บทที่ 1900 กลืนสมบัติวิญญาณ
………………..
บทที่ 1900 กลืนสมบัติวิญญาณ
แดนวสันต์โบราณ
ทันทีที่เข้ามาใน เฉินซีสังเกตเห็นได้เลยว่าเป็นไปอย่างที่เคยคิดไว้ กาลเวลาที่นี่หน่วงกว่า และช้ากว่าข้างนอกมาก
จากการประเมินของเฉินซี สามปีของที่นี่เท่ากับผ่านไปเพียงสามวันในโลกภายนอก
เห็นได้ชัดว่าสำนักเต๋าจัดแจงให้ศิษย์สามสิบคนได้มีเวลาพักผ่อนฟื้นตัวกลับคืนอย่างเพียงพอก่อนจะเข้าไปยังแดนรวนเรลืมเลือน
เฮ้อ~
เฉินซีถอนหายใจยาวออกมาก่อนนั่งลงขัดสมาธิ จากนั้นก็หยิบแผนที่ลับห้าชิ้นออกมา
ว่ากันว่ามันเป็นแผนที่ลับ แต่มันก็แค่หนังอสูรขาด ๆ ห้าแผ่นเท่านั้น แต่ละชิ้นปกคลุมไปด้วยพลังลึกลับ ทำให้ไม่อาจมองความลับของมันออกได้
เมื่อปลายนิ้วเฉินซีสัมผัสถูกหนังอสูร พลังแปลกประหลาดก็ให้ความรู้สึกเหมือนถูกของร้อน มันกระจายไปทั่วแขน ทำให้ร่างเฉินซีสั่นสะท้าน ในใจเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นซึ่งไม่อาจอธิบายได้
มันเป็นพลังอะไรกันแน่? เฉินซีตกตะลึง ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถต้านทานพลังนี้ได้เลย ช่างเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อนัก
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายเขาก็เปิดหนังอสูรชิ้นนั้นขึ้น
วิ้ง!
ทันทีที่มันเปิดออก คลื่นเป็นวงหลายชั้นก็เปล่งแสงออกมา ส่งพลังแปลกประหลาดลึกล้ำออกมาด้วย
จากนั้นเฉินซีก็ต้องหรี่ตาลง เพราะมีเพียงอักขระไม่สมบูรณ์ทั้งยังดูแปลกประหลาดเพียงแถวเดียวอยู่บนหนังอสูรแผ่นนั้น มันขยุกขยุยเหมือนตัวหนอน เหมือนเป็นอักขระโบราณ คล้ายว่าเป็นจารึก ให้ความรู้สึกว่างเปล่าออกมา
คงเป็นอักขระอย่างหนึ่งเป็นแน่!
แต่เฉินซีอ่านไม่เข้าใจ ปกติแล้วแม้จะมาเป็นอักขระขาด ๆ เกิน ๆ แต่ส่วนใหญ่เขาก็ยังทำความเข้าใจเนื้อหาได้
แต่ด้วยความที่อักขระพวกนี้มีความเป็นเอกลักษณ์นัก เฉินซีจึงไม่เคยเห็นหรือไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อน
หากมีปัญหาแค่เท่านี้ก็คงไม่เป็นไร แต่ประเด็นคือแม้เฉินซีจะมีความสามารถในการประมาณการสูงแค่ไหน ก็ไม่อาจได้ข้อมูลอะไรจากตัวอักษรเหล่านี้เลยแม้แต่นิด!
ซึ่งเป็นเรื่องเกินคาดอยู่เล็กน้อย
อย่างไรคนที่มีพลังเทียบขั้นกับเฉินซีก็คงไม่ได้มีความรู้เรื่องยุคโบราณมากมายอะไรอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยก็คงได้รู้ความลับแห่งใต้หล้าอะไรมาบ้าง ดังนั้นจึงพอสามารถคาดการณ์ข้อมูลด้วยประสบการณ์ได้
แต่อยากได้เห็นอักขระลึกลับบนหนังอสูรขาด ๆ ชิ้นนี้แล้ว เฉินซีกลับไม่อาจทำอะไรได้เลย
ใช่แล้ว หากมันมีความลับอะไรอยู่ เช่นนั้นศิษย์พี่ใหญ่ก็คงบอกข้าไปนานแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้บอกอะไร เห็นได้ชัดว่าตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจอักขระโบราณนั่นเช่นกัน…. เฉินซีขมวดคิ้วแล้วคิดในใจ
หนังอสูรทั้งห้าชิ้นนี้มาจากห้ากองกำลังสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ และเขาเทพพยากรณ์ก็มอบให้ชิ้นหนึ่งเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เพียงเขาเทพพยากรณ์ที่อ่านมันไม่ออก อีกสี่กองกำลังก็ไม่อาจล่วงรู้เช่นกัน
น่าสนใจนี่ เป็นสิ่งที่จ้าวเต๋าคุนเผิงทิ้งไว้อย่างแน่นอน แต่กลับลึกล้ำถึงเพียงนี้ ดูท่าแผนที่ลับนี้คงมีความลับไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วกลับคืนสู่ความสงบ จากนั้นก็เปิดหนังอสูรอีกสี่ชิ้น
ผลลัพธ์ก็คือ หนังอสูรเหล่านี้เองก็เสียหายมากเช่นกัน ทั้งยังมีอักขระลึกลับสลักไว้
เฉินซีเคยลองเชื่อมหนังอสูรทั้งห้าชิ้นนี้เข้าด้วยกัน แต่กลับพบว่าหนังอสูรที่เขามียังไม่อาจรวมกันเป็นแผนที่ที่สมบูรณ์ได้
อย่างน้อยก็ยังขาดอีกสามชิ้น อีกทั้งปัญหาคืออักขระนั้นไม่ชัดเจนสมบูรณ์ ไม่อาจรู้ถึงเบาะแสเกี่ยวกับสถานที่ลึกลับแห่งนั้นได้เลย เฉินซีจ้องมันด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาในที่สุด
อย่างที่ศิษย์พี่ใหญ่อู๋เซวี่ยฉานเคยว่าไว้ แผนที่ทั้งห้านี้เกี่ยวข้องกับสถานที่ลึกลับภายในแดนรวนเรลืมเลือน เป็นไปได้สูงว่าสถานที่แห่งนี้จะมีความลับที่แท้จริงของมหาวิถีสู่เต๋าอยู่
แต่ในตอนนี้เฉินซีกลับคิดว่าหากเขาเอาแต่พึ่งหนังอสูรทั้งห้าชิ้นนี้ แค่หามหาวิถีสู่เต๋าคงยากยิ่ง ทั้งยังคงหาสถานที่ลึกลับนั้นไม่เจออีกต่างหาก
เหตุผลมีอยู่ข้อเดียวนั่นคือ เขามีข้อมูลน้อยเกินไป!
ดูท่าคงมีแต่ต้องเป็นไปตามสถานการณ์แล้วหลังจากได้เข้าแดนรวนเรลืมเลือน สุดท้ายเฉินซีก็เก็บหนังอสูรไป
…
กระสวยทลายนภาอนันต์ยาวราวหนึ่งฉื่อสามชุ่น รูปร่างเหมือนกระสวยที่มีปลายแหลมดั่งดาบ เต็มไปด้วยแสงดาวสุกใส ปลดปล่อยกลิ่นอายโกลาหลออกมา พลังทำลายล้างสูงจนน่าเหลือเชื่อ สามารถทำลายได้ทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า
อาภรณ์วิญญาณสุญตาเป็นเหมือนก้อนผ้าไหม เต็มไปด้วยแสงแห่งสมบัติ เมื่อสวมมันแล้วจะทำให้ผู้สวมใส่ปลอดภัยจากธาตุและความวิบัติทั้งปวง มีความสามารถในการป้องกันสูง
ธงจักรวาลหยินหยางทั้งกระจ่างใสและขุ่นมัวไปพร้อมกัน แยกกันระหว่างดำขาว หยินหยางสมดุล ความสามารถที่แกร่งที่สุดของมันคือการดึงเอาพลังแห่งโลกาออกมาเพื่อเสริมเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม นั่นคือความวิบัติ หยินหยาง และดำขาว
ไข่มุกเต๋าครอบจักรวาล….
ง้าวโลกา….
ห้าสมบัติวิญญาณธรรมชาติแต่ละชิ้นล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าในหมู่สมบัติวิญญาณธรรมชาติด้วยกัน มีความสามารถมหัศจรรย์เป็นของตน ทั้งยังแกร่งเหนือสมบัติวิญญาณธรรมชาติธรรมดาชิ้นอื่น ทำให้เฉินซีชื่นชอบพวกมันมาก
น่าเสียดายที่เฉินซีก็รู้เช่นกันว่าคงไม่สามารถใช้สมบัติทั้งหมดนี้ในการต่อสู้จริงได้
ตอนนี้เขามีสมบัติวิญญาณธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมาก อย่างธงพิทักษ์ปฐพีที่ห้า กระจกกร่อนวิญญาณ ระฆังวิเวกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ และไข่มุกต้นกำเนิดมังกร
นอกจากนี้แล้ว เฉินซียังมีหอกทองคำย่ำสยบที่จักรพรรดิหนานตู้ทิ้งไว้ตอนตาย และบรรทัดชะตาเต๋าเทวะที่ได้มาหลังจากสังหารจักรพรรดิเมี่ยวเฟิงอยู่อีกด้วย
พริบตานั้น แรงดูดอันน่าหวาดผวาก็พุ่งออกมาจากยันต์ศัสตรา เริ่มดูดซับพลังวิญญาณธรรมชาติภายในหอกทองคำย่ำสยบ!
หากคนโลกภายนอกได้เห็นก็คงจะไม่เชื่อสายตา
สมบัติวิญญาณธรรมชาติกำลังถูกสมบัติวิญญาณธรรมชาติอีกชิ้นดูดพลัง! หากใครในใต้หล้าได้เห็นมีหรือจะไม่ตกใจ?
ที่เป็นหนึ่งในความสามารถมหัศจรรย์ของยันต์ศัสตรา เป็นความสามารถสะท้านฟ้าที่ยันต์ศัสตราได้มาตอนขึ้นเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติ!
มันสามารถดูดกลืนแก่นประสานของพลังทุกอย่างเพื่อเอามาพัฒนาตนเองได้!
ก่อนหน้านี้ตอนเขาต่อสู้กับเหลิ่งซิงหุน เฉินซีก็ใช้ความสามารถนี้รับสถานการณ์ตอนติดอยู่ในกระดานหมากคู่สวรรค์
แต่ตอนนี้มันไม่ได้ดูดซับเฉพาะพลังที่ใช้กักขังเฉินซีไว้ในตอนต่อสู้ครั้งนั้น แต่ยันต์ศัสตราในตอนนี้กำลังดูดกลืนพลังทั้งหมดจากสมบัติวิญญาณธรรมชาติอีกชิ้นเพื่อนำมาเสริมแกร่งตนเอง!
ทั้งหมดนี้มาจากการตัดสินใจเฉินซี
ไม่ต่างจากระฆังวิเวกโลหิตศักดิ์สิทธิ์และง้าวโลกา หอกทองคำย่ำสยบเองก็ไม่ค่อยมีประโยชน์กับเขาเท่าไหร่ มีไว้ก็ไม่ได้ใช้อะไร ดังนั้นเอามันมากลั่นให้ยันต์ศัสตราดูดพลังยังดีกว่า
แต่หากเป็นในสายตาคนอื่น การกระทำเช่นนี้คงเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่ง แต่เฉินซีไตร่ตรองจนถี่ถ้วนแล้วถึงได้ลงมือทำเช่นนี้
ตอนนี้ต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล แต่ก็อยู่เพียงขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลเท่านั้น สูงขึ้นไปกว่านั้นยังมีจักรพรรดิและมหาเทพเต๋าอยู่อีก
เฉินซีกำลังคิดฉวยโอกาสนี้ทะลวงขอบเขตมหาราชเทวาเพื่อเพิ่มพลังให้ยันต์ศัสตรา เช่นนี้ถึงเขาขึ้นขอบเขตมหาราชเทวาไป อำนาจของยันต์ศัสตราก็คงมากพอจะดึงพลังต่อสู้ทั้งหมดออกมาได้
ขอบเขตมหาราชเทวายังอยู่อีกไกลหรือไม่?
ไม่อีกต่อไปแล้ว!
เฉินซีนั้นขึ้นสู่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นสมบูรณ์ หากไม่ใช่เพราะต้องเข้าแดนรวนเรลืมเลือนเสาะหาสมบัติและสร้างเอกภพเป็นของตนเอง พลังของเขาในตอนนี้ก็มากพอให้ปิดด่านบ่มเพาะเพื่อทะลวงสู่ขอบเขตมหาราชเทวา!
อย่างที่เขาว่า ให้ลงมือทำตอนยังมีโอกาส
ความสำเร็จทั้งหลายได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ในความคิดของเฉินซีนั้น การเอาชนะศัตรูที่อยู่ขอบเขตเดียวกันไม่นับว่าเป็นอะไร เขากลับเล็งขอบเขตมหาราชเทวามานานมากแล้ว
จักรพรรดิเป็นเทพในหมู่ทวยเทพด้วยกัน ปกครองเหนือเอกภพทั้งหลายภายในแดนเทพโบราณ!
ตัวตนในระดับนั้นล้วนเป็นเจ้าครองแดนที่ยืนอยู่เหนือคนทั้งแดนเทพโบราณ มีอำนาจสั่งการสูง ได้รับความเคารพจากคนทั้งหลาย ทั้งยังมีความแกร่งและอิทธิพลมากมาย
ในความคิดเฉินซี แค่ได้เป็นจักรพรรดิก็ยังไม่พอ เพราะยังมีสิ่งที่เรียกว่าจ้าวเอกภพในหมู่จักรพรรดิอยู่อีก!
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...