บทที่ 1906 ถอดรหัส
………………..
บทที่ 1906 ถอดรหัส
กฎแห่งเต๋าสวรรค์ในแดนรวนเรลืมเลือนนั้นย่อมแตกต่าง มันมีกลิ่นอายแปลกประหลาด ลึกลับ ไม่คุ้นตาอยู่ แตกต่างจากแดนเทพโบราณมาก
เพื่อความสามารถในปัจจุบันของเฉินซียังยากที่จะล่วงรู้เหตุผลเบื้องลึกเบื้องหลังได้
“คุณชายไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไป สมบัติทั้งสองชิ้นของอาเหลียงสามารถต้านสิ่งมีชีวิตที่นี่ได้หลายอย่าง สามารถช่วยเหลือคุณชายรับมืออันตรายได้มาก” เมื่อเห็นว่าเฉินซียืนคิดอยู่นาน อาเหลียงจึงพยายามปลอบ
เฉินซีหัวเราะกล่าวว่า “เช่นนั้นคงต้องรบกวนอาเหลียงแล้ว”
อาเหลียงกำหมัดน้อยแน่นแล้วพยักหน้าแข็งขัน “คุณชายไม่ต้องห่วง มีอาเหลียงอยู่ข้างกาย ไม่มีใครกล้ารังแกคุณชายแน่”
เฉินซีได้ยินของความมั่นใจในน้ำเสียงของอาเหลียงแล้วก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจ สาวน้อยคนนี้น่าเอ็นดูเสียจริง
“ใช่แล้ว อาเหลียง เจ้ารู้จักอักขระที่เขียนไว้บนหนังอสูรทั้งห้าชิ้นนี้หรือไม่?” ทันใดนั้นเฉินซีก็นึกอะไรออก จากนั้นหยิบแผนที่ลับทั้งห้าชิ้นออกมา ถึงแม้เขาจะได้มันมาจากห้ากองกำลังสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ แต่เจ้าของที่แท้จริงก็คือจ้าวเต๋าคุนเผิง
ซึ่งอาเหลียงนั้นมาจากเผ่าจุลบรรพกาล มีความใกล้ชิดกับจ้าวเต๋าคุนเผิงอย่างมาก!
อาเหลียงชะงักไป นางแวบร่างมาตรงหน้าเฉินซี จากนั้นนัยน์ตาสีดำสนิทก็มองแผนที่เหล่านั้นอย่างพินิจพิเคราะห์
“เอ๋!” มองปราดเดียว อาเหลียงก็เอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “คุณชายไปเอาหนังอสูรเหล่านี้มาจากไหนหรือ?”
นางอาจจะอ่านได้ก็ได้! ดูจากการตอบสนองอาเหลียงแล้ว เฉินซีจึงมีกำลังใจยิ่งขึ้น รีบบอกที่มาของหนังอสูรเหล่านี้ทันที
อาเหลียงจึงเข้าใจแล้วกล่าวว่า “ไม่แปลกใจเลย มีเพียงจ้าวเต๋าคุนเผิงเท่านั้นที่เข้าใจ ‘อักขระลายเมฆาโบราณ’ ที่สืบทอดกันมาในราชวงศ์เผ่าจุลบรรพกาลของข้าได้”
ในจังหวะนั้น เฉินซีก็ใจเย็นไม่อยู่ เขาเอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เจ้าจะบอกว่าอักขระที่อยู่บนหนังอสูรเหล่านี้เป็นอักขระของเผ่าจุลบรรพกาลของเจ้างั้นหรือ?”
อาเหลียงพยักหน้า “ใช่แล้ว แต่มีเพียงทายาทราชวงศ์เผ่าจุลบรรพกาลเท่านั้นถึงจะอ่านออก”
เฉินซีตาเป็นประกาย “เช่นนั้นเจ้าก็อ่านได้งั้นหรือ?”
อาเหลียงพยักหน้าอีกครั้ง แต่คิ้วงามพลันขมวดแน่น นางครุ่นคิดอยู่นานก่อนเอ่ย “แต่หนังอสูรชิ้นนี้เสียหายมากเกินไป ตัวอักษรหลายส่วนไม่สมบูรณ์ ข้าอ่านออกมาเป็นคำได้ แต่ไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไร”
เฉินซีจึงเลิกคิ้วขึ้น “อาเหลียง อ่านเท่าที่อ่านได้ก่อนเถอะ”
อาเหลียงชี้ไปที่หนังอสูรชิ้นหนึ่ง “นี่คือสามตัวอักษรจากอักขระลายเมฆาโบราณ คือตัว ‘太’ ‘纪’ และ ‘坛’
จากนั้นก็ชี้ไปที่หนังอสูรอีกสี่ชิ้นแล้วบอกเฉินซีว่ามีอะไรเขียนอยู่บนนั้นบ้าง
หนังอสูรชิ้นที่สองมีตัว ‘道’ และ ‘极’ เขียนเอาไว้
หนังอสูรชิ้นที่สามมีตัว ‘神’ ‘主’ และ ‘元’ เขียนเอาไว้
หนังอสูรชิ้นที่สี่มีตัว ‘无’ ‘上’ ‘而’ และ ‘空’ เขียนเอาไว้
หนังอสูรชิ้นที่สองมีตัว ‘真’ ‘无’ ‘而’ ‘无’ และ ‘上’ เขียนเอาไว้
ตัวอักษรเหล่านี้ไม่ได้เรียงกันเป็นระบบ ถึงจะรู้จัก แต่ก็ไม่อาจได้ใจความอะไรจากมันได้เลย
เฉินซีพยายามจัดมันใหม่อยู่หลายรอบ แต่สุดท้ายก็ยังมีข้อมูลน้อยเกินไป อย่างไรนี่ก็เป็นแผนที่ที่ยังไม่สมบูรณ์ ข้อมูลภายในจึงไร้ระเบียบไร้ความสมบูรณ์ตามไปด้วย
ก็มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่? เป็นชื่อสถานที่ลับหรือเป็นข้อมูลเกี่ยวกับความลับของมหาวิถีแห่งเต๋ากันแน่นะ? เฉินซีตกอยู่ในภวังค์ความคิด
พออาเหลียงกับกู่เยี่ยนเห็นดังนั้นจึงหยุดพูดคุยเพื่อไม่เป็นการรบกวนเฉินซี
เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่อาจรู้ได้ เฉินซีก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา รู้สึกว่าเหมือนเคยเห็นภาพนี้มาก่อน….
หืม? ทันใดนั้น เฉินซีก็จำได้ว่าเขาเคยเห็นตัวอักษรลึกลับมาตอนได้ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากมา พวกมันเองก็ไม่สมบูรณ์เรียงกันไม่เป็นระบบเช่นกัน
แต่มันมีตัว ‘帝’ กับ ‘域’ ที่เป็นตัวแทนเอกภพจักรวรรดิอยู่ เฉินซีจึงเดินทางมายังเอกภพจักรวรรดิ
แล้วก็เพราะตัวอักษรเหล่านี้ที่ทำให้เขามายังซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ และได้เบาะแสเกี่ยวกับแผนภาพวารีหลากมาหลายอย่าง
จนถึงตอนนี้ เฉินซียังจำได้ว่าตัวอักษรบนชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากคือ ‘荒’ ‘墟’ ‘神’ ‘古’ ‘帝’ ‘域’ ‘纪’ ’ 主’ ‘极’ และ ‘元’
ในหมู่ตัวอักษรเหล่านี้ ตัว ‘帝’ กับ ‘域’ แทนเอกภพจักรวรรดิภายในแดนเทพโบราณ
ตัว ‘荒’ ‘墟’ และ ‘古’ เกี่ยวข้องกับซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ แล้วก็เป็นเพราะเบาะแสจึงทำให้เฉินซีรู้ว่าเจ้าแห่งยุคหมานกู่ เซวียน เป็นผู้รู้แจ้งแผนภาพวารีหลากคนที่เจ็ด
นอกจากตัวอักษรทั้งห้าตัวที่เขารู้จักนี้แล้ว ยังมีตัว ‘神’ ‘纪’ ’ 主’ ‘极’ และ ‘元’ ที่เฉินซียังตีความไม่ออก
แต่ตอนนี้พอเขาลองเอาพวกมันมารวมกัน เฉินซีก็พบกับเรื่องน่าประหลาดใจยิ่ง!
ท่ามกลางตัวอักษรที่อยู่บนหนังอสูรทั้งหลาย ยังมีตัว ‘神’ ‘纪’ ’ 主’ ‘极’ และ ‘元’ อยู่ด้วยเช่นกัน!
หรือก็คือตัวอักษรที่เขาถอดความไม่ออกบนชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากนั้นอยู่บนหนังอสูรเช่นกัน!
มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือ?
พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไป เวลาผ่านไปกว่าสิบวันโดยที่พวกเขาไม่ทันรู้ตัว
ในระหว่างนี้ พวกเขาทั้งสามคนพบอันตรายมากมายหลากหลายอย่าง มีหลายครั้งที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดด้วยซ้ำ!
เป็นเพราะสภาพแวดล้อมภายในแดนรวนเรลืมเลือนนั้นอันตรายเป็นอย่างยิ่ง มีทั้งฟ้าผ่า ลมพายุ ภูเขาไฟระเบิด รอยแยกมิติ พลังดาราจักร หอกโลหิต และสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดและอันตรายทั้งหลายมากมายอยู่…. นับกันไม่ไหวเลยทีเดียว
หากไม่ได้กลองตะบันเทพกับไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ของอาเหลียงที่คอยรับมือกับพวกสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น เฉินซีก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสามารถอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงตอนนี้ได้หรือไม่
แต่ทุกสิ่งที่พบเจอมาระหว่างทางก็ทำให้เฉินซีเข้าใจได้ลึกซึ้ง เขาโชคดียิ่งนักที่พาอาเหลียงเดินทางมาด้วยในครั้งนี้
ถึงแม้องค์หญิงเผ่าจุลบรรพกาลจะอยู่เพียงขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นต้น แต่สมบัติสองชิ้นที่นางได้รับตกทอดมาจากบรรพบุรุษก็แข็งแกร่งมากทีเดียว
ไม่แปลกเลยที่จ้าวเต๋าคุนเผิงพาบรรพบุรุษเผ่าจุลบรรพกาลเข้าแดนรวนเรลืมเลือนไปตอนนั้นด้วย
ในวันที่สิบสาม
ตู้ม!
เสียงสนั่นโลกาดังขึ้นพร้อมกับเปลวไฟสีขาวบริสุทธิ์ลุกโหมราวกับคลื่นสมุทร สิ่งมีชีวิตตัวสูงดูแปลกประหลาด หน้าตาโหดเหี้ยม ส่งเสียงร้องโหยหวน ดิ้นอยู่ในเปลวเพลิงนั้นจนมอดไหม้ไปไม่เหลือสิ่งใดอีก
“โชคดีที่ยักษ์เนตรโลหิตตัวนี้ไม่ค่อยเฉลียวฉลาด รู้จักใช้แต่กำลัง ไม่เช่นนั้นคงสังหารได้ยากกว่านี้” อาเหลียงถอนหายใจโล่งอก ใบหน้างามดูผ่อนคลายยิ่งขึ้น
ยักษ์เนตรโลหิตเป็นสิ่งมีชีวิตน่าเกรงขามประเภทหนึ่งในแดนรวนเรลืมเลือน อาศัยอยู่ในลมพายุ เกิดมาพร้อมพละกำลังมหาศาลที่สามารถเคลื่อนขุนเขาถมมหาสมุทรได้ แกร่งถึงขั้นเทียบพลังได้กับจักรพรรดิเลยทีเดียว!
แต่สุดท้ายยักษ์เนตรโลหิตก็ต้องตกตายไปด้วยน้ำมือแม่นางขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นต้นอย่างอาเหลียง
แสดงให้เห็นว่าทุกสิ่งอย่างย่อมมีสิ่งที่แพ้ทางกัน
อีกทั้งที่ยังไม่ใช่สิ่งมีชีวิตตัวแรกที่อาเหลียงสังหารไปด้วย ในช่วงสิบวันที่ผ่านมานี้ อย่างน้อยก็มีสิ่งมีชีวิตแปดตัวที่สามารถเทียบพลังได้กับยักษ์เนตรโลหิต แต่กลับต้องถูกสังหารด้วยน้ำมืออาเหลียง ช่วยแบ่งเบาภาระรับมือให้เฉินซีได้มากทีเดียว
ครืน!
แต่ในจังหวะที่พวกเฉินซีกำลังจะออกไปนั้น ก็มีดาราจักรดวงหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปโพ้นพลันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
จากนั้นพวกมันก็ร่วงลงมา กลายเป็นลูกเพลิงร่วงจากฟ้า ส่องแสงสว่างไปทั่วทั้งบริเวณ
“มีคนกำลังต่อสู้อยู่ตรงนั้น!” กู่เยี่ยนหรี่ตาลง นัยน์ตาเผยแววเยือกเย็น
“ถูกต้องแล้ว หากเดาไม่ผิด เอกภพที่ก่อร่างขึ้นมาคงจะหลบซ่อนอยู่ที่นั่น ไม่แน่ว่าคงต่อสู้แย่งชิงมันกันอยู่เป็นแน่!” เฉินซีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ นับว่าเขามีสัมผัสขั้นสูงมาก แม้เรื่องจะเกิดขึ้นห่างไกลออกไป แต่เขาก็ยังจับกระแสพลังอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นพลังของเอกภพที่อยู่ตรงนั้นได้!
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...