เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1897

บทที่ 1897 ความลับของมหาวิถี

………………..

บทที่ 1897 ความลับของมหาวิถี

ม่านรัตติกาลโรยลง

ศึกสุดท้ายของการถกวิถีเต๋าจบไปนานแล้ว แต่ผู้บ่มเพาะในเมืองทศทิศยังไม่ผละจาก พวกเขารวมตัวกันหารือถึงสรรพสิ่งที่เกิดในการถกวิถีเต๋าอย่างเผ็ดร้อนกันอย่างออกรส

เมื่อเทียบทิวากาล เมืองทศทิศท่ามกลางราตรีนั้นคึกคักเสียจนเกินพรรณนา ถนนทุกเส้น อาคารทุกแห่ง และผู้บ่มเพาะทุกคนล้วนพูดคุยถึงเรื่องเกี่ยวกับการถกวิถีเต๋า

“หากเป็นเรื่องม้ามืดสูงสุดในการถกวิถีเต๋า เช่นนั้นก็ย่อมไม่พ้นหวังจง น่าเสียดายที่เขาพ่ายแก่เฉินซีไป”

“หากเป็นด้านผู้ดุเดือดเหนือใครในการถกวิถีเต๋า เช่นนั้นก็ย่อมต้องเป็นตงหวงอิ่นเซวียน แต่น่าเสียดาย เขาก็พ่ายแก่เฉินซีไปเช่นกัน”

“หากเป็นด้านผู้ที่ถูกคาดหวังว่าจะคว้าชัยที่สุด ก็มิต้องสงสัยว่าคือเหลิ่งซิงหุน เพียงสุดท้าย… เขาก็พ่ายเฉินซีเช่นกัน”

“ดูเหมือนว่าขอเพียงผู้ใดไปเผชิญเฉินซี ผู้นั้นก็ไม่เคยจบสวย ชวนให้คิดอยู่นิดหน่อยนะ”

“ใช่เลย เฉินซีเพิ่งเรืองนามได้เพียงไม่กี่สิบปี แต่กลับคว้าชัยในการถกวิถีเต๋า ใครเล่าจะคิดว่าเรื่องนี้จะเกิด?”

สารพัดเสียงถกเถียงดังเซ็งแซ่ทั่วหล้า หัวข้อนั้นมีมากมาย แต่พวกมันทั้งหลายล้วนเกี่ยวโยงกับหนึ่งบุคคล

ซึ่งก็คือเฉินซี!

ขณะเดียวกัน เมื่อเทียบกับเฉินซี ที่สองอย่างเหลิ่งซิงหุนกลับหม่นรัศมีไปถนัดตา

เมื่อกล่าวถึงเฉินซี พวกเขาล้วนเผยความครั่นคร้าม นับถือ และตกตะลึง แต่ยามขานนามเหลิ่งซิงหุน พวกเขาทั้งหลายล้วนทอดถอนใจ รู้สึกสงสารโดยทั่วกัน

เพียงอิงจากบทสนทนาเหล่านี้ลำพัง ก็เพียงพอรับรู้ได้ว่าความสำเร็จในการคว้าชัย ณ การถกวิถีเต๋าของเฉินซีมีอิทธิพลเพียงใด

ถึงขนาดที่สามารถคาดเดาได้ ว่าอีกไม่นาน ทั่วทั้งแดนเทพโบราณจะปั่นป่วน ชื่อเสียงเป็นที่โจษจันไร้ผู้ใดไม่รู้จัก

เพราะถึงอย่างไร การถกวิถีเต๋าครั้งนี้ก็จัดขึ้นโดยห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ ยิ่งใหญ่เกินหนใด เป็นที่จับจ้องของทั่วโลกหล้าผู้บ่มเพาะในแดนเทพโบราณก่อนทันเปิดฉาก

ในฐานะผู้เป็นที่หนึ่งในการถกวิถีเต๋าครั้งนี้ ก็เป็นที่ชัดเจนว่าเฉินซีจะถูกสนใจเพียงไหน

ขณะที่โลกหล้าภายนอกลือลั่นตื่นเต้น คนอื่น ๆ ก็รับรู้ว่าเบื้องหลังเรื่องทั้งหมดมีเงื่อนงำ

ตัวตนยิ่งใหญ่บางคนตระหนักดีว่า ความนัยเบื้องหลังความสำเร็จของเฉินซีในการเป็นตัวแทนเขาเทพพยากรณ์คว้าชัยในการถกวิถีเต๋าไม่มีทางธรรมดา

จุดประสงค์ของการถกวิถีเต๋านี้ชัดเจนว่า ศิษย์สามสิบคนผู้ผ่านรอบแรกมีคุณสมบัติพอเข้าสู่ซากโบราณรวนเรลืมเลือนแล้ว เพราะเหตุนี้ เหตุใดจึงยังมีรอบที่สอง?

แค่นี้ก็ไม่ปกติแล้ว!

น่าเสียดาย เมื่อการถกวิถีเต๋าจบลง ศิษย์ทั้งสามสิบรวมถึงเฉินซีล้วนถูกเชิญสู่โถงบรรจบของสำนักเต๋า ไร้ข่าวคราวอื่นใด ตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายผู้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้จึงทำได้เพียงคาดเดาไปเรื่อยในใจ

โถงบรรจบ

เมื่อการถกวิถีเต๋าปิดฉาก เฉินซีและศิษย์คนอื่น ๆ ที่เข้าร่วมรอบที่สองก็มารวมตัวกันที่นี่

พวกเขายืนหน้าโถงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไม่กล้าพูดดังแม้แต่น้อย

เพราะตัวตนยิ่งใหญ่ขอบเขตมหาเทพเต๋าห้าคน และจักรพรรดิมากมายนั่งอยู่ตรงหน้าพวกเขา!

เพียงปราณจากตัวตนยิ่งใหญ่เหล่านี้ลำพัง ก็ทำให้พวกเขาตัวลีบมิกล้ากระทำการตามใจแล้ว

“การถกวิถีเต๋าจบสิ้น แพ้ชนะกลายเป็นเรื่องในอดีต ไม่จำเป็นต้องพูดถึงมันอีก” ไฉ่หยากล่าวเสียงเบา สายตาฝ้าฟางของตนกวาดผ่านเฉินซีและคนอื่น ๆ ขณะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่ต้องกระทำหลังการถกวิถีเต๋าปิดฉาก เช่นให้รางวัลกับอันดับหนึ่ง” ว่าแล้ว ไฉ่หยาก็โบกมือ

ฟิ่ว!

กล่องหยกต่างสีห้าใบปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ ทะยานไปหยุดตรงหน้าเฉินซี

“สมบัติวิญญาณธรรมชาติห้าชิ้นนี้ มาจากสำนักเต๋าของข้า เขาเทพพยากรณ์ นิกายอำนาจเทวะ ตำหนักเต๋าหนี่หวา และสำนักศักดิ์สิทธิ์ เตรียมไว้เป็นพิเศษเพื่อศิษย์ผู้ได้อันดับหนึ่ง เฉินซี รับไปสิ”

วูบ!

สายตาผู้คนมากมายในโถงเบนไปมองกล่องหยกทั้งห้า เจือความริษยาอย่างมิอาจอดกลั้น

แน่นอน สายตามากมายก็เจือเค้าไม่เต็มใจเช่นกัน

กล่องหยกทั้งห้าบรรจุกระสวยทลายนภาอนันต์ อาภรณ์วิญญาณสุญตา ธงจักรวาลหยินหยาง ง้าวโลกา และไข่มุกเต๋าครอบจักรวาลตามลำดับ

พวกมันแต่ละชิ้นล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าในหมู่สมบัติวิญญาณธรรมชาติ เลิศล้ำอัศจรรย์อย่างยิ่ง มีความสามารถเกินรับรู้มากมาย มูลค่าสูงล้ำเสียจนเกินราคาสมบัติวิญญาณธรรมชาติทั่วไปประเมินได้

“เหอะ ๆ! สหายเต๋าไฉ่หยาไม่ต้องเตือนกันหรอก ข้าย่อมต้องส่งให้อยู่แล้ว” หลังเงียบไปครู่หนึ่ง ซูถัวพลันแย้มยิ้ม สะบัดแขนเสื้อโยนหนังสัตว์โบราณอันเสียหายไม่ต่างกันไปบนอากาศ

หลังจากนั้น เขาพลันทอดถอนใจ “ขอทุกท่านอภัยด้วย มิใช่ว่าข้าจงใจทำเช่นนี้ แต่เพราะหนังสัตว์นี้สำคัญเกินไป มันเกี่ยวข้องกับหนึ่งสถานที่ลึกลับในแดนรวนเรลืมเลือน เป็นไปได้สูงนักว่าผู้ที่เข้าไปเยือนสถานที่นั้นจะได้ประจักษ์ความลับแท้จริงของมหาวิถี ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงอิดออดใจจะยอมควักออกมาเช่นกัน”

ทันทีที่วาทะเหล่านี้ถูกกล่าว หัวใจเหล่าศิษย์ทั้งปวงรวมถึงเฉินซีล้วนสั่นกระตุก ความลับแท้จริงของมหาวิถี!?

หากเป็นความจริง เช่นนั้น หนังสัตว์ทั้งห้านี้ก็ล้ำค่าเกินไปจริงแท้ มากมูลค่าเสียจนกระทั่งตัวตนยิ่งใหญ่ในขอบเขตมหาเทพเต๋ายังสู้กันแย่งมันได้!

ท่าทีของซูถัวเมื่อครู่แสดงชัด

ขณะเดียวกัน เมื่อได้ยินเช่นนี้ อู๋เซวี่ยฉาน เสวี่ยหลิง ไฉ่หยาและคนอื่น ๆ ต่างอดขมวดคิ้วมิได้ ดูไม่ชอบใจที่ซูถัวเปิดเผยความลับตะลึงโลกเช่นนี้ออกมา

“ไม่ต้องอิดออดใจไปหรอก สหายเต๋าซูถัว แม้นำหนังสัตว์ทั้งห้ามาต่อกัน ก็ไม่มีทางสร้างแผนที่ลับอันสมบูรณ์ได้” ไฉ่หยาครุ่นคิดลึกล้ำอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มเฉยชา “มิต้องพูดถึงว่า ข่าวลือเกี่ยวกับความลับแห่งมหาวิถีและหนังสัตว์ทั้งห้านี้ล้วนมาจากจ้าวเต๋าคุนเผิง อาจมิใช่ความจริงก็ได้”

“ไม่!” ซูถัวเอ่ยเสียงเฉียบ “นับแต่บรรพกาลจนยามนี้ มีเพียงจ้าวเต๋าคุนเผิงที่เคยเข้าไปยังแดนรวนเรลืมเลือน แม้จะเผชิญเคราะห์ตกตายในที่สุด แต่สมบัติที่เขาทิ้งไว้ย่อมมิใช่กลลวงปลอมแปลง ข้าว่ามันน่าจะเป็นความจริง”

ฟังจบ กระทั่งเฉินซียังอดรู้สึกตกตะลึงมิได้ เหตุใดเรื่องทั้งหมดนี้จึงไปเกี่ยวกับจ้าวเต๋าคุนเผิงอีกแล้ว?

เมื่อมาคิดดี ๆ เฉินซีก็ตกตะลึงเมื่อพบว่า นับแต่เขาเข้าสู่แดนโลกาวินาศจากสามภพ เขาก็เหมือนเริ่มได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับจ้าวเต๋าคุนเผิง

ถึงขนาดที่แดนโลกาวินาศสร้างจากซากสังขารของจ้าวเต๋าคุนเผิง!

ขณะนั้นเฉินซีกระทั่งได้พบกับอาเหลียง องค์หญิงจากเผ่าจุลบรรพกาล และเผ่าจุลบรรพกาลคนอื่น ๆ ในแดนโลกาวินาศ นอกจากนั้น เขายังโชคดีพอได้รับพลังที่จ้าวเต๋าคุนเผิงทิ้งไว้ด้วย

ภายหลังเนื่องจากเทพธิดาแห่งอารามไท่ชู เฉินซีจึงพบว่ากาลก่อน จ้าวเต๋าคุนเผิงเคยเข้าสู่แดนรวนเรลืมเลือน แต่ก็ต้องตกตายไปเพราะถูกพลังทัณฑ์สวรรค์สะกดเต๋าในแดนรวนเรลืมเลือน!

ยามนี้เมื่อเขาทราบว่าหนังสัตว์โบราณทั้งห้าและข่าวลือเกี่ยวกับความลับแท้จริงแห่งมหาวิถีก็เป็นสิ่งที่จ้าวเต๋าคุนเผิงเหลือไว้ เฉินซีย่อมอดทอดถอนใจมิได้ ว่าตกลงจ้าวเต๋าคุนเผิงเป็นตัวตนเช่นไรกันแน่?

เหตุใดซูถัวจึงเผยปริศนาเหล่านี้ออกมาตรง ๆ?

ทันใดนั้น ความรู้สึกเย็นเยือกเกินเข้าใจก็แล่นขึ้นในใจ ทำให้เขาฟื้นจากภวังค์ความคิดเฉียบพลัน

เจ้าเฒ่านี่คงมิได้คิดร้าย ตั้งใจให้ทั่วโลการู้ว่าข้ามีแผนที่ลับห้าชิ้นนี้อยู่กับตัวหรอกกระมัง?

“ในความคิดข้า ยามเจ้าหนูทั้งสามสิบเข้าไปสู่แดนรวนเรลืมเลือน คงไม่มีทางอาศัยกำลังคนเพียงหนึ่งเข้าสู่สถานที่ลึกลับนั่นได้ เหตุใดไม่รวมหนังสัตว์ทั้งห้าเข้าด้วยกัน แจกจ่ายปริศนากับศิษย์คนอื่นๆ เพื่อทุกคนจะได้ร่วมมือสู่เป้าหมายเดียวกันเล่า?” ทันใดนั้น ซูถัวก็เอ่ยแนะขึ้นมาเฉียบพลัน

พริบตานั้น เฉินซีแค่นยิ้มเย็นในใจ นี่เองเจตนาไอ้แก่นี่!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]