เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1898

บทที่ 1898 หลิวเซินจี

………………..

บทที่ 1898 หลิวเซินจี

ข้อเสนอของมหาเทพเต๋าซูถัว ทำให้ผู้คนในห้องโถงหวั่นไหว

โดยเฉพาะมหาเทพเต๋าเซวียนหมิงที่กล่าวอย่างไม่ลังเล “ข้อเสนอนี้ไม่เลวเลย มหาอำนาจทั้งห้าของเราจะสามารถได้รับโชคลาภจากแดนรวนเรลืมเลือน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เราควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะการร่วมมือกันจะทำให้ปลอดภัยที่สุด”

เขาหยุดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “แดนรวนเรลืมเลือนนั้นลึกลับและไม่อาจหยั่งรู้ได้ มันเต็มไปด้วยพลังทัณฑ์สวรรค์ที่ยับยั้งเต๋า ดังนั้นมันจึงอันตรายเกินไปที่จะกระทำการตามลำพัง”

แม้แต่มหาเทพเต๋าไฉ่หยาก็หวั่นไหวต่อวาจาเหล่านี้อย่างอดไม่ได้ ในฐานะผู้อาวุโสของสำนักเต๋า เขาย่อมคาดหวังว่าศิษย์ของนิกายตนจะสามารถเสาะหาโชคลาภจากสถานที่ลึกลับภายในแดนรวนเรลืมเลือนได้เช่นกัน

แต่หลังจากนั้น เขาก็ระงับความคิดนี้ชั่วคราว และเฝ้าดูจากด้านข้าง เนื่องจากเขาต้องการสังเกตปฏิกิริยาของเขาเทพพยากรณ์และตำหนักเต๋าหนี่หวาเสียก่อน

“ข้าขอถามคำเดียว ชิ้นส่วนแผนที่ลับทั้งห้านี้ เป็นรางวัลสำหรับอันดับหนึ่งในการถกวิถีเต๋าหรือไม่?”

โดยไม่คาดคิด เป็นมหาเทพเต๋าเสวี่ยหลิงจากตำหนักเต๋าหนี่หวาที่กล่าวก่อน ดวงตาเรืองประกายสุกใสกวาดเข้าใส่ซูถัวและเซวียนหมิงดุจสายฟ้าฟาด

“ใช่” แม้ว่าซูถัวและเซวียนหมิงจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับมัน

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วมีเหตุผลใดที่เฉินซีจะต้องแบ่งปันความลับภายในนั้นให้กับทุกคน?”

คราวนี้นางไม่รอให้คนอื่นตอบ ก่อนที่จะกล่าวต่ออย่างเด็ดเดี่ยว “ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วเหตุใดจึงจัดการถกวิถีเต๋ารอบที่สองนั้น ทั้งที่สุดท้ายรางวัลก็ต้องถูกแบ่งอยู่ดี?”

คำพูดขวานผ่าซากนี้ ทำให้เกิดร่องรอยความหมองคล้ำบนหว่างคิ้วของซูถัวและเซวียนหมิง

“เสวี่ยหลิง การที่ข้ายื่นข้อเสนอนี้ก็เพื่อประโยชน์ของศิษย์ทุกคน ถึงอย่างไร แดนรวนเรลืมเลือนก็อันตรายอย่างยิ่ง อีกทั้งเฉินซีได้รับสมบัติวิญญาณธรรมชาติถึงห้าชิ้น ซึ่งรางวัลนี้ก็มากเกินพอ แล้วมันไม่เหมาะสมตรงไหนที่จะแบ่งปันความลับภายในแผนที่นั่น?” ซูถัวหายใจเข้าลึก และกล่าวด้วยเสียงทุ้มลึก

“ขอภัยที่ต้องพูดตรง ๆ หากเฉินซีไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ เขาก็อาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายหลังจากเข้าสู่แดนรวนเรลืมเลือน! ข้าคิดว่าพวกเจ้าทุกคนคงตระหนักดีว่า ความมั่งคั่งเป็นต้นเหตุของหายนะ” เซวียนหมิงกล่าวเสียงเย็น เจือแววคุกคามเล็กน้อย

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะแค่นหัวเราะด้วยความโกรธสุดขีด ยิ่งแก่ก็ยิ่งไร้ยางอาย เห็นได้ชัดว่าพวกมันต้องการแย่งชิงความลับที่อยู่ใการครอบครองของข้าจนตัวสั่น แต่กลับใช้คำพูดด้วยความชอบธรรม พวกมันช่างไร้ยางอายยิ่งนัก

ในขณะนี้ อู๋เซวี่ยฉานขมวดคิ้วเช่นกัน ขณะกำลังจะกล่าว ก็ถูกเฉินซีหยุดไว้ “ศิษย์พี่ใหญ่ ขอข้ากล่าวอะไรสักหน่อย”

สิ้นคำ เฉินซีก็ก้าวไปข้างหน้า แล้วกวาดสายตามองซูถัวและเซวียนหมิง ในขณะที่สีหน้ายังคงสงบและนิ่งเฉย

“ข้อเสนอของผู้อาวุโสนั้นถูกต้อง เป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าจะแบ่งปันความลับในการครอบครองกับสหายเต๋าคนอื่น ๆ เมื่อเราเข้าสู่แดนรวนเรลืมเลือน”

หืม? ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เดิมทีพวกเขาคิดว่าเฉินซีจะปฏิเสธด้วยซ้ำ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมรับข้อเสนอนี้

แม้แต่ดวงตาของซูถัวและเซวียนหมิงก็หรี่ลงอย่างอดไม่ได้ ทั้งยังไม่สามารถเข้าใจเจ้าเด็กตรงหน้าได้เลย

“แต่ความลับนี้ย่อมแบ่งปันให้กับสหายที่ข้าไว้ใจเท่านั้น เช่น สหายเต๋าจากตำหนักเต๋าหนี่หวา และสหายเต๋าจากสำนักเต๋า ศิษย์จากทั้งสองนิกายสามารถร่วมสำรวจสถานที่ลึกลับนั้นกับข้าได้ ส่วนคนอื่น ๆ… ฮ่า ฮ่า ขออภัยที่ข้าไม่มีความสนใจจะร่วมมือกับพวกเขา ข้าไม่กลัวคนเนรคุณ แต่ข้ากลัวที่ถูกไอ้สารเลวลอบกัดมากกว่า”

วาจาเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ทุกคนเข้าใจเจตนาของเฉินซีอย่างถ่องแท้เท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย มิหนำซ้ำเขายังถากถางทั้งนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์อย่างรุนแรง

ทันใดนั้น หลายคนในห้องโถงก็อ้าปากค้าง ไม่คิดเลยว่าเฉินซีจะกล้ากล่าวคำเช่นนี้ต่อหน้ามหาเทพเต๋าทั้งสองจริง ๆ

ทันใดนั้น ใบหน้าของซูถัวและเซวียนหมิงก็มืดลงพร้อมกัน กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งแผ่ซ่านออกมาจากร่าง

ตัวตนอย่างพวกเขาไหนเลยจะเคยถูกเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมถากถาง?

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวนี้จะกดลงบนร่างของเฉินซี มันก็สลายไปด้วยการสะบัดแขนเสื้อของอู๋เซวี่ยฉาน

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง อู๋เซวี่ยฉานคลี่ยิ้ม “คิดข่มเหงศิษย์น้องเล็กข้าหรือ?”

“อู๋เสวี่ยชาน! นี่คือการกระทำของศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ของเจ้าเหรอ? เขาพูดจาโอหังไร้สัมมาคารวะ หากนี่เป็นโลกภายนอก เพียงเพราะวาจาเหล่านั้น ข้าคงจะสังหารเขาไปแล้ว!” ซูถัวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เหี้ยมเกรียม

เวลานี้เขามั่นใจว่าไม่อาจได้รับความลับภายในชิ้นส่วนแผนที่หนังสัตว์ทั้งห้าจากเฉินซี ดังนั้นจึงไม่คิดรักษาท่าทีอีกต่อไป

“สหายเต๋าซูถัวกล่าวถูกแล้ว ข้าหวังว่าศิษย์น้องเฉินซีที่กล้าหาญจะสามารถกลับมาจากแดนรวนเรลืมเลือนพร้อมกับชีวิตของเขา” การแสดงออกของเซวียนหมิงนิ่งสงบและสง่างาม แต่น้ำเสียงกลับเย็นเยียบจนทำให้ผู้อื่นใจสั่นสะท้าน

เมื่อสังเกตเห็นว่าบรรยากาศภายในห้องโถงกลายเป็นการเผชิญหน้า ไฉ่หยาก็ไม่กล้านิ่งเฉยอีกต่อไป “เอาละ ไม่จะว่าจะอย่างไรก็ตาม ก็หาได้ยากที่มหาอำนาจทั้งห้าของเราจะมารวมตัวกันเช่นนี้ ดังนั้นโปรดอย่าได้ทะเลาะกันเลย มิฉะนั้นเกรงว่ามันจะเป็นผลเสียต่อทุกคนมากกว่าผลดี”

ที่เขากล่าวไม่ผิดแม้แต่น้อย เพราะไม่ว่ามหาอำนาจไหนก็ล้วนแต่จำเป็นต่อแผนการนี้ มิฉะนั้นจะไม่สามารถสร้างทางเข้าสู่แดนรวนเรลืมเลือนได้

ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การปล่อยให้ความขัดแย้งเกิดขึ้น ย่อมไม่ส่งผลดีต่อนิกายใดก็ตาม

ซูถัวและเซวียนหมิงเข้าใจสิ่งนี้เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงส่งเสียงฮึดฮัด และนิ่งเงียบไป

อย่างไรก็ตาม สายตาที่จับจ้องเฉินซีกับเยือกเย็นราวกำลังมองดูคนตาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเกลียดชังเฉินซีอย่างที่สุด

เมื่อบุคคลอย่างพวกเขาโกรธเกรี้ยว มันก็จะเป็นหายนะที่ไม่อาจจินตนาการได้สำหรับทุกคน

“ทุกคน เจ้าได้นำสมบัติล้ำค่าของนิกายของเจ้ามาหรือไม่?” หลิวเซินจีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความสง่างาม เขายืนเอามือไพล่หลัง ทั่วร่างเปล่งประกายแสงอันลี้ลับ ทำให้คนอื่นไม่สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาได้ชัดเจน

“เตรียมไว้แล้ว” อู๋เซวี่ยฉานและคนอื่น ๆ พยักหน้า

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ไฉ่หยา เจ้าจงออกเดินทางร่วมกับสหายเต๋าคนอื่น ๆ และมุ่งหน้าไปยังแดนรวนเรลืมเลือน” หลิวเซินจีสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยผ่อนคลาย “ในอีกสามสิบวันนับจากนี้ ข้าจะพาเด็กน้อยทั้งสามคนนี้มุ่งหน้าไปยังแดนรวนเรลืมเลือนเอง”

สิ้นคำ คนอื่น ๆ ทั้งหมดก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของเขา

แม้แต่บุคคลอย่างซูถัวและเซวียนหมิงก็เช่นกัน

นี่คืออำนาจและอิทธิพลของเจ้าสำนักเต๋า ทั่วทั้งแดนเทพโบราณมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถประชันกับเขาได้

“ไฮว่คงจื่อ จงเตรียมแดนวสันต์โบราณให้กับเด็กน้อยเหล่านี้ เวลาสามวันก็เพียงพอให้ฟื้นตัวสู่สภาวะสูงสุด หลังจากนั้นให้พาพวกเขามาที่โถงบรรจบ” หลิวเซินจีมองไฮว่คงจื่อ พลางออกคำสั่งเพิ่ม

“ขอรับเจ้าสำนัก” ไฮว่คงจื่อโค้งคำนับและรับคำสั่งอย่างแข็งขัน

หลังจากนั้น หลิวเซินจีก็เบือนสายตาไปยังคนอื่น ๆ ในห้องโถง แล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าทุกคนสามารถใช้โอกาสนี้พูดคุยกับเหล่าศิษย์ของนิกายเจ้าได้ตามสบาย ตามการคาดการณ์ของข้า การเดินทางไปยังแดนรวนเรลืมเลือนจะใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าปี และอาจใช้เวลานานกว่าสิบปีด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นไปได้ที่อันตรายทุกประเภทจะปรากฏขึ้นที่นั่น ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเด็กน้อยทั้งสามสิบคนนี้จะกลับมาอย่างปลอดภัย ดังนั้นทางที่ดีที่สุด… คือเตรียมตัวให้พร้อม”

ร่างผอมเตี้ยหายไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงเสียงที่ดังก้องอยู่ในอากาศ

ทันใดนั้น บรรยากาศภายในห้องโถงก็เงียบงันยิ่งกว่าเดิม

อันตราย?

ศิษย์ที่เข้าสู่แดนรวนเรลืมเลือนในครั้งนี้ อาจไม่สามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย?

หากไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ ก็คงคิดว่าหลิวเซินจีมีจุดประสงค์ร้าย หวังขัดขวางไม่ให้เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้น

ทว่าไม่มีใครคิดเช่นนั้น

เนื่องจากบุคคลอย่างหลิวเซินจีกล่าวเช่นนี้ ย่อมหมายความตามนั้นจริง ๆ!

ถึงขนาดมีอันตรายที่ไม่อาจจินตนาการได้อยู่ที่นั่น ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเตรียมตัวให้ดี!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]