เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1890

บทที่ 1890 เดชยันต์ศัสตรา

………………..

บทที่ 1890 เดชยันต์ศัสตรา

กล่าวคือ พู่กันบัญชาเต๋าและคัมภีร์ไท่เซวียนเป็นสองสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันประสานส่งเสริมกัน!

ขณะเดียวกัน ตัวตนยิ่งใหญ่อย่างอู๋เซวี่ยฉาน เสวี่ยหลิง ซูถัว ไฉ่หยา และคนอื่น ๆ ต่างตระหนักดีว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์คู่นี้หาธรรมดาไม่ พวกมันเป็นสมบัติล้ำค่าของประมุขสำนักศักดิ์สิทธิ์ซึ่งพกติดตัวยามประชันศึกทั่วโลกหล้าเมื่อกาลก่อน มีอำนาจเกินหยั่งถึง

นอกจากนั้น สมบัติศักดิ์สิทธิ์คู่นี้ยังมีตำนานเกินนับถ้วน

เพราะเหตุนี้เอง ผู้บ่มเพาะในโลกภายนอกจึงตกใจยิ่งเมื่อเห็นว่าพู่กันบัญชาเต๋าอยู่ในมือตงหวงอิ่นเซวียน

ไร้ผู้ใดคาดคิดว่าประมุขสำนักศักดิ์สิทธิ์จะฝากฝังสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ไว้กับตงหวงอิ่นเซวียน!

เพราะถึงอย่างไร ไม่ว่าตงหวงอิ่นเซวียนจะโดดเด่นเกินธรรมดาเช่นไร เขาก็ยังต่ำสถานะเมื่อเทียบกับตัวตนยิ่งใหญ่ในขอบเขตจักรวรรดิของสำนักศักดิ์สิทธิ์

แต่เขากลับได้สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ไป แสดงให้เห็นชัดเจนว่าประมุขสำนักศักดิ์สิทธิ์ตั้งความหวังกับตงหวงอิ่นเซวียนในการถกวิถีเต๋าสูงยิ่ง

ขวับ! ขวับ!

ตงหวงอิ่นเซวียนใช้หนึ่งมือถือคัมภีร์ไท่เซวียน อีกข้างถือพู่กันบัญชาเต๋า วาดเส้นกลางอากาศราวกำลังประพันธ์บรรยายมหาเต๋า

เพียงพริบตา อักษร ‘禁’ (ต้องห้าม) อันเรืองรัศมีดำทมิฬก็ปรากฏกลางเวหา เรืองปราณยิ่งใหญ่ ซับซ้อน เย็นเยียบ และเงียบกริบดุจคิดผนึกโลกา!

ขณะนี้ ทั้งการไหลเวียนอากาศ แดนดิน แสงสว่าง เม็ดฝุ่น… สรรพสิ่งในสมรภูมิจารึกเต๋าโบราณต่างสงัดงันเช่นถูกล่ามตรวนจองจำ

เหล่าผู้บ่มเพาะในโลกภายนอกอดสูดหายใจเฮือกกันไม่ได้ อักษรเพียงหนึ่ง แต่กลับดูประหนึ่งตราประทับมหาเต๋า เรืองฤทธิ์ไร้ขอบเขตเกินจินตนาการ

“เขาแบกรับชะตาของสำนักศักดิ์สิทธิ์ เขียนอักษรด้วยเคล็ดสูงสุด! ปรากฏว่าเจ้าเด็กนี่ได้รับมรดกสูงสุดของสำนักศักดิ์สิทธิ์!” คิ้วของอู๋เซวี่ยฉานเลิกขึ้น เด้งตัวนั่งตรง ดวงตาเรืองประกายเย็นเยียบ เขาตระหนักดีว่านี่หมายความเช่นไร หากไร้เหตุการณ์เกินคาดฝัน ภายหน้ายามบรรลุสำเร็จ ตงหวงอิ่นเซวียนจะได้สืบตำแหน่งประมุขสำนักศักดิ์สิทธิ์!

วิ้ง!

ขณะเดียวกับที่ตงหวงอิ่นเซวียนใช้งานอักขระ ‘禁’ ยันต์ศัสตราในมือเฉินซีพลันส่งคลื่นพลังสายหนึ่งกระเพื่อมออกไปทั่วทิศ

ยันต์เทวะนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานดุจห่าฝนกระหน่ำ ขยับฟ้าเคลื่อนแดนดิน ทั้งการโคจรดารา กาลเวลาเคลื่อนเปลี่ยน ยุคสมัยผกผัน สารพัดปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ห้อมล้อมยันต์ศัสตราราวเผยการเปลี่ยนแปลงไม่จบสิ้นแห่งจักรวาล

ยันต์ศัสตรา ความลึกล้ำแห่งการวิวัฒน์!

ทันทีที่เหตุนี้ปรากฏ แม้จะอยู่ในโลกภายนอก แต่คนทั้งหลายก็ยังรู้สึกตะลึงอย่างเกินพรรณนา ดุจได้ประจักษ์การเปลี่ยนแปลงแห่งมหาเต๋า เผยสัจธรรมและความลึกล้ำไร้ขอบเขต

กระทั่งตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายยังเผยสีหน้าประหลาดใจกันออกมา หัวใจตกตะลึง นี่มันสมบัติศักดิ์สิทธิ์อะไร? แข็งแกร่งเพียงนี้เลยหรือ? เหตุใดข้าจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?

นี่คือฤทธิ์เดชยันต์ศัสตราหลังพัฒนาไปเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติ!

ยันต์ศัสตราเป็นสมบัติอันสร้างจากยันต์เทวะ ไม่เหมือนสมบัติศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ ในหล้า มันมีศักยภาพและสามารถพัฒนากำลังได้ไม่จบสิ้น

ภายหลัง เฉินซีใช้รากฐานวิญญาณธรรมชาติเสริมด้วยเคล็ดวิชาเพื่อเปลี่ยนยันต์ศัสตราเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติ ดังนั้นเมื่อเทียบกับกาลก่อน มันจึงมีสองความสามารถหายากอันสะท้านสะเทือน คือวิวัฒน์และกลืนกิน!

มันก่อเคล็ดสัจธรรมแห่งจักรวาล กลืนกินพลังชีวิตแห่งสรรพสิ่ง มิเพียงความสามารถโจมตีเลิศล้ำ ยังสามารถเขมือบสมบัติชิ้นอื่นมาเสริมฤทธิ์ตน!

ในหมู่สมบัติวิญญาณธรรมชาติทั่วโลกหล้า แทบไร้ชิ้นใดมีอำนาจเช่นนี้ นี่คือด้านที่แข็งแกร่งลึกล้ำสูงสุดของยันต์ศัสตรานับแต่เปลี่ยนไปเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติ

ขณะนี้ กระทั่งอู๋เซวี่ยฉานยังอดอุทานอย่างชื่นชมในใจยามเห็นเช่นนี้ไม่ได้ ศิษย์น้องเล็ก… พัฒนายันต์ศัสตราไปเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติ! นี่เป็นสิ่งที่คนในสำนักไม่เคยทำมาก่อน!

นั่นมันสมบัติอะไรกัน? สายตาของมหาเทพเต๋าคนอื่น ๆ หรี่ลงอย่างเจือความประหลาดใจ พวกเขาย่อมตระหนักดีว่านั่นคือยันต์ศัสตราของเขาเทพพยากรณ์ แต่ก็ทราบเช่นกันว่ายันต์ศัสตราในมือเฉินซีควรถูกเรียกเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติ!

แต่สมบัติวิญญาณธรรมชาติเป็นสมบัติอันก่อเกิดจากความโกลาหล ไม่มีทางสร้างได้ด้วยมือคน มันเกิดอะไรขึ้น?

รากฐานวิญญาณธรรมชาติ!

เพียงพริบตา มหาเทพเต๋าทั้งหลายก็คิดเป็นเสียงเดียว และอารมณ์อันหลากหลายก็บังเกิดในใจพวกเขา

“อักขระเต๋าแพร่ถึงที่ใด สรรพสิ่งล้วนถูกจองจำทำลาย!” ใช้เวลาบรรยายเสียเนิ่นนาน ทว่าทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา ขณะนี้ตงหวงอิ่นเซวียนแผดเสียงสนั่น ใช้งานอักขระ ‘禁’ ขยี้ลงใส่เฉินซี

วิ้ง!

แสงศักดิ์สิทธิ์สีดำสายหนึ่งพุ่งออกไปเช่นเกลียวคลื่น จองจำมิติไปตลอดทาง ขณะที่แสงสว่าง สายลม กระทั่งประกายแสงยังนิ่งค้างกับที่

ความเงียบกริบจนน่าขนลุกแผ่ไปทั่วสมรภูมิอย่างรวดเร็ว กวาดเข้าใส่เฉินซีด้วยความเร็วเกินใดเปรียบ

นี่คือไพ่ตายของแ เขาใช้มันออกมาในยามนี้เพื่อก้าวข้ามสถานการณ์อันกินกันไม่ลงและเพื่อผนึกเฉินซีในรวดเดียว ไม่คิดต่อสู้พัวพันต่อไป

วูบ!

ขณะเดียวกัน ยันต์ศัสตราก็วูบไหวผ่านนภา ก่ออักขระยันต์รูปร่างคล้ายกระบี่มากมายเนืองแน่นรายรอบ ทำให้เจตจำนงกระบี่บนยันต์ศัสตรายิ่งคมกริบเรืองฤทธิ์ เมื่อมองจากไกล ๆ ก็ชวนให้พรั่นพรึงราวถูกแทงทะลวง

นี่คือความลึกล้ำแห่งการวิวัฒน์ของยันต์ศัสตรา

มันสามารถเปลี่ยนอำนาจของยันต์ศัสตราเป็นสารพัดปราณตามจำนงเฉินซี

เช่นยามนี้ เมื่อตงหวงอิ่นเซวียนใช้อักขระเต๋า ‘禁’ ด้วยเจตนาผนึกและกำจัดเฉินซี ซึ่งเฉินซีก็ตอบโต้อย่างง่าย ๆ ด้วยการคิดทำลายข้อจำกัดนี้!

อักขระยันต์อันก่อจากยันต์ศัสตราเผยอำนาจทำลายล้างแข็งแกร่งเกินเทียบ เสริมด้วยการบ่มเพาะขั้นสามขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ของเฉินซี ผนวกการโจมตีอันดุดันรวดเร็วที่สุดของเคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัยอย่างเชือดเฉือนกาสร จึงแผลงฤทธิ์โจมตีรุนแรงถึงขีดสุดอย่างดูสุดเป็นธรรมชาติ

เปรี้ยง!

ยามกระบี่นี้ฟาดฟัน คลื่นปราณจองจำสีดำสนิทก็พลันสั่นสะท้าน ก่อนจะนิ่งค้างไปทันใด

“ขยี้!”

“สะบั้น!”

ขณะตวาดเสียงดัง อักขระเต๋าหนึ่งตัวก็พุ่งเข้าหาเฉินซี แต่ละตัวล้วนมีอำนาจยิ่งใหญ่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

เมื่อมองจากไกล ๆ อักขระเต๋าเหล่านี้ก็เหมือนเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานมากมายที่พุ่งทะยานไม่หยุดยั้ง เผยฤทธิ์เดชยิ่งใหญ่

เห็นได้ชัดว่าขณะนี้ตงหวงอิ่นเซวียนเดือดจัด จิตสังหารระเบิดออกมาเต็มที่ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเกินคาดหยั่ง ดูตั้งใจจะสยบเฉินซีในคราวเดียว

“ลีลามากน้อยก็ไร้ผล” มุมปากเฉินซียกยิ้มเย็นเยียบ เผยฤทธาแข็งแกร่งเหนือใด เขาเองก็หยุดออมมือเช่นกัน แล้วก้าวข้ามสุญญะเข้าขัดการโจมตีของตงหวงอิ่นเซวียน

เปรี้ยง!

อักขระเต๋า ‘สยบ’ ถูกสับเป็นเสี่ยง

เปรี้ยง!

อักขระเต๋า ‘สู้’ ถูกสับเป็นเสี่ยง

เปรี้ยง!

อักขระเต๋า ‘ทัพ’ ถูกสับเป็นเสี่ยง

ภายใต้สายตาตื่นตะลึงทุกคู่ เฉินซีดูประหนึ่งเทพกระบี่ไร้เทียมทานผู้บดขยี้สรรพสิ่งที่ขวางหน้าอย่างง่ายดาย ไม่ว่าตงหวงอิ่นเซวียนจะโจมตีเช่นไร เฉินซีก็บดขยี้ได้ ไม่อาจทำร้ายเขาได้เลย

ในทางกลับกัน เมื่อเขาโจมตีต่อ สีหน้าของตงหวงอิ่นเซวียนก็ยิ่งคล้ำดำ จ้องมองเฉินซีนิ่งงันเหมือนเพิ่งพบกันครั้งแรก

อำนาจต่อสู้ของเฉินซีในขณะนี้ไม่ได้แข็งแกร่งกว่ายามเผชิญหวังจงแม้แต่น้อย มันเหมือนเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ทำให้ตงหวงอิ่นเซวียนตั้งตัวไม่ทัน หัวใจอัดแน่นด้วยทั้งความตกตะลึงและโทสะ

ขณะนี้ ผู้ตกใจไม่ได้มีเพียงตงหวงอิ่นเซวียน ผู้บ่มเพาะทั้งหลายในโลกภายนอกก็จังงังพูดไม่ออกไปเช่นกันยามได้เห็น

นั่นคือตงหวงอิ่นเซวียน ตัวตนผู้เป็นหนึ่งในสี่คนสุดท้ายในการถกวิถีเต๋า แม้จะครอบครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานอย่างคัมภีร์ไท่เซวียนและพู่กันบัญชาเต๋า แต่เขาก็ยังไม่อาจทำอะไรกับการโจมตีของเฉินซีได้อีกหรือ!?

ใครเล่าจะคาดคิดว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น?

“เจ้านี่ซ่อนความแข็งแกร่งไว้มากเพียงใดกันแน่?” เหลิ่งซิงหุนพึมพำ คิ้วขมวดแน่นหากัน จู่ ๆ เขาก็สังเกตว่าตนยิ่งไม่อาจมองทะลุเฉินซีมากยิ่งขึ้นทุกขณะ

“ที่แท้เขาก็เก็บงำฝีมือไว้มากจริง ๆ….” หวังจงผู้ตกรอบจากการถกวิถีเต๋าเฝ้ามองศึกนี้อยู่ เมื่อประจักษ์การโจมตีอันดูไร้คู่เปรียบของเฉินซี หัวใจก็รู้สึกหนักอึ้งอย่างช่วยไม่ได้

ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าความพ่ายแพ้ของเขายุติธรรมแล้ว เพราะเฉินซีแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้มาก!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]