เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1889

บทที่ 1889 พู่กันบัญชาเต๋า

………………..

บทที่ 1889 พู่กันบัญชาเต๋า

ความพ่ายแพ้ของคงโหยวหรานส่งผลให้นางหมดสิทธิ์เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของการถกวิถีเต๋า และนั่นก็หมายความว่านางสูญเสียโอกาสในการช่วงชิงความเป็นหนึ่ง

ด้วยเหตุนี้มหาเทพเต๋าซูถัวแห่งนิกายอำนาจเทวะจึงถอนหายใจอย่างอดไม่ได้

ในขณะเดียวกัน ดูเหมือนมหาเทพเต๋าเสวี่ยหลิงจะยังคงนิ่งเฉยคล้ายไม่แยแสต่อเรื่องที่เกิดขึ้น นางเพียงแต่พูดเบา ๆ “แม้ว่าโหยวหรานจะแพ้พ่าย แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเหลิ่งซิงหุนจะสามารถคว้าที่หนึ่งไปครอง”

นางหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “กลับกัน ข้าเชื่อว่าหากไข่มุกเต๋าครอบจักรวาลตกไปอยู่ในมือของเฉินซี ก็นับว่ามีคุณอนันต์แล้ว” คำพูดของนางแฝงนัยลึกซึ้ง

สายตาของมหาเทพเต๋าซูถัวหรี่ลง จากนั้นเขาก็หัวเราะเบา ๆ และไม่ได้พูดสิ่งใดอีก

ทว่าอู๋เซวี่ยฉานเป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นมาแทน เขาส่งยิ้มให้มหาเทพเต๋าเสวี่ยหลิงก่อนจะเอื้อนเอ่ย “ศิษย์น้องเล็กของข้าคงจะยินดียิ่งหากเขารู้ว่าสหายเต๋ามหาเทพเต๋าเสวี่ยหลิงให้ความสำคัญแก่เขาเช่นนี้”

เสวี่ยหลิงยิ้ม “ข้าก็เพียงพูดความจริงเท่านั้น”

“เช่นนั้น ข้าเองก็ขอพูดไปตามที่เห็นบ้าง ข้าเกรงว่า เฉินซีจะคว้าชัยชนะไปครองได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าตงหวงอิ่นเซวียนแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะยอมให้เขาทำเช่นนั้นหรือไม่” มหาเทพเต๋าเซวียนหมิงโพล่งขึ้นด้วยเสียงเรียบเฉยหากสง่างาม ไร้ซึ่งอารมณ์ทั้งปวง

รอยยิ้มของอู่เซวี่ยฉานเลือนหายไปก่อนที่วาจาสั้น ๆ จะพ่นออกจากริมฝีปากของเขาเบา ๆ “เช่นนั้นก็มารอดูกัน”

ทันใดนั้น เสียงของไฮว่คงจื่อก็ดังก้องจากด้านนอกห้องโถง “การต่อสู้คู่ที่สอง เฉินซีปะทะตงหวงอิ่นเซวียน!”

“เฉินซี รักษาตัวด้วย อย่าลืมว่าข้าได้มอบสมบัติวิญญาณธรรมชาติสองชิ้นให้เจ้าแล้ว” สืออวี๋กล่าว

เฉินซียิ้มอย่างอดไม่ได้ เขาพยักหน้าก่อนจะตรงไปที่สมรภูมิจารึกเต๋าโบราณ

ในขณะเดียวกันนั้นเอง ตงหวงอิ่นเซวียนก็ออกเดินทางเช่นกัน ทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเล เผยให้เห็นซึ่งความมั่นใจที่กล้าแกร่งยิ่ง

ยามนี้สายตาของผู้เยี่ยมยุทธทั้งหลาย ทั้งในเมืองทศทิศและโถงบรรจบนั้นพุ่งไปที่เฉินซีและตงหวงอิ่นเซวียนเป็นตาเดียว พวกมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นลุ้นระทึก

“พวกเจ้าคิดว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ?”

“ก็ต้องเป็นตงหวงอิ่นเซวียนอยู่แล้วสิ!”

ผู้คนบางส่วนเริ่มถกเถียงในขณะที่ส่วนใหญ่ยังคงนิ่งเงียบ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถชี้ได้อย่างแน่ชัดว่าใครกันแน่ที่แข็งแกร่งกว่า

“เหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็จะไปถึงการต่อสู้ครั้งสุดท้าย!” ดวงตางดงามของเชินถูเยียนหรานเปล่งประกายขณะที่กำลังรอคอยช่วงเวลานั้นในใจ แน่นอน นางย่อมหวังว่าเฉินซีจะเป็นผู้ชนะ ทั้งยังหวังว่าเขาจะได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายและคว้าที่หนึ่งในการถกวิถีเต๋าครั้งนี้ไปครอง!

“เจ้าต้องชนะแน่!” ตอนนี้เอง เล่ออู๋เหิน อวี๋ชิวจิง จวนอวี๋สุ่ย และคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น

“อาจารย์อาจะชนะไม่ผิดแน่!” ถูเมิ่งและกู่เยี่ยนเองก็พึมพำกับตัวเอง

ณ สมรภูมิจารึกเต๋าโบราณ

เฉินซีและตงหวงอิ่นเซวียนยืนเผชิญหน้ากันจากระยะไกล

บัดนี้ สีหน้าของทั้งคู่เรียบเฉยสงบนิ่ง อย่างไรก็ดี ยิ่งพวกเขาแสดงสีหน้าเช่นนี้เท่าไร คนอื่น ๆ ก็ยิ่งสัมผัสได้ว่าเพื่อให้ได้ชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาทั้งสองฝ่ายจะไม่ยอมรามือโดยง่ายอย่างแน่นอน!

นี่คือการต่อสู้ที่สำคัญอย่างยิ่ง คือจุดตัดสินว่าใครจะได้ไปต่อในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายและช่วงชิงที่หนึ่งมาครอง

ดังนั้นไม่ว่าจะเฉินซีหรือตงหวงอิ่นเซวียน พวกเขาไม่อาจประมาทได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว

“เฉินซี เราพบกันอีกแล้ว คิดให้ดีโลกนี้ประหลาดนัก การต่อสู้ในพิภพกุมภเต๋าวันนั้นจบไม่สวยเท่าไร ทว่าตอนนี้เจ้ากลับมายืนอยู่ตรงหน้าข้าอีกครั้ง แน่นอนว่าคราวนี้คงไม่มีอะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีก” ตงหวงอิ่นเซวียนกล่าว ผมยาวสลวยมัดเป็นหางม้า เปิดเผยใบหน้าพริ้มเพราอย่างชัดแจ้ง ท่าทางสงบนิ่ง ไร้กังวล แตกต่างจากศิษย์คนอื่น ๆ ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ที่มักจะมีท่าทางแข็งกระด้างและเข้มงวดอย่างสิ้นเชิง

“แน่นอน ย่อมเป็นการดีที่สุดหากปราศจากสิ่งที่ไม่คาดฝัน” เฉินซีพูดน้ำเสียงกระชับ เฉยเมย ด้วยไม่มีอารมณ์จะเสียเวลาต่อวาจากับอีกฝ่าย

“หึ เช่นนั้น ก็ให้ข้าลองลิ้มรสเต๋าจากกระบี่คู่ของเจ้าดูหน่อยเป็นไร!” ท่ามกลางเสียงหัวเราะอันนุ่มลึก ร่างของตงหวงอิ่นเซวียนเปล่งประกายซึ่งแสงสีทองจรัส เช่นเดียวกับเส้นผมที่อาบไล้ด้วยแสงอย่างเดียวกัน เมื่อมองจากระยะไกล เขาดูเหมือนกับเทพแห่งสงครามผู้มีกายเป็นทองคำ เรื่อเรืองและยิ่งใหญ่เป็นล้นพ้น

หงึ่ง!

คัมภีร์ไท่เซวียนทรงสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยรัศมีลึกลับลอยขึ้นไปบนอากาศ มันปลดปล่อยท่วงทำนองแห่งเต๋าให้ลอยล่องบรรเลง พร้อมกับอักขระเต๋าอันคลุมเครือแปลกตาที่ถูกปล่อยออกมาจากภายใน

ทันใดนั้น รัศมีสง่างามของตงหวงอิ่นเซวียนก็ยิ่งทวีประกายเหนือขีดจำกัด พลังศักดิ์สิทธิ์เพื่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เฉินซีหงายฝ่ามือ ฉับพลัน กระบี่เปลื้องมลทินและยันต์ศัสตราก็ปรากฏขึ้นพร้อมกัน ของอย่างหนึ่งมีสีเขียวเข้ม เปี่ยมไปด้วยรัศมีศักดิ์สิทธิ์อันไม่ธรรมดา ในขณะที่อีกหนึ่งเต็มไปด้วยปราณโกลาหลเด่นชัด ทั้งโบราณและแฝงนัยลึกลับ

ทันทีที่พวกมันปรากฏตัว รัศมีที่เหี้ยมเกรียมและดุดันเกินต้านทานก็สำแดงออกมาจากร่างกายของเฉินซี

ตู้ม!

พวกเขายังไม่ทันจะเริ่มลงมือ หากพลังที่ทั้งคู่สำแดงออกมานั้นยิ่งใหญ่เสียจนพวกมันเข้าปะทะกันในทันที ส่งผลให้เสียงก้องกัมปนาทดังกังวานไปทั่วหัวระแหง แม้แต่ห้วงมิติก็ตกอยู่ในความวุ่นวายก่อนจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ

ไม่ต้องสงสัยเลย หากคนธรรมดาถูกลากเข้าไปในสถานการณ์ ก็ไม่แน่ว่าจะมีซากร่างหลงเหลือหลังคลี่คลาย!

“ยุคบรรพกาลรุ่งโรจน์ แก่นแท้สสารแห่งเต๋าลางเลือน นักพรตเต๋านำสันติสุขมาสู่โลกผ่านจารึก ขยี้โลกา!” ตงหวงอิ่นเซวียนทอดเสียงคำรามยามกะพริบพร่างเหนือฟ้าเบื้องบน จากนั้น หน้ากระดาษที่เต็มไปด้วยตัวอักษรจากคัมภีร์ไท่เซวียนก็ปรากฏขึ้น ทุกถ้อยคำบนนั้นเสมือนดั่งตะวันจันทรา เปล่งประกายเจิดจ้าไร้ขอบเขต

แน่นอน ผู้บ่มเพาะเคล็ดกระบี่ยอมเชี่ยวชาญในการโจมตีอย่างว่องไว

เฉินซีซึ่งบรรลุถึงระดับที่สามของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ได้บ่มเพาะความสามารถเช่นนั้นจนถึงขีดจำกัดแล้ว ชายหนุ่มสามารถโจมตีแบบเผชิญหน้าและหลบเลี่ยงได้เสมอเมื่อถึงคราวจำเป็น

ในทางกลับกัน ตงหวงอิ่นเซวียนยังคงรักษาแนวการต่อสู้เดิมเอาไว้ สำแดงพลังศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังออกมาพร้อมกับใช้ คัมภีร์ไท่เซวียนในเวลาเดียวกัน การโจมตียังคงแม่นยำและกล้าแกร่งไม่เปลี่ยน

เฉินซีเป็นเหมือนแสงกะพริบพร่างแพรวพราว รวดเร็วเสียจนตงหวงอิ่นเซวียนไม่อาจโจมตีได้ตรงเป้าหมาย ทว่าในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้การโจมตีของเฉินซีไม่อาจเกิดผลสำเร็จ

มันดูเหมือนการต่อสู้ที่ธรรมดา แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันหาได้ด้อยกว่าการต่อสู้ระหว่างเหลิ่งซิงหุนและคงโหยวหรานแม้แต่น้อย ความเข้มข้นอันแสนดุเดือดค่อย ๆ ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มต้น ทั้งคู่ได้ทุ่มความแข็งแกร่งของตนอย่างเต็มกำลัง พลังที่เปิดเผยอาจเรียกได้ว่าสั่นสะท้านไปทั้งแผ่นดิน

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ในโลกภายนอกต่างตื่นตาตื่นใจและตกตะลึงอย่างมาก บางครั้งพวกเขาก็แทบจะลืมหายใจ

ข้าไม่คิดมาก่อนว่าคัมภีร์ไท่เซวียนจะพิเศษถึงเพียงนี้ อาจต้องใช้เวลาสักระยะในการเจาะทะลุแนวป้องกันของเขา… เฉินซีมองหาโอกาสทะลวงแนวป้องกันของอีกฝ่ายตลอดการต่อสู้ กระนั้นก็ไม่อาจหามันได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แน่นอน นั่นเป็นเพราะความแข็งแกร่งของคัมภีร์ไท่เซวียนเย้ยฟ้าเย้ยสวรรค์นัก อักขระเต๋าของมันเป็นเหมือนผลงานจากธรรมชาติที่เปี่ยมไปด้วยความลึกซึ้งนานา ยากเกินกว่าจะทำลายลงโดยง่าย

ถึงอย่างนั้น เฉินซีก็หาได้รีบร้อน แม้ว่าคัมภีร์ไท่เซวียนจะน่าเกรงขาม แต่เขาก็มั่นใจในยันต์ศัสตราที่บัดนี้นับว่าเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติอย่างยิ่ง!

อีกด้านหนึ่ง ตงหวงอิ่นเซวียนตะลึง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเฉินซีครานี้จะน่ากลัวยิ่งกว่าที่สำแดงไว้ก่อนหน้านี้ กระบี่คู่ของเฉินซีไม่เพียงแต่มีพลังยากหยั่งอันน่าเกรงขามเท่านั้น หากทักษะการเคลื่อนไหวยังรวดเร็วและลึกลับยิ่ง

“สหายเต๋าผู้นี้ปราดเปรียว เต๋าแห่งกระบี่ก็ชวนให้ตื่นตานัก ข้าไม่อาจสร้างบาดแผลใดให้แก่เขาได้เลยต่อให้ข้าจะใช้พลังจากหน้าที่ห้าของคัมภีร์ไท่เซวียนแล้วก็ตาม หากข้ายังดึงดันใช้กำลังของตนจนหมดแรงเช่นนี้ เห็นทีคงจะเป็นการเปิดเผยไพ่ตายทั้งหมดให้แก่เหลิ่งซิงหุนแน่”

“และเพราะแบบนั้น ต่อให้ข้าจะเอาชนะเฉินซีได้ ทว่าเหลิ่งซิงหุนก็จะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งต่อไปอย่างแน่นอน…”

“ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้อย่างอื่น!”

โครม!

ทันใดนั้น ร่างที่ซ่อนอำพรางก็หยุดเคลื่อนไหวลง แสงสีทองระเบิดออกมาจากกาย แต่งแต้มให้เขาเป็นเหมือนเทพอสูรที่สถิตยังแผ่นดิน

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง พู่กันหยกผิวเรียบซึ่งยาวห้าชุ่นก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ ปลายของพู่กันคมกริบราวใบมีด เต็มไปด้วยแสงเจิดจ้าของปราณโกลาหล

“พู่กันบัญชาเต๋าอย่างนั้นหรือ?” ภายในโถงบรรจบ คิ้วของอู๋เซวี่ยฉานขมวดเข้าหากัน

ยามนี้ ไม่ใช่แค่อู๋เซวี่ยชานเท่านั้นที่จำสมบัตินี้ได้ หากคนอื่น ๆ อีกมากมายก็จำได้เช่นกัน มันคือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่าที่สุดของสำนักศักดิ์สิทธิ์ พู่กันบัญชาเต๋า!

เมื่อพู่กันนี้ถูกใช้เพียงลำพัง ความแข็งแกร่งของมันอาจไม่นับว่าวิเศษนัก ทว่าเมื่อมันถูกใช้ควบคู่ไปกับคัมภีร์ไท่เซวียนความแข็งแกร่งของมันจะกลายเป็นทวีคูณ!

[1] กลุ่มดาวเป๋ยโต่ว เป็นกลุ่มของดาวฤกษ์สว่าง 7 ดวงที่ก่อตัวเป็นส่วนเอวไปจนถึงส่วนหางของกลุ่มดาวหมีใหญ่

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]