บทที่ 1895 แสงเต๋าบรรพกาล
………………..
บทที่ 1895 แสงเต๋าบรรพกาล
รากเต๋าวิภูจักรพรรดิ!
ยอดแห่งรากเต๋าหนึ่งเดียวที่อยู่เหนือรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้า เมื่อใดที่ขัดเกลาและดูดซับรากเต๋าดังกล่าว คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นยอดคนไร้เทียมทานที่อยู่สูงกว่าผู้ใดในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล!
การดำรงอยู่นี้ถูกขนานนามว่าขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นวิภูจักรวรรดิ
ก่อนหน้านี้ ผู้คนทั้งหลายได้สัมผัสจากเย่เฉินว่ารากเต๋าวิภูจักรพรรดินั้นน่ากลัวเพียงใด กระนั้นก็ไม่มีใครคิดเลยว่าเฉินซีจะได้ขัดเกลาและดูดซับมันเช่นกัน!
หากสิ่งนี้เป็นจริง เหตุใดในโลกนี้จึงมีรากเต๋าวิภูจักรวรรดิอยู่ถึงสองอัน?
บรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์ในโลกภายนอกต่างตกตะลึง พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
มีเพียงเย่เฉินเท่านั้นที่รู้แก่ใจว่ารากเต๋าวิภูจักรวรรดิที่เขาได้ขัดเกลาและดูดซับนั้นเป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในยุคก่อน ในขณะที่เฉินซีนั้นได้ขัดเกลาและดูดซับรากเต๋าวิภูจักรวรรดิที่เกิดในยุคปัจจุบัน!
อย่างที่ข้าคาดไว้จริงๆ ตอนนั้นเอง เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ ครั้งเมื่อเขาแรกเห็นเฉินซี เขาก็รู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าอีกฝ่ายมีบางสิ่งที่พิเศษแฝงอยู่ภายในนั้น และมันก็คล้ายคลึงกับรัศมีในตัวของเขาอย่างยิ่ง
บัดนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะรากเต๋าวิภูจักรวรรดิที่เฉินซีครอบครอง!
…
ภายในโถงบรรจบ
ไฉ่หยาคล้ายจะคิดอะไรบางอย่างได้ “ดูเหมือนว่าเมื่อหลายปีก่อน เซวียน ปรมาจารย์แห่งยุคหมานกู่จะครอบครองรากเต๋าวิภูจักรวรรดิจริง ๆ ถึงอย่างนั้น ข้าก็ไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายเด็กคนนี้จะได้มันมา” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความงุนงง
“เด็กคนนี้ซ่อนเขี้ยวเล็บของตนได้เยี่ยมจริง ๆ!” ซูถัวพูดด้วยเสียงแหบห้าวแฝงนัยเหี้ยมเกรียม
อู๋เซวี่ยฉานคลี่ยิ้มแทนการตอบโต้ หากซุกซ่อนซึ่งการขบคิดมากมาย
…
บัดนี้ท่ามกลางสมรภูมิจารึกเต๋าโบราณ เฉินซีคลับคล้ายกับจักรพรรดิผู้เกรียงไกร ทั่วทั้งเรือนกายเต็มไปด้วยพลังมงคลสีม่วงเหลือบทอง ประกายของมันเสกสรรให้เขาสง่างามดุจดั่งยอดเทวาผู้ย่ำย่างบนพื้นดิน
ตู้ม!
ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ได้ยินเสียงกู่ร้องด้วยความตกใจของเหลิ่งซิงหุน เขาเปิดการโจมตีอย่างเด็ดเดี่ยว ว่องไว ยันต์ศัสตราบนฝ่ามืออาบไปด้วยรัศมีม่วงเหลือบทองอันเรียบง่าย มันสง่างามอย่างเหลือเชื่อด้วยอำนาจแฝงเร้น
ทันใดนั้น กระแสพายุก่อเกิดเหนือฟ้าดินไพศาล สายลมกรรโชกกระหน่ำพัดพายเมฆดำปิดฟ้าทะมึนมัว ประหนึ่งกาลอวสานของโลกถึงคราวอุบัติ
แกรก!
ปราณกระบี่หนึ่งพุ่งผ่านท้องฟ้าราวกับอสนีบาต หากบางครั้งก็คล้ายกับมังกรสีม่วงเหลือบที่เผยกายจากความโกลาหลแห่งยุคบรรพกาล ยิ่งใหญ่ประหนึ่งจะตัดผ่าฟาดฟันโลกให้แยกจากและนำมาซึ่งการทำลายล้างในชั่วพริบตา
รอยแยกจำนวนมากปรากฏขึ้นในห้วงมิติ พวกมันกระจายตัวหนาแน่นจนทำให้พื้นที่มิตินั้นราวกับภาพวาดที่ถูกฉีกกระชาก!
ผู้ชมต่างพากันประหลาดใจ พลังของรากเต๋าวิภูจักรวรรดิน่ากลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ตึง!
เหลิ่งซิงหุนคล้ายตระหนักได้ว่าสถานการณ์นั้นรุนแรงเพียงใด ฉับพลันเขาทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ผมสีแดงเลือดปลิวไสว เมื่อชายหนุ่มตวัดกระบี่อสนีบาตสุญตาเพื่อโจมตีเฉินซี เขาช่างเหมือนกับเทพอสูรบรรพกาลยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม เพียงชั่วพริบตา การโจมตีของเขาก็ถูกทำลายไม่เหลือซาก!
โครม!
เหลิ่งซิงหุนไม่ทันระวัง พลังปราณกระบี่ปะทะเข้ากับร่างกาย ส่งผลให้เลือดสาดกระเซ็นจากลำคอ กระทั่งหัวก็เกือบถูกสะบั้น!
“บัดซบ! เป็นไปไม่ได้!” เหลิ่งซิงหุนคำรามลั่น เส้นผมแดงฉานกระเซอะกระเซิงปรกร่างกายที่อาบไปด้วยพลังแห่งภัยพิบัติสีดำทะมึน ราวกับว่าบัดนี้เขาได้เสียสติไปแล้ว!
เขากำลังจะชนะเฉินซีได้แท้ ๆ ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันกลับเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ส่งผลให้สถานการณ์พลิกผันเพียงพริบตา แทนที่เขาจะเป็นฝ่ายบดขยี้เฉินซี แต่กลับถูกอีกฝ่ายไล่ต้อนอย่างไม่หยุดยั้ง สิ่งนี้นับเป็นเรื่องอัปยศอดสูอย่างยิ่งสำหรับเหลิ่งซิงหุนผู้มากด้วยทระนงและภูมิใจในความกล้าแกร่งของตน
หากเขาพ่ายแพ้ในวันนี้ ชื่อเสียงของเฉินซีก็จะขจรขจายยิ่งใหญ่ เพราะเมื่อพูดถึงการถกวิถีเต๋าแล้ว พวกเขาจะนึกถึงความแข็งแกร่งของเฉินซีอย่างแน่นอน!
การที่ต้องกลายเป็นเพียงบันไดสู่ความสำเร็จให้เฉินซีเหยียบย่างคงจะน่าสมเพชไม่น้อย
และหากสิ่งนั้นเกิดขึ้นจริง เฉินซีจะไม่กลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งผู้ไร้เทียมทานแห่งขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลเลยหรอกหรือ?
เรื่องทั้งหมดนี้ เหลิ่งซิงหุนไม่อาจยอมรับ!
โครม!
ปราณกระบี่สีม่วงเหลือบทองโจมตีเขาอีกครั้ง ประกายของมันปกคลุมฟ้าดินแผ่ไพศาล
ตู้ม!
เหลิ่งซิงหุนถูกโจมตีจนกระเด็นอีกครั้ง ทั่วทั้งร่างอาบไปด้วยโลหิตแดงฉาน แม้แต่เสื้อผ้าก็ถูกย้อมเป็นสีแดงของเลือด ใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด
ผู้ชมต่างประหลาดใจ
ในขณะนี้ เฉินซีคล้ายจะเป็นผู้ทรงพลังอย่างแท้จริง พวกเขาไม่อาจลบภาพของรัศมีอันสง่างามแห่งจักรพรรดิในตัวเฉินซีได้เลย
“เจ้าคิดว่าแค่นี้จะเอาชนะข้าได้อย่างนั้นหรือ?” เหลิ่งซิงหุนผู้ถูกสยบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
ดูเหมือนเขาจะตัดสินใจบางอย่างได้
หงึ่ง!
ครู่ถัดมา ลำแสงหนึ่งปรากฏขึ้นจากด้านบนศีรษะ มันมีกลิ่นอายแห่งบรรพกาลและเปี่ยมไปด้วยรัศมีของเต๋าขณะที่พุ่งสู่สวรรค์ทั้งเก้าก่อนจะแผ่กระจายไปโดยรอบ!
“แสงเต๋าบรรพกาล!” ผู้คนมากมายอุทานด้วยความประหลาดใจภายใต้ใบหน้าตื่นตะลึง พวกเขาจำลำแสงนี้ได้ มันเป็นแสงปาฏิหาริย์แห่งเต๋าที่เกิดภายในความโกลาหลเมื่อครั้งบรรพกาล
ตามตำนานเล่าขาน ก่อนที่เหล่าเทวาโดยกำเนิดที่เกิดภายในความโกลาหลจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตมหาราชเทวา พวกเขาจะรวบรวมแสงเต๋าบรรพกาลและหล่อเลี้ยงมันภายในร่างกายของพวกเขา ที่ต้องทำเช่นนั้นก็เพื่อประโยชน์ในการสร้างรากฐานของขอบเขตมหาราชเทวาอันไร้ที่ติ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป หลังจากที่ความโกลาหลถูกแยกออกจากกัน แสงเต๋าบรรพกาลก็เลือนหายไปจากโลกราวกับไม่มีอยู่อีกต่อไป
แต่ใครจะคิดเล่าว่าเหลิ่งซิงหุนมีมันอยู่ในการครอบครองจริง ๆ
นี่มันเหลือเชื่อเกินไป!
ภายในร่างกายของเขา พลังที่มาจากรากเต๋าวิภูจักรวรรดิได้ปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์ และเริ่มไหลเวียนอย่างเต็มที่
ทันใดนั้น มหาเต๋าก็ส่งเสียงก้องไปทั่วร่างกายของเฉินซีและเผยให้เห็นถึงรัศมีอันฉกาจ ยิ่งไปกว่านั้น แสงสีม่วงเหลือบทองสกาวก็ปะทุออกมา ทำให้ใคร ๆ ก็ไม่อาจมองมาตรง ๆ ได้ เขาในยามนี้ดูเหมือนดวงอาทิตย์สีม่วงเหลือบทองที่ลอยเด่นเหนือผืนฟ้า
ฟึ่บ!
เฉินซีกวาดยันต์ศัสตราออกไป
“แย่แล้ว!” การแสดงออกของหลายคนเปลี่ยนไปเป็นแข็งทื่อ พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าเหตุใดเฉินซีถึงเลือกการโจมตีแบบเผชิญหน้า
ถูเมิ่ง กู่เยี่ยน และคนอื่น ๆ ต่างก็กังวลอย่างถึงขีดสุด พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น
พวกเขารู้สึกว่าการกระทำของเฉินซีไม่ควรอย่างยิ่ง และนั่นจะทำให้เขาต้องประสบปัญหาใหญ่ ทว่าฉับพลันนั้น เหตุการณ์ที่คาดฝันก็ปรากฏขึ้น
แสงเต๋าบรรพกาลที่เปี่ยมไปด้วยรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวส่งเสียงกราว ประหนึ่งว่ามันกำลังเผชิญกับการต่อต้านที่ไม่ธรรมดา
โครม!
หลังจากนั้น แรงระเบิดที่ชวนให้หวาดผวาก็ปะทุขึ้น พลังปราณของกระบี่สีม่วงเหลือบทองนั้นได้ทำลายแสงเต๋าบรรพกาลให้แตกสลายลง
“อะไรนั่น!?” ผู้ชมทั้งหลายตกตะลึง สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? แสงเต๋าบรรพกาลที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตถูกทำลายอย่างง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ?
พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทั้งหมดนี้ต่างไปจากการคาดเดาของพวกเขาโดยสิ้นเชิง!
ไม่ใช่เพียงผู้ชมเท่านั้น แม้แต่เหลิ่งซิงหุนก็คล้ายถูกฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อม พลังศักดิ์สิทธิ์ไพศาลที่เขาสำแดงออกมาแข็งทื่อลงไปในพลัน จำนวนของมันลดลงอย่างรวดเร็ว
การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งเขาสั่งสมพลังมาเป็นเวลานานถูกทำลายลงไปไม่ต่างกระดาษแผ่นหนึ่ง จะให้เขายอมรับได้หรือ?
“เป็นไปได้อย่างไรกัน…” เหลิ่งซิงหุนลืมความโกรธไปสิ้น มีเพียงหัวใจที่สับสนไม่รู้จบ
“เป็นไปไม่ได้!” หลังจากนั้นเขาเริ่มส่งเสียงกรีดร้อง ดวงตาแทบถลนจากเบ้าด้วยแรงโทสะ “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!? เรื่องบ้า ๆ นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร!?”
“ใช่แล้ว มันจะเป็นไปได้อย่างไร?” ผู้ชมเองก็ไม่นึกฝัน
บัดนี้เฉินซีเป็นเหมือนจักรพรรดิที่ทอดสายตาลงยังแผ่นดิน น่าเกรงขามอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ดุจตัวตนที่มีกลิ่นอายแห่งความยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลา
ตู้ม!
ไม่ทันให้ใครได้หยุดคิด เขาใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีโจมตีเหลิ่งซิงหุนอย่างรวดเร็ว!
เหลิ่งซิงหุนตกใจยิ่ง สีหน้าซีดเผือด ชายหนุ่มโคจรแสงเต๋าบรรพกาลอีกครั้งด้วยตั้งใจที่จะสกัดกั้นการโจมตีนี้
กระนั้นเห็นได้ชัดว่าเขาลงมือช้าเกินไป ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะหลังจากที่แสงเต๋าบรรพกาลถูกทำลาย ความเร็วของเขาได้กลับไปสู่สภาวะก่อนหน้านี้ซึ่งยังห่างไกลจากการความเร็วที่อีกฝ่ายโจมตีนัก
โครม!
เสียงการปะทะกันของโลกดังก้อง การตวัดกระบี่ของเฉินซีทำให้เหลิ่งซิงหุนกระอักเลือดเต็มปากพร้อมกับร่างที่ระเบิดเป็นจุณ!
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...