เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1891

บทที่ 1891 แปรโลหิตสู่เต๋า

………………..

บทที่ 1891 แปรโลหิตสู่เต๋า

“คาดไม่ถึง คาดไม่ถึงจริง ๆ” คงโหยวหรานอดทอดถอนใจไม่ได้ยามเห็นเช่นนี้ แม้นางจะรู้จักเฉินซีมาตั้งแต่ก่อนเริ่มการถกวิถีเต๋า แต่นางก็ไม่ได้สนใจเขาเลย

ใครเล่าจะคาดคิดว่าคนผู้นี้จะสร้างปาฏิหาริย์ครั้งแล้วครั้งเล่าจนมาถึงสี่คนสุดท้ายแล้ว?

ไม่เพียงคงโหยวหราน หัวใจของผู้บ่มเพาะทั้งหลายในโลกภายนอกก็ไม่อาจสงบได้เช่นกัน เพราะศิษย์เขาเทพพยากรณ์ซึ่งเพิ่งเรืองนามได้ไม่กี่สิบปีผู้นี้เกินจินตนาการของพวกเขาไปจริง ๆ

ศึกยังคงดำเนินต่อ

ขณะมองเฉินซีซึ่งรุกไล่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของตงหวงอิ่นเซวียนก็ดำคล้ำสุดขีด ไม่อาจรักษากิริยาได้อีกต่อไป

เขาทุ่มสุดกำลัง ใช้ทุกสิ่งที่เรียนมาชั่วชีวิตอย่างเต็มขีดจำกัด ทั่วร่างปกคลุมด้วยรัศมีทองเฉิดฉันหนาแน่น เจิดจรัสสุดขั้ว

ขณะเดียวกัน คัมภีร์ไท่เซวียนก็สั่นสะท้านไม่จบสิ้น พู่กันบัญชาเต๋าตวัดวาดไม่หยุดมือ ทำให้อักขระเต๋าหนาแน่น ลึกลับ และเก่าแก่ตัวแล้วตัวเล่าเผยลักษณ์

อักขระเต๋าทุกตัวล้วนมีอำนาจยิ่งใหญ่ร้ายกาจ หากเป้าหมายเป็นบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลธรรมดาสักคน ก็คงสังหารได้ไม่ยากเย็นเลย

ทว่ายามนี้ เมื่อเผชิญหน้าการโจมตีของเฉินซี อักขระเต๋าทั้งหลายก็ถูกฟาดฟันแหลกเป็นเสี่ยง ป่นเป็นผงสลายหาย ไม่อาจทำร้ายเฉินซีได้เลย

นอกจากนั้น ยามกาลเวลาขับเคลื่อน อำนาจต่อสู้ของเฉินซีก็ยิ่งทวีความดุเดือด เหมือนจะเผยอำนาจทลายโลกา กำจัดสรรพสิ่งขวางหน้า

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของตงหวงอิ่นเซวียนยิ่งย่ำแย่ หัวใจพลันบังเกิดความกระสับกระส่ายและโทสะอย่างช่วยไม่ได้

“ไอ้เวร! ข้าเป็นศิษย์เอกผนึกฤทธิ์ผู้ทรงศักดิ์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ ผู้โดดเด่นสูงสุดในหมู่ทายาทสายตรงจากตระกูลตงหวง ครอบครองกายาศึกเต๋านิลกาฬ มีหรือจะถูกเจ้าโค่นได้!” ตงหวงอิ่นเซวียนแผดเสียงสนั่น ดวงตาเหลือกถลนด้วยโทสะ เพลิงพิโรธแผดผลาญในใจ กัดฟันเค้นแรงสุดชีวิต ดูตั้งใจจะทุ่มทุกสิ่งที่มีสยบเฉินซี

เขาไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้ได้ และไม่มีทางยอมหยุดสู้จนถึงที่สุด!

เปรี้ยง!

เสียงครืนสนั่นดุจอัสนีฟาดกึกก้องทั่วฟ้าตลอดสมรภูมิจารึกเต๋าโบราณ ประหนึ่งคลื่นนทีกวาดทั่วทิศ รัศมีศักดิ์สิทธิ์สาดส่องเรืองรอง สุญตาปั่นป่วนรวนเร ทำให้สภาพทั่วแดนดินชวนตะลึงถึงขีดสุด

แต่ก็เพราะเหตุนี้ ทุกคนก็ยังเห็นร่างสูงของเฉินซีเยื้องย่างเดินหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน ดุจมีดดาบคมกริบทลายแนวป้องกันของตงหวงอิ่นเซวียนลง

ขณะนี้ ทุกผู้ทราบได้ว่าหากตงหวงอิ่นเซวียนไร้วิชาโจมตีอันร้ายกาจกว่านี้ เขาย่อมไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้

ขณะนี้ เขาเป็นดั่งแมลงติดใยแมงมุม อันตรายประชิดจวนเจียน!

“เหตุใดเจ้าหนูนั่น… ถึงร้ายกาจนัก?” ขณะนี้ ฉือซงจื่อไร้วาทะ แต่มหาเทพเต๋าเซวียนหมิงก็ยั้งตนเองไม่อยู่ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือความตกตะลึง

กระทั่งตัวตนโดดเด่นในขอบเขตมหาเทพเต๋ายังเป็นเช่นนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าอำนาจต่อสู้ของเฉินซีที่สำแดงขณะนี้ท้าทายสวรรค์เพียงไร

“อำนาจต่อสู้ของศิษย์เขาเทพพยากรณ์ของข้าไม่เลวอยู่แล้ว” อู๋เซวี่ยฉานฉีกยิ้ม

“ฮึ!” เซวียนหมิงนิ่งไป ก่อนจะแค่นเสียงเย็นเยียบ

“ก่อนหน้านี้ มิใช่ใครบางคนบอกอยู่หรือว่าการที่เฉินซีจะเข้าสู่รอบสุดท้ายได้นั้นยากนัก?” มหาเทพเต๋าเสวี่ยหลิงแห่งตำหนักเต๋าหนี่หวาดูไร้เจตนาปล่อยโอกาสเย้ยเยาะเซวียนหมิงนี้ไป นางกล่าวช้า ๆ “ในความคิดข้า เฉินซีไม่เพียงเข้ารอบสุดท้ายได้ ไข่มุกเต๋าครอบจักรวาลก็จะเป็นของเขาแน่นอนเช่นกัน”

แม้นางจะไม่พูดตรง ๆ ว่าเฉินซีจะได้เป็นที่หนึ่ง แต่ความนัยจากวาจาของนางก็ถูกสื่อชัดเจน

สิ่งนี้ทำให้เซวียนหมิงขมวดคิ้ว ใบหน้านิ่งขรึมฉาบด้วยสีหน้าเย็นเยียบ แต่สุดท้ายก็ไร้วาจา

“หึ ๆ สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหารจะดีกว่า สหายเต๋าเสวี่ยหลิง อย่าพูดสุ่มสี่สุ่มห้าเลย” ซูถัวแย้มยิ้ม พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบต่ำ

“ข้าพูดสุ่มสี่สุ่มห้าหรือไม่ การถกวิถีเต๋าจบยามใดก็ชัดเจนเอง” เสวี่ยหลิงยังคงดูสุขุมเฉยชา

“ข้าล่ะตั้งตารอเลย” ซูถัวเม้มริมฝีปากเหี่ยวแห้ง ดวงตาขุ่นมัวไม่อาจคาดเดาความรู้สึก

บนสมรภูมิจารึกเต๋าโบราณ

ตงหวงอิ่นเซวียนลนลานสุดขีดยามเห็นเฉินซีเข้ามาใกล้ เขาแผดเสียงสนั่นขณะใช้คัมภีร์ไท่เซวียนเต็มกำลัง ก่อสารพัดอักขระเต๋าผสานเป็นบทความ จากนั้นก็ใช้พู่กันบัญชาเต๋าเป็นสื่อฟาดกระแทกมันลงใส่เฉินซี

“ยังคิดดิ้นรนอีกหรือ?” เฉินซีชำเลืองขณะใช้กระบี่เปลื้องมลทินและยันต์ศัสตราโจมตีพร้อมเพรียง ส่งเสี้ยวปราณดาบสองสายแตกต่างกันออกมา

เปรี้ยง!

อักขระเต๋าถูกสะบั้นเป็นเสี่ยง แปรเปลี่ยนเป็นละอองแสงระเบิดแหลกไปทั่วทิศ

ขณะเดียวกัน ตงหวงอิ่นเซวียนก็รับผลข้างเคียง ร่างประหนึ่งถูกฟ้าผ่า กระเด็นปลิวไปร้อยจั้ง ขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาไร้คู่เปรียบบิดเบี้ยวเล็กน้อย

“เป็นไปไม่ได้!” ตงหวงอิ่นเซวียนอ้าปากพ่นแก่นโลหิตคำหนึ่งย้อมปลายพู่กันบัญชาเต๋าในมือ ทำให้มันเปลี่ยนสีเป็นแดงสดน่าสะพรึงกลัว

วูบ!

เขาวาดพู่กันบัญชาเต๋าซ้ำ ๆ กลางอากาศ ก่อเป็นอักขระเต๋าสีเลือดมากมาย ทุกตัวดูประหนึ่งอาบจมโลหิต เต็มไปด้วยฤทธิ์เดชอหังการ

“เจ้าเด็กนี่ทำลายรากฐานของตัวเองอย่างไม่ลังเล!” เซวียนหมิงขมวดคิ้ว

“ร้ายกาจนัก! แปรโลหิตสู่เต๋า เขาตั้งใจทำอะไรแน่?” ผู้บ่มเพาะมากมายในโลกภายนอกอุทาน

“การโจมตีนี้เพียงพอเป็นภัยต่อจักรพรรดิทั่วไปได้แล้ว….” หัวใจของจักรพรรดิมากมายสั่นสะท้านยามสังเกตเห็นว่าการโจมตีของตงหวงอิ่นเซวียนหนนี้ร้ายกาจเพียงไร มันมีอำนาจยิ่งใหญ่เกินกว่าที่บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลผู้หนึ่งพึงมี!

“คนนอกรีตปรากฏสู่หล้า มหาเต๋าพังทลาย สังเวยเพียงโลหิตข้า จึงพยุงโลกาไว้ได้!” ท่ามกลางเสียงตะโกนอันเดือดดาลสุดขีด ดวงตาของตงหวงอิ่นเซวียนแดงฉานราวคนบ้า ทะยานสู่เวหาขณะเหวี่ยงพู่กันบัญชาเต๋าอย่างดุร้าย

ไม่นานนัก ฝุ่นควันก็จางตัว

สมรภูมิหวนสู่สงบเงียบ แล้วทุกคนก็เห็นเฉินซียืนถือยันต์ศัสตราในมือ ร่างสูงใหญ่ยืนตรงดุจหอกอันไม่มีวันคดงอ

ขณะเดียวกัน ตงหวงอิ่นเซวียนนั่งอยู่บนพื้นไม่ห่างจากเฉินซีนัก เส้นผมยุ่งเหยิง สีหน้าซีดขาว มุมปากยังเปื้อนคราบเลือด

“ข้าแพ้ แพ้แล้ว ซ้ำยังแพ้ด้วยมือเจ้า….” ขณะนี้ตงหวงอิ่นเซวียนดูเหม่อลอย ดวงตาไร้ประกาย เสียงฟังดูเลื่อนลอยอย่างจนใจเกินก้าวข้าม

หลังจากนั้น เขาก็ถอนหายใจ หยัดกายลุกขึ้น จับจ้องเฉินซีอย่างเย็นชา “ข้าจะจดจำความอัปยศที่ได้ในวันนี้ไว้!”

กล่าวจบ ก็หันกายจาก

หากเป็นยามปกติ ยามได้ยินคำข่มขู่อันเปี่ยมความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ เขาจะฆ่าอีกฝ่ายอย่างไร้ลังเล

แต่ยามนี้ นี่คือการถกวิถีเต๋า เขาจึงทำได้เพียงจดจำไว้

ชายหนุ่มตระหนักดีว่าเหตุใดตงหวงอิ่นเซวียนจึงแค้นเขา มันมิใช่เพียงเพราะเขาทำลายการร่วมมือระหว่างตระกูลเชินถูและสำนักศักดิ์สิทธิ์ลง ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะเขาคือศิษย์จากเขาเทพพยากรณ์!

ถึงอย่างไร เรื่องที่รู้ทั่วกันก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาเทพพยากรณ์และสำนักศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ต่างจากนิกายอำนาจเทวะ เข้ากันไม่ได้ดุจน้ำกับไฟ

“เขาชนะแล้ว!”

“เฉินซีชนะอีกแล้ว!”

“เกินคาด! เกินคาดจริงๆ! ตัวตนไร้เทียมทานท้าทายสวรรค์อย่างตงหวงอิ่นเซวียนกลับไม่อาจเทียบชั้นศิษย์เขาเทพพยากรณ์ผู้เพิ่งเรืองอำนาจไม่กี่สิบปีอย่างเฉินซีผู้นี้ได้!”

“มีผู้ใดเห็นการโจมตีสุดท้ายชัด ๆ หรือไม่? กระบี่นั้นมีอำนาจเช่นไรแน่? เหตุใดมันจึงพิชิตตงหวงอิ่นเซวียนได้ในหนึ่งกระบวนท่า? มันจะไม่เกินคาดคิดไปหน่อยหรือ?”

“ข้าไม่รู้ บางทีอาจมีเพียงตัวตนในขอบเขตมหาราชเทวาที่พอรู้อะไรบ้าง เพราะถึงอย่างไร อำนาจเต๋าแห่งกระบี่เช่นนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราเข้าใจได้”

“เฉินซีผู้นี้เป็นยอดยุทธิ์ผู้โดดเด่นจนไม่อาจหยั่งบึ้งได้จริง ๆ ดูเหมือนนับแต่เขาเข้าร่วมการถกวิถีเต๋าจนบัดนี้ ก็ไม่เคยมีสิ่งใดเกินสามารถเขา น่าตกใจจริง ๆ”

เมื่อประจักษ์จุดจบของศึกนี้ ผู้บ่มเพาะทั้งหลายในโลกภายนอกก็ไม่อาจสงวนท่าทีรักษาความเยือกเย็นได้อีกต่อไป พวกเขาพูดคุยเอะอะด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความชื่นชม

ขณะนี้ เหล่าผู้มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเฉินซีอย่างถูเมิ่ง กู่เยี่ยน เชินถูเยียนหราน เล่ออู๋เหิน อวี๋ชิวจิง และคนอื่น ๆ ต่างทั้งตื่นเต้นและยินดีถึงที่สุด โห่ร้องตะโกนอย่างสุดกลั้น

จุดจบศึกนี้สื่อว่าเฉินซีกลายเป็นอีกหนึ่งคนที่ได้เข้าร่วมศึกสุดท้ายแล้ว!

นอกจากนั้น ในไม่ช้า ผู้คว้าชัยก็จะบังเกิดระหว่างเขาและเหลิ่งซิงหุน!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]