นี่คือความคิดเห็นของผู้ที่สนับสนุนคงโหยวหราน
ในทางกลับกัน ผู้บ่มเพาะที่สนับสนุนเฉินซีมักจะอธิบายถึงเฉินซีด้วยคำคำเดียว ไม่อาจหยั่งรู้ได้!
กล่าวโดยสรุป ผู้บ่มเพาะทุกคนล้วนแต่คาดหวังต่อประลองของสี่อันดับแรกที่กำลังจะเริ่มขึ้น และพวกเขาพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น ทำให้บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้อง
ทว่าในไม่ช้า เสียงเหล่านี้ก็หายไปพร้อมกัน ดูเหมือนพวกเขาจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง และทั้งหมดล้วนมองขึ้นฟ้าอย่างพร้อมเพรียงกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าของทุกคนเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ และความสับสนเล็กน้อย
ในขณะนี้ หัวใจของเฉินซี เหลิ่งซิงหุน ตงหวงอิ่นเซวียน คงโหยวหราน ไฮว่คงจื่อ เหวินถิง เล่ยฝู ฉือซงจื่อ รวมทั้งผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ และจักรพรรดิทั้งหมดล้วนสั่นสะท้าน ก่อนที่พวกเขาจะมองไปทิศทางเดียวกัน
ในขณะนี้ บรรยากาศพลันเงียบงันอย่างอธิบายไม่ได้ และมีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านบริเวณโดยรอบ
“ฮ่า ฮ่า โชคดีที่ข้าสามารถมาถึงก่อนการถกวิถีเต๋าจะสิ้นสุดลง” ทันใดนั้น เสียงอันอบอุ่นก็ดังขึ้น จากนั้นร่างที่ทรงพลังและสง่างามก็ปรากฏขึ้นมาจากอากาศบางเบา
คนผู้นี้มีผมสีขาวดุจหิมะ รูปลักษณ์อ่อนโยน ดวงตาลึกล้ำและไร้ขอบเขตราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ทั้งยังเปล่งรัศมีอันเก่าแก่และสงบออกมา
“เหตุใดต้องรีบเร่งด้วยเล่า? เจ้ามาเพื่อหาที่ตายหรือ?” ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ชายชราหลังค่อมและผอมแห้ง ซึ่งมีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่นแห่งกาลเวลา ก็ปรากฏขึ้นที่อีกฟากหนึ่งของท้องฟ้า ทันทีที่เขาปรากฏตัว ดวงตาที่ขุ่นมัวก็มองไปทางชายผมขาวที่ปรากฏตัวเมื่อครู่นี้
ชายผู้มีผมสีขาวเพียงยกยิ้มและไม่กล่าวอะไร
“ดูเหมือนทุกคนจะอยู่ที่นี่แล้ว” เสียงที่มีเสน่ห์และน่าฟังดังขึ้นอีกฟากหนึ่งของท้องฟ้า มีนกกระเรียนหิมะงดงามเลิศแบกสตรีผู้หนึ่งในชุดเรียบง่าย กระพือปีกเข้ามา
ในเวลาเดียวกัน ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตก็ปรากฏตัวที่อีกฟากหนึ่งอย่างไร้เสียง เขามีท่าทางที่สำรวม หนักแน่น และสง่างามอย่างไร้ขอบเขต
ในชั่วพริบตา มีร่างสี่ร่างปรากฏขึ้นสี่ทิศบนท้องฟ้า!
กลิ่นอายของแต่ละร่างดูไม่ทรงพลังมากนัก ทว่าเมื่อพวกเขาปรากฏตัว ผู้บ่มเพาะทุกคนที่อยู่ที่ล้วนอดไม่ได้จะตกตะลึง ม่านตาขยายออก ไม่กล้าเชื่อสายตาของตนเอง
แม้แต่หัวใจของเหล่าจักรพรรดิก็ยังสั่นไหวพร้อมกัน ในขณะที่ความตกตะลึงปรากฏบนใบหน้า พวกเขาสงวนท่าทีและให้ความเคารพแก่ร่างทั้งสี่นี้
บรรยากาศเงียบงันราวกับความตาย มีเพียงร่างทั้งสี่ที่ยืนตรงอยู่กลางอากาศเหมือนดั่งเจ้าเหนือหัวสูงสุดที่ประทับอยู่ในทิศทั้งสี่
“ฮ่า ๆ ๆ! ต้องขออภัยที่ข้าไม่ได้ออกไปต้อนรับสหายเก่าด้วยตัวเอง”
ในขณะนี้ เสียงสูงวัยและกล้าหาญดังก้องอยู่ในท้องฟ้าเหนือโถงบรรจบ พร้อมกับเสียงนั้น ชายชราสวมชุดสีเทามีผมหงอกเป็นหย่อม ๆ ก็ปรากฏตัวออกมาจากอากาศ
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...