ที่ 1894 พลิกสถานการณ์
………………..
บทที่ 1894 พลิกสถานการณ์
ระเบิด เพียงแค่คำเดียวก็ทำให้เหลิ่งซิงหุนนึกถึงความทรงจำที่อยากลืมขึ้นมาได้
วันสุดท้ายภายในพิภพกุมภเต๋า พวกเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนติดตามไล่ล่าเฉินซีไปด้วยกัน
ทว่าเฉินซีระเบิดสมบัติวิญญาณธรรมชาติในตอนนั้น ทำเอาพวกเขาตั้งตัวไม่ทัน เพื่อนร่วมทางหลายคนถูกตัดสิทธิ์การแข่งขันไปในตอนนั้น
จากนั้น เหตุการณ์เดียวกันก็เกิดขึ้นนอกค่ายกลแปดปรมัตถ์ที่เฉินซีตั้งขึ้น จากพลังต่อสู้ที่กลุ่มพวกเขามี พวกเขาควรจะสามารถทำลายค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ได้ น่าเสียดายที่เฉินซีระเบิดสมบัติวิญญาณธรรมชาติอีกชิ้นไปในที่สุด ทำให้พวกเขาตั้งตัวไม่ทันอีกครั้ง
เหตุการณ์น่าเศร้าเหล่านี้ทำให้เหลิ่งซิงหุนเกลียดชังเฉินซีนัก นับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เขาอับอายขายหน้ายิ่ง
ตอนนี้เดิมทีเขาคิดว่าจะใช้ทุกโอกาสที่มีเพื่อชิงเอาเหรียญทองแดงโปรยสมบัติกลับมาให้ได้ แต่พอเฉินซีเอ่ยคำว่า ‘ระเบิด’ ขึ้นมาอีกครั้ง มันก็ทำให้ใจเขาสั่นทั้งยังสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฟึบ!
เหลิ่งซิงหุนจะกล้าลังเลได้หรือ? เขาไม่คิดจะชิงเอาเหรียญทองแดงโปรยสมบัติกลับมาอีก แต่กระโดดลงไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ
ทว่าพริบตาต่อมา สามเหรียญทองแดงก็ไม่ได้ระเบิดแต่อย่างไร!
กลับเป็นฝ่ายพลาดท่าให้เฉินซีที่กำลังคลี่ยิ้มอยู่
บัดซบ! ถูกหลอกอีกแล้ว!
เหลิ่งซิงหุนมีใบหน้าเคร่งขรึมทันใด นัยน์ตาสีแดงเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ใครจะคิดว่าเฉินซีจะเล่นไม้นี้ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเช่นนี้ บัดซบจริง!
…
เหตุการณ์เกินคาดนี้ทำให้ผู้ชมทั้งหลายอึ้งไป ไม่คิดเลยว่าแค่คำว่าระเบิดก็สามารถเรียกการตอบสนองรุนแรงจากเหลิ่งซิงหุนได้มากเช่นนี้
ทว่าพวกที่ตั้งใจดูการแข่งขันในช่วงวันสุดท้ายภายในพิภพกุมภเต๋าล้วนรู้เหตุผลดีว่าทำไมเหลิ่งซิงหุนถึงตอบสนองเช่นนี้
เพราะอย่างไรฝีมือระเบิดสมบัติวิญญาณธรรมชาติของเฉินซีก็น่าทึ่งมาก แรงระเบิดทำลายล้างอำนาจสูงส่งยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงเหลิ่งซิงหุนเลย ขนาดจักรพรรดิก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้าเลย
“หึ! เจ้าเล่ห์นัก! ใช้วิธีการไร้เกียรติ!” ซูถัวเอ่ยเสียงเย็น น้ำเสียงแหบแห้งเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“การใส่พลังเนตรทัณฑ์สวรรค์ในร่างศิษย์ยิ่งไร้เกียรติมากกว่า” อู๋เซวี่ยฉานเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าคิดว่าทุกท่านคงรู้ดีอยู่แล้วว่าหากเป็นปกติแล้ว คนขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลคงไม่สามารถทนพลังของเนตรทัณฑ์สวรรค์ได้”
ดวงตาขุ่นมัวของซูถัวพลันเรืองประกายอันตราย ตวัดสายตาเยือกเย็นไปทางอู๋เซวี่ยฉาน “คนอื่นทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าศิษย์นิกายอำนาจเทวะจะทำไม่ได้เช่นกัน อู๋เซวี่ยฉาน เจ้าตัดสินใจอะไรตามอำเภอใจมากเกินไปแล้ว!”
บรรยากาศภายในห้องโถงพลันเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น
ทว่าอู๋เซวี่ยฉานดูเหมือนไม่คิดอะไร เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า “นิกายอำนาจเทวะของเจ้ารู้ดีว่าข้าไม่ได้พูดโดยไม่คิด ซูถัว ข้าแนะนำว่าอย่าทำอะไรผลีผลามเลย ในเมื่อข้า อู๋เซวี่ยฉาน สังหารศิษย์น้องมั่วหลินได้ ข้าก็สังหารเจ้าได้เช่นกัน หากไม่เชื่อจะลองดูก็ได้”
น้ำเสียงเขาราบเรียบ แต่ก็คงความเย่อหยิ่งอย่างอธิบายไม่ได้อยู่
อย่างคำพูดไม่กี่คำก็ทำให้ใบหน้าชราของซูถัวเคร่งขรึม เป็นเหมือนสิงโตที่ถูกยั่วยุ ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายดุดันน่าเกรงขาม
ผลลัพธ์อันเกิดจากความโกรธแห่งมหาเทพเต๋านั้นเกินจะคาดเดาได้!
“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นข้าก็อยากจะลองดูเหมือนกันว่าเจ้า อู๋เซวี่ยฉาน จะทำได้อย่างที่พูดหรือไม่!” ซูถัวเค้นทำออกมาทีละคำ ไม่อ่านปิดบังจิตสังหารในใจได้อีกต่อไป
ตอนเดินทางออกจากนิกายอำนาจเทวะ เขาคิดเรื่องแก้แค้นให้ศิษย์น้องมั่วหลินมาโดยตลอด น่าเสียดายที่เจ้านิกายอำนาจเทวะห้ามเอาไว้ ทำให้ต้องอดทนอดกลั้นเมื่อพบกับศัตรูอย่างอู๋เซวี่ยฉานที่นี่
ทว่าคำพูดของอู๋เซวี่ยฉานเหมือนกับเปิดรอยแผลเก่าที่อยู่ส่วนลึกของจิตใจขึ้นมา ส่งผลให้ซูถัวไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป
ตอนนี้สายตาของมหาเทพเต๋าทั้งหลายพากันหรี่ลง ต่างเผยสีหน้าแตกต่างกันออกไป
“อย่าลืมเหตุผลของการถกวิถีเต๋าในครั้งนี้เสียเล่า อย่าได้พูดเรื่องความแค้นอะไรกันขึ้นมาอีก เว้นเสียแต่ว่าเจ้าไม่เคารพสำนักเต๋าของข้า” ทันใดนั้น น้ำเสียงภูมิฐานก็ดังก้องขึ้นภายในห้องโถง เหมือนเสียงระฆังดังกังวานที่พัดพาเอาจิตสังหารทั้งหลายภายในห้องโถงหายไป
เห็นได้ชัดว่าเจ้าสำนักเต๋าเป็นคนพูดเอง!
“ในเมื่อผู้อาวุโสเอ่ยขึ้นมาแล้ว ข้าย่อมทำตาม” อู๋เซวี่ยฉานยิ้มสบายอารมณ์
“หึ!” ซูถัวหน้าคว่ำ ได้แต่ส่งเสียงในลำคออย่างเยือกเย็นแล้วไม่พูดอะไรอีก
ไฉ่หยาถอนหายใจโล่งอก หากเกิดเรื่องเบาะแว้งขึ้นมาจริง เขาก็คงหยุดไว้ไม่ได้
โชคดีที่เป็นสำนักเต๋า ทั้งเจ้าสำนักเองก็ยังเก่งกาจไม่แพ้เจ้าเขาเทพพยากรณ์อย่างฝูซี และเจ้านิกายอำนาจเทวะเลย!
…
เรื่องเบาะแว้งเล็กน้อยนี้จบลงอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ส่งผลต่อสมรภูมิจารึกเต๋าโบราณแต่อย่างไร
ครืน!
เฉินซีกับเหลิ่งซิงหุนกำลังต่อสู้ดุเดือดเลือดพล่าน แรงปะทะของคนทั้งคู่ก่อให้เกิดภาพตระการตาคล้ายวันโลกาวิบัติมาถึง รอบกายเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเฉินซีหรือเหลิ่งซิงหุน ล้วนรู้ดีว่าคู่ต่อสู้ของตนเองมีฝีมือไม่ธรรมดาอย่างที่คิด
ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ายั้งมือ
จึงเป็นการต่อสู้ที่อันตราย น่าเกรงขาม น่าหวาดหวั่น และหวาดผวาเป็นอย่างยิ่ง!
นี่เป็นสถานการณ์ที่ผู้บ่มเพาะทั้งหลายสัมผัสได้ เป็นการต่อสู้ที่เหนือกว่าครั้งไหน ๆ
ถึงจะเป็นตงหวงอิ่นเซวียน คงโหยวหราน หวังจง กู่เยี่ยน และคนอื่น ๆ แต่ก็ยังรู้สึกชื่นชมทั้งเฉินซีกับเหลิ่งซิงหุนว่าแกร่งเหนือพวกเขามาก
ตอนนี้อาภรณ์ของเฉินซีชุ่มไปด้วยเลือด ใบหน้าหล่อเหลาดูซีดขาวอยู่เล็กน้อย ถูกบีบคั้นมาจนถึงขอบสนามต่อสู้แล้ว
หากไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น อีกไม่นานเฉินซีก็คงได้ถูกซัดกระเด็นออกจากสนามและพ่ายแพ้ไปเป็นแน่
“เฉินซี อย่างไรเจ้าก็จะแพ้แล้ว” เหลิ่งซิงหุนตะโกนเสียงดังพร้อมพลังที่พุ่งสูงขึ้น แสงสีดำกำจายออกจากกระบี่อสนีบาตสุญตาในมือ เป็นเหมือนเพลิงลุกโชนปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน ซัดลงเข้าใส่เฉินซี
พริบตานั้น คนทั้งหลายได้แต่เบิกตามองภาพ จิตใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เหวินถิง ถูเมิ่ง กู่เยี่ยน เชินถูเยียนหราน เล่ออู๋เหิน อวี๋ชิวจิง จวนอวี๋สุ่ย และคนอื่น ๆ เป็นห่วงเขามากจนตัวแข็งค้างไป
แสงกระบี่สีดำโอบล้อมลงมาดั่งเมฆามืด เข้าล้อมรอบกายเฉินซีไว้ แต่จังหวะนั้นเองก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
กลิ่นอายดุดันที่ไม่อาจอธิบายพลันกำจายออกจากร่างเฉินซี ให้ความรู้สึกเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ตอนนี้ชุดเขาชุ่มเลือด ใบหน้าซีดขาว อยู่ในสถานการณ์เลวร้ายจนถึงที่สุด แต่กลิ่นอายดุดันกลับยิ่งหนาแน่นขึ้น พุ่งสูงขึ้น และแข็งแกร่งขึ้น
อีกทั้งยังมีพลังสีม่วงทองที่แปรเปลี่ยนเป็นพิรุณแสงโปรยลงมาที่วนเวียนอยู่รอบกายอีก ทำให้เขาดูเหมือนมหาราชันย่างก้าวลงบนโลกา เหนือกว่าใครทั้งสิ้น!
“รากเต๋าวิภูจักรวรรดิ!” มีคนหนึ่งร้องขึ้น
ตู้ม!
ทว่ายังไม่ทันได้หายตื่นตกใจ เสียงปะทะก็ดังสนั่นขึ้น แสงเรืองสีดำพลันถูกบดขยี้จนสลายหายไปไม่เหลือร่องรอยไว้
ส่วนเหลิ่งซิงหุนที่ก่อนหน้านี้โจมตีอย่างเดียวกันกลับเหมือนถูกขุนเขาซัดเข้าใส่ ร่างถูกดีดกระเด็นไปไกลในพลัน กระอักเลือดออกมาจำนวนมาก
“รากเต๋าวิภูจักรวรรดิ? เจ้ามีรากเต๋าเช่นนั้นได้อย่างไร?” อาการบาดเจ็บที่ได้รับนั้นน้อยกว่าความตกใจที่เขามี ใบหน้าที่เดิมทีเยือกเย็นไร้อารมณ์ในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
รากเต๋าวิภูจักรวรรดิ!
ตอนนี้เฉินซีที่เหมือนจะตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังกลับตีโต้ไปในพลัน เป็นฝ่ายพลิกสถานการณ์ดีดเหลิ่งซิงหุนจนกระเด็นกลับไป ผู้ชมภายนอกทั้งหลายล้วนรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ชะงักค้างอยู่กับที่ไปเช่นนั้น
หากไม่นับการต่อสู้ในสองวันแรกแล้ว เหลิ่งซิงหุนก็เป็นฝ่ายที่ค่อย ๆ ชิงความได้เปรียบมาโดยตลอด เป็นฝ่ายกดดันเฉินซีในช่วงวันที่สามได้เพราะใช้เคล็ดมหาเต๋าไร้พรมแดน
ถึงขั้นที่พริบตาก่อนทุกคนยังรู้สึกว่าเฉินซีกำลังจะแพ้อยู่เลย
ใครจะคิดว่าเฉินซีจะสามารถพลิกสถานการณ์ในจังหวะชี้ผลได้เช่นนี้?
ถึงขั้นที่ดีดเหลิ่งซิงหุนกระเด็นไป ทั้งยังกระอักเลือดออกมาด้วย!
เป็นเรื่องเหลือเชื่อเหลือเกิน!
แต่หากเทียบกันแล้ว ผู้ชมทั้งหลายไม่อยากเชื่อมากกว่าว่าเฉินซีจะมีรากเต๋าวิภูจักรวรรดิอยู่ในครอบครองด้วย!
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...