เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1904

บทที่ 1904 เทียบได้กับจักรพรรดิ

………………..

บทที่ 1904 เทียบได้กับจักรพรรดิ

เทพอสูรโดยกำเนิด!

แม้แต่เฉินซีก็ใจสั่นไหวเมื่อได้ยินชื่อนี้

นี่คือสิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดในความโกลาหลเมื่อครั้งที่โลกก่อตัวขึ้น และทันทีที่มันเกิดขึ้น มันก็ครอบครองอิทธิฤทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการควบคุมน้ำ ไฟ และสายฟ้า ทั้งยังสามารถเผาผลาญภูเขา หรือทำให้ทะเลเดือด มีฤทธิ์เดชมหาศาล

ยิ่งไปกว่านั้น ยุคบรรพกาลอาจกล่าวได้ว่าเป็นของเทพอสูรโดยกำเนิดอย่างแน่นอน!

เพราะสิ่งมีชีวิตดังกล่าวสามารถเกิดใหม่ได้ด้วยเลือดเพียงหยดเดียว และตราบใดที่จิตสำนึกของพวกมันยังคงอยู่ จิตวิญญาณจะคงอยู่ไปชั่วนิรันดร์ นอกจากนี้ ร่างกายของพวกมันยังบรรจุไปด้วยพลังงานธรรมชาติ ดังนั้นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฆ่าพวกมันได้

ตลอดกาลเวลาอันไร้ขอบเขตนี้ มีข่าวลือมากมายที่เกี่ยวข้องกับเทพอสูรโดยกำเนิด ทั้งยังมีบุคคลพิเศษที่สะท้านใต้หล้าปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน เช่น บรรพบุรุษของตระกูลโย่วเฉา ปรมาจารย์ของตำหนักเต๋าหนี่หวา ปรมาจารย์ของยุคหมานกู่ บรรพชนจ้าววิญญาณผู้ยิ่งใหญ่สิบคนแห่งยุคบรรพกาล….

นับตั้งแต่มาจวบจนบัดนี้ เฉินซีเคยได้ยินตำนานเช่นนี้มากมาย แต่ไม่เคยเห็นเทพอสูรโดยกำเนิดที่แท้จริง ซึ่งถือกำเนิดจากภายในความโกลาหล

ดังนั้นเมื่อได้เห็นซากศพของเทพอสูรโดยกำเนิดที่ตั้งตระหง่านขึ้นไปบนท้องฟ้า เฉินซีจึงรู้สึกตกตะลึงอย่างเลี่ยงไม่ได้

อันที่จริง สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้จะมาสิ้นชีพที่นี่ได้อย่างไร? ซึ่งแม้แต่ก็ศพก็ไม่ถูกกลบฝัง ทั้งยังต้องยืนทอดกายอยู่บนผืนดินไปชั่วนิรันดร์!

มันเข้ามาในสถานที่แห่งนี้เหมือนกับที่จ้าวเต๋าคุนเผิงเคยทำเมื่อหลายปีก่อน แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหลบหนี และต้องตกตายลงที่นี่?

หวด!

ความว่างเปล่าผันผวน เมื่อศพของเทพอสูรโดยกำเนิดที่ลอยอยู่ในระยะไกล เริ่มเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ แม้ว่ามันจะไม่มีร่องรอยของพลังชีวิต แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้นก็น่าพรั่นพรึง

มันเหมือนกับว่าอันตรายที่น่ากลัวอย่างยิ่งถูกซ่อนอยู่ภายในซากศพนั่น

“ถอยเร็วเข้า!” เฉินซีขมวดคิ้วพลางจดจ้องไปยังซากศพที่กำลังเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ และฉับพลันนั้นความหนาวเย็นก็ก่อตัวขึ้นในใจอย่างห้ามไม่ได้

เขานำกู่เยี่ยนทะยานหลบไปด้านข้าง โดยตั้งใจจะอ้อมซากศพประหลาดนี้

ถึงอย่างไร นี่คือแดนรวนเรลืมเลือน สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายอันไร้ขอบเขตและความหวาดกลัวที่ไม่อาจระบุได้ ดังนั้นเฉินซีจึงไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่น้อย

โอม! โอม!

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ทั้งสองคนจะเคลื่อนตัวไปรอบ ๆ มันได้ กระแสเกลียวคลื่นอันหนาวเย็นก็ก่อเกิดจากซากศพ และพัดพาออกไปราวกับระลอกคลื่นที่กลืนกินฟ้าดิน!

โครม!

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เกราะทองสัมฤทธิ์ที่แตกหักซึ่งปกคลุมศพของเทพอสูรได้ระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ ก่อนที่ร่างสีดำสนิทที่ดูเหมือนตั๊กแตนกลุ่มหนึ่งจะพุ่งออกมาจากภายในศพ ปกคลุมท้องฟ้าและผืนดินราวกับเมฆดำ

พวกมันได้ปิดกั้นเส้นทางของเฉินซีและกู่เยี่ยนโดยสมบูรณ์!

นี่มันอะไรกัน?

หัวใจของเฉินซีสั่นสะท้าน เมื่อเห็นว่าร่างสีดำสนิทเหล่านั้นคือตัวต่อ!

ตัวต่อเหล่านี้มีขนาดเล็กดุจเมล็ดข้าว เมื่อพินิจดี ๆ แล้วจะเห็นว่าพวกมันมีรูปโฉมงดงามและเยือกเย็น ดวงตาสีแดงเลือดสุกใส ใบหน้าซีดขาว และปีกสีดำสนิทที่ดูเหมือนโปร่งแสงคู่หนึ่ง

โดยรวมแล้ว มันดูสวยงาม แปลกตา และน่ากลัว

แม้พวกมันจะตัวเล็ก แต่กลับบินได้เร็วปานสายฟ้า และเคลื่อนที่ผ่านอวกาศได้ นอกจากนี้ร่างกายของพวกมันยังแผ่กลิ่นอายที่กระหายเลือดและเยือกเย็น

ตัวต่อเหล่านี้คืออะไรกัน?

ในใจของเฉินซีเริ่มระมัดระวังมากขึ้น แม้พวกมันจะมีขนาดเท่าเมล็ดข้าว แต่เมื่อรวมตัวกันแล้วกลับกลายเป็นเหมือนฝูงตั๊กแตน ก่อตัวเป็นกลุ่มหนาแน่นหลายพันตัว และกลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้นช่างน่ากลัวจนเฉินซีรู้สึกหนาวสั่นไปตามกระดูกสันหลัง

“รีบออกจากที่นี่! เร็วเข้า!” แม้จะดูเหมือนใช้เวลานานในการอธิบาย แต่ทุกสิ่งก็เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ความคิดเหล่านี้แวบขึ้นมาในใจเฉินซี ก่อนที่จะเปลี่ยนทิศทางเพื่อนำกู่เยี่ยนหลบหนีไปตามสัญชาตญาณ และพุ่งปราดในยังทิศทางที่พวกเขามา

แต่เพียงชั่วครู่หนึ่ง เฉินซีก็ต้องหยุดลงอีกครั้ง ใบหน้าดูเคร่งเครียดสุดแสน

เพราะจู่ ๆ ศพขนาดมหึมาของเทพอสูรโดยกำเนิดก็ปรากฏตัวขึ้นในอากาศด้านหลังเขา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ศพนี้จะต้องมีตัวต่อจำนวนมากซ่อนอยู่ภายในเช่นกัน!

“ท่านอาจารย์อา ดูเหมือนว่าพวกเราจะถูกปิดล้อมแล้ว” กู่เยี่ยนมีท่าทางเคร่งเครียด ขณะชักกระบี่วิเศษยาวกว่าสี่ฉื่อและเต็มไปด้วยแสงดาวออกมา

“ดูท่าพวกเราคงทำได้เพียงแต่มุ่งไปข้างหน้า และเข่นฆ่าเพื่อเปิดทางหลบหนีเท่านั้น!” เฉินซีหายใจเข้าลึก และชักยันต์ศัสตราออกมา ดวงตาของเขาทอประกายเยียบเย็นและพลุ่งพล่านด้วยจิตสังหารอันท่วมท้น

“บุก!” ท่ามกลางเสียงตะโกนลั่น ผมสีดำหนาทึบของเฉินซีปลิวไสว ยันต์ศัสตราในมือกลายเป็นลำแสงที่เจิดจ้าซึ่งฟันผ่าท้องฟ้า ดูเหมือนลำแสงที่สามารถทะลวงตะวันได้ และยังเปล่งอานุภาพอันร้ายกาจไม่มีใครเทียบได้

ครืน!

ทันใดนั้น ตัวต่อกลุ่มแรกที่พุ่งเข้ามาก็ถูกปกคลุมไปด้วยปราณกระบี่นี้ และพวกมันถูกสะบั้นออกจากกันจนกลายเป็นหมอกเลือด

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เฉินซีจะทันได้ยินดี หมอกเลือดก็มาบรรจบกันอีกครั้ง และควบแน่นเป็นฝูงต่อจำนวนมหาศาล!

ด้วยการบ่มเพาะเต๋าแห่งกระบี่ของเฉินซีในปัจจุบัน เขากลับไม่สามารถปลิดชีพพวกมันทั้งหมดได้จริง ๆ!

ดวงตาของเฉินซีอดไม่ได้ที่จะหรี่ลงเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้

เขามั่นใจว่า ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่ตัวต่อเหล่านั้นทุกตัวครอบครอง ล้วนเทียบได้กับบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นต้น และการจัดการกับคู่ต่อสู้ดังกล่าวก็ง่าย ๆ พอกับเป่าฝุ่นสำหรับเฉินซี

ก่อนหน้านี้ สาเหตุที่แท้จริงของความกลัวของเขา ก็เป็นเพราะตัวต่อเหล่านี้มีจำนวนมากมายมหาศาล จนสามารถก่อตัวเป็นเงาดำหนาทึบบดบังฟ้าดิน และพุ่งเข้ามาดุจกระแสน้ำ ยิ่งกว่านั้น พวกมันยังทยอยออกมาจากภายในซากศพราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

แม้จะเป็นแค่จักรพรรดิสามดารา แต่ด้วยพลังฝีมือในตอนนี้ เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน!

โครม!

ในช่วงคับขันนี้ เฉินซีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบ และพากู่เยี่ยนพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด ถึงขั้นเกือบจะไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้

อย่างไรก็ตาม สายฟ้าสีเลือดได้ระเบิดผืนดินจนแยกออกเป็นเหวลึกที่ทอดยาวถึงสองพันห้าร้อยลี้ ทั้งยังไม่อาจเห็นก้นบึ้งของมันได้!

สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผลที่ตามมาจะรุนแรงเพียงใด หากสายฟ้าสีแดงเลือดโจมตีถูกเฉินซีและกู่เยี่ยนตรง ๆ

โครม!

เมื่อการโจมตีนี้พลาดเป้า ซากศพก็คำรามเสียงดังลั่น จากนั้นสายฟ้าสีแดงเลือดก็พุ่งออกมาจากปากเปื้อนเลือดของมัน ฟาดลงมาพร้อมกับเสียงกัมปนาท

ในเวลาเดียวกัน มันเหยียดแขนออก ทำให้เกิดตาข่ายสายฟ้าสีแดงขนาดใหญ่ระหว่างมือของมัน มันกว้างใหญ่ปกคลุมฟ้าดิน ราวกับหมายมั่นที่จะจับเฉินซีและกู่เยี่ยนให้จงได้

ศพนี้สูงตระหง่านดุจขุนเขา จนเฉินซีและกู่เยี่ยนเป็นเหมือนมดเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน ยิ่งกว่านั้น พลังโจมตียังน่ากลัวถึงขีดสุด สายฟ้าสีแดงเลือดปกคลุมทั้งฟ้าดิน ย้อมโลกทั้งใบให้เป็นสีแดงฉาน!

“ไปกันเถอะ!” ทันใดนั้น เฉินซีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบเลี่ยง และพุ่งปราดไปอีกด้านหนึ่งพร้อมกับกู่เยี่ยน

โครม!

แต่ในขณะนี้ ซากสังขารที่อยู่ข้างหลังก็ส่งเสียงคำรามลั่นพร้อมกับลุกขึ้นยืนอีกครั้ง พร้อมกับปิดกั้นเส้นทางล่าถอยของพวกเขาร่วมกับอีกซากหนึ่ง

สถานการณ์คับขันยิ่ง!

ในขณะนี้ เฉินซีและกู่เยี่ยนเป็นเหมือนแมลงที่ติดอยู่ในตาข่ายขนาดใหญ่ และกำลังเผชิญหน้ากับซากสังขารของเทพอสูรสองตนที่เทียบได้กับจักรพรรดิสามดารา ดังนั้นพวกเขาจึงดูตัวเล็กและไร้พลังอย่างถึงที่สุด

ไหนเลยเฉินซีจะคาดคิดว่าไม่ใช่แค่สภาพแวดล้อมภายในแดนรวนเรลืมเลือนเท่านั้นที่อันตราย แม้แต่การต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่นี่ก็ยังน่ากลัวยิ่ง

มันเทียบได้กับจักรพรรดิสามดารา!

ไม่ต้องกล่าวถึงบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล แม้แต่จักรพรรดิธรรมดาก็จนปัญญาเมื่อต่อสู้กับมัน!

อย่างไรก็ตาม นี่คือแดนรวนเรลืมเลือน มันเปี่ยมไปด้วยอันตราย เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ และมีอันตรายที่ไม่อาจจินตนาการซุกซ่อนอยู่ภายในนั้น! มิฉะนั้นมันคงไม่อาจกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามมาตลอดยุคสมัย

“หลังจากนี้ข้าจะระเบิดสมบัติวิญญาณธรรมชาติ เพื่อให้เรามีโอกาสหลบหนีไปสู่ที่ปลอดภัย กู่เยี่ยน เจ้าต้องติดตามข้าอย่างใกล้ชิด” ในช่วงเวลาที่อันตรายอย่างยิ่งนี้ เฉินซีหายใจเข้าลึก ขณะความเด็ดเดี่ยวฉายแวบในดวงตา และกล่าวกับกู่เยี่ยนผ่านการกระแสปราณอย่างรวดเร็ว

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาได้ทำได้แค่ลองใช้วิธีดังกล่าว เพื่อฝ่าออกไปให้ได้!

ทว่าก่อนที่เฉินซีจะกระทำการใด ๆ เสียงอันไพเราะ และอ่อนโยนก็ดังก้องข้างหูฉับพลัน “คุณชาย คุณชาย! รีบปล่อยอาเหลียงออกไปเร็ว!”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]