เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1907

บทที่ 1907 กลืนกินโลหิตเทวา

………………..

บทที่ 1907 กลืนกินโลหิตเทวา

เหนือแดนรวนเรลืมเลือนนั้นไร้ซึ่งผืนฟ้า เป็นเพียงดินแดนแห่งหมู่ดาราที่กว้างไกลไร้ขอบเขต

กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผู้เยี่ยมยุทธ์จะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระผ่านท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดวงดาวเหล่านี้

เหตุผลนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นดินเบื้องล่าง ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในแดนรวนเรลืมเลือนอันตรายและน่ากลัวยิ่งกว่า!

เมื่อผู้เยี่ยมยุทธ์เข้าไปในนั้น พวกเขาไม่เพียงจะต้องเผชิญกับวังวนโคจรของดาวเคราะห์และหมู่ดาวฤกษ์ก่อกำเนิดใหม่เท่านั้น อาจยังถูกดูดกลืนเข้าไปในหลุมดำและประสบกับความวินาศ

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในแดนรวนเรลืมเลือนนั้นอยู่ในสภาพยากจะคาดเดาอย่างยิ่ง ทำให้มันง่ายมากที่จะหลงทางและไม่อาจหาทางออกได้ไปตลอดกาล!

แน่นอน ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับเอกภพที่ไม่ได้เกิดก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง

ในทางกลับกัน เนื่องจากเอกภพที่ก่อตัวเป็นรูปร่างแล้วนั้นมีม่านพลังที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง จึงทำให้การกระจายตัวของพวกมันมีความชัดเจนและเป็นระเบียบ ดาราจักรทั้งหลายภายในเอกภพมีเสถียรภาพ ดังนั้นแม้ว่าผู้เยี่ยมยุทธ์จะยังคงต้องเผชิญกับอันตรายในขณะที่อยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ทว่าระดับของอันตรายก็ลดลงอย่างมากจนใกล้เคียงกับการเดินทางบนพื้นดิน

ด้วยเหตุนี้ จนกว่ากลุ่มของเฉินซีจะพบเอกภพที่ก่อตัวเป็นรูปร่าง พวกเขาสามารถเดินทางได้เฉพาะบนพื้นดินเท่านั้น

“ไปดูกันเถอะ” เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นว่ามีเอกภพที่ก่อตัวเป็นรูปร่างอยู่ห่างไกลออกไป และมีแนวโน้มว่าจะมีการสู้รบเกิดขึ้นที่นั่น เฉินซีก็ครุ่นคิดลึกซึ้งครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจ

ไม่ว่ามิตรหรือศัตรู เขาต้องคว้าโอกาสนี้เพื่อที่จะได้รู้ว่าเอกภพก่อตัวขึ้นอย่างไร และการดำรงอยู่ของแก่นสสารเอกภพนั้นเป็นแบบใด

สิ่งนี้จะมีความสำคัญต่อการค้นหาของเฉินซีในภายหน้า

“อาจารย์อา หากเป็นศัตรู เราควรลงมือหรือไม่?” กู่เยี่ยนเอ่ยทั้งสายตาเย็นชาล้ำลึก

“ดูสถานการณ์ไปก่อน” ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง “หากมีโอกาส ก็ไม่ควรทิ้งความพยายามในการขัดเกลาและดูดซับพลังเอกภพของที่นั่น”

ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!

พวกเขาเคลื่อนที่ออกไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวโดยไม่รอช้า

“ไม่นะ!!!” จ้าวชิงเหยาสีหน้าซีดเซียว เสียงกรีดร้องของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้าระคนโกรธแค้น รูปร่างเพรียวบางอ้อนแอ้นสั่นเทาจากโทสะ

ศิษย์จากวังวิหคอมตะผู้นี้ไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป!

โครม!

ก่อนที่เสียงร้องของนางจะหยุดลง หวังจงก็ทำการโจมตี ศีรษะเปื้อนเลือดกระเด็นขึ้นไปในอากาศ ดวงตาคู่นั้นเบิกโพลงด้วยความโกรธเกรี้ยว ร่องรอยแห่งความไม่เต็มใจและความเกลียดชังประทับบนใบหน้าที่แยกหลุดจากร่าง

เพียงชั่วพริบตา ศีรษะนี้ก็ระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ

สิ่งที่น่ากลัวก็คือหวังจงคว้าร่างไร้หัวเอาไว้ ก่อนจะเริ่มดูดเลือดที่ไหลออกมาจากคออย่างคนกระหาย

เขาในยามนี้ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่าที่กำลังสูบกลืนเลือดเนื้อของเหยื่อตัวจ้อย!

“โอ้ นานแค่ไหนแล้วนะที่ข้าไม่ได้ลิ้มรสเลือดของยอดบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล? ช่างเป็นรสชาติที่ชวนให้คิดถึงจริง ๆ” หลังจากนั้นไม่นาน หวังจงเงยหน้าขึ้นและถอนหายใจอย่างอารมณ์ดีผ่านมุมปากที่ชุ่มไปด้วยเลือด รูปลักษณ์ที่สะคราญโฉมดูแปลกตา ลึกลับ และน่าประหวั่นขึ้นในพลัน

ด้านหนึ่ง จ้าวชิงเหยาชะงักค้างด้วยความตื่นตระหนก นัยน์ตาขยายวงกว้างเช่นเดียวกับเรือนกายสะท้านชา

ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ถูกหวังจงสังหารคือไท่ซูหง ศิษย์ของบรรพตศักดิ์สิทธิ์แห่งการรังสรรค์ เป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทานซึ่งอยู่เหนือคนอื่น ๆ ในการถกวิถีเต๋ารอบแรกเช่นเดียวกับจ้าวชิงเหยา

ทว่าตอนนี้ไท่ซูหงตายแล้ว!

เขาไม่ได้สิ้นใจจากอันตรายที่มีอยู่ในแดนรวนเรลืมเลือน แต่หากเป็นไปด้วยน้ำมือของชายที่ชื่อหวังจง!

จ้าวชิงเหยาไม่อยากจะยอมรับ

ก่อนหน้านี้ที่ไท่ซูหง หวังจง และนางต่างก็เป็นพันธมิตรที่ผนึกกำลังกัน พวกเขากำลังถกว่าใครจะขัดเกลาและดูดซับพลังแก่นแท้สสารของเอกภพนี้…

แต่ใครจะคิดว่ายังไม่ทันจะได้ข้อสรุป หวังจงก็เปิดการโจมตีอย่างรุนแรงในทันที เขาทำให้ไท่ซูหงได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวก่อนที่จะสังหารอีกฝ่ายในที่สุด!

ไม่เพียงเท่านั้น… หวังจงไม่แม้จะปล่อยศพของไท่ซู่หง เขากลืนกินเลือดจากศพนั้นจนหมด กลายเป็นภาพที่โหดร้ายและดูวิปริตยิ่ง

เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเหล่านี้นี้ทำให้จิตใจของหญิงสาวถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ

เพราะเหตุใดกัน?

ตามแผนเดิมของจ้าวชิงเหยา ในบรรดาศิษย์ทั้งสามสิบคนที่เข้ามาในแดนรวนเรลืมเลือน ยี่สิบห้าคนมาจากห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ และมีเพียงไท่ซูหง หวังจง เจียหนาน สวินจิ้นจากอารามสมถะ และนางที่มาจากห้านิกายโบราณที่แตกต่างกัน

เจียหนานเคยชินกับการทำทุกอย่างเพียงลำพัง

ส่วนสวินจิ้นนั้นหายตัวไปทันทีที่เข้าสู่แดนรวนเรลืมเลือน

เดิมทีจ้าวชิงเหยาและไท่ซูหงได้ตกลงร่วมมือกันมาก่อนหน้าแล้ว ต่อมาหวังจงได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในภายหลัง แต่ใครเลยจะคาดคิดว่าพันธมิตรที่ทรยศจะโหดเหี้ยม ไร้ความปรานี และวิปริตถึงเพียงนี้!?

บัดนี้ จ้าวชิงเหยามีเพียงความเคียดแค้น ดวงตากระจ่างวาวนั่นแทบจะลุกเป็นไฟ

“เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปนะ!” หวังจงหัวเราะเบา ๆ ร่างกะพริบพร่างขณะเริ่มโจมตีอีกครั้ง “หากข้าไม่ได้ปกปิดความสามารถบางอย่างเอาไว้ เจ้าคิดว่าในตอนที่ถกวิถีเต๋า เฉินซีเอาชนะข้าได้จริง ๆ น่ะหรือ?”

ตึง!

ไม่ทันที่หวังจงจะพูดจบ พลังจากฝ่ามือของเขาก็กลายม่านปกคลุมผืนฟ้า รัศมีเทวะสีดำพลุ่งพล่านไปทั่วบริเวณ

เพียงการโจมตีนี้ก็สามารถปิดผนึกจ้าวชิงเหยาได้อย่างสมบูรณ์ นางไม่อาจหลบหนีได้อีกต่อไป

เห็นได้ชัดว่าหวังจงตั้งใจที่จะยุติการต่อสู้อย่างรวดเร็ว

“อย่างไรเจ้าก็แพ้อยู่ดี!” จ้าวชิงเหยาคำรามคร้าม ฉับพลัน เรือนกายอ้อนแอ้นกลายร่างเป็นวิหคอมตะงดงามและสูงส่ง ขนฉาบไปด้วยเปลวไฟเจิดจ้า แม้แต่รัศมีอันสง่างามก็ทวีประกายขึ้นจนถึงขีดจำกัด

โครม!

ไม่คาด แม้นางจะหงายไพ่ตายสุดท้าย หากก็ไม่อาจเทียบได้กับความแข็งแกร่งจากฝ่ามือของหวังจงเพียงครั้งเดียว ร่างกายของนางสั่นเทา ริมฝีปากอาบท่วมไปด้วยเลือด หญิงสาวคืนร่างมนุษย์อีกครั้ง ใบหน้างดงามนั้นซีดเผือดไม่ต่างกระดาษขาว

“ให้ตายสิ! คนที่จะได้เป็นสาวใช้ของนายท่านอย่างข้าไม่ใช่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็ได้ทั้งนั้น! ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมรับเกียรติสูงส่งนี้ไว้กัน?” หวังจงระเบิดหัวเราะลั่นในขณะที่กางฝ่ามือออกไปอีกครั้ง เล็งไปทางจ้าวชิงเหยาที่อยู่ไกลออกไป

หากเขาโจมตีครั้งนี้ หญิงสาวจะสูญเสียความสามารถในการต่อสู้อย่างสิ้นเชิงและไม่สามารถหลบหนีได้

ทันใดนั้น การแสดงออกของนางก็เปลี่ยนไป ร่องรอยของความไม่ยินยอมพลุ่งพล่านออกมาจากดวงตาคู่ใส หรือว่า… วันนี้ข้าจะไม่รอดแล้วจริง ๆ?

ชิ้ง!

ทันใดนั้น เสียงกระบี่เหี้ยมเกรียมเหนือสิ่งใดกึกก้องไปทั่วฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ก้องสะท้อนไปถึงสวรรค์ทั้งเก้า

หญิงสาวสัมผัสได้ถึงคลื่นความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงในดวงตา มองเห็นได้เพียงราง ๆ ว่ามีพลังปราณกระบี่อันไพศาล แวววาวหนึ่งเฉือนลงยังร่างของหวังจง!

“เฉินซี!!!” เสียงที่โกรธจัดของหวังจงดังกังวานไปทั่วท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว “บัดซบ! ที่เจ้าชนะข้าในคราวนั้นก็เพราะข้าอ่อนข้อให้เท่านั้น คิดรึว่าข้าจะกลัวเจ้าจริง ๆ?”

ตึ้ง!

ก่อนที่เขาจะพูดจบ การต่อสู้ก็ปะทุขึ้นด้วยความเดือดพล่าน

ในที่สุด ดวงตาของจ้าวชิงเหยาก็กลับมามองเห็นได้ชัดเจน สิ่งที่นางเห็นคือหวังจงที่ถูกเฉินซีหยุดเอาไว้ และพวกเขากำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

เหตุใด… เพราะเหตุใดเขาถึงได้ช่วยเหลือข้า? จ้าวชิงเหยาตกตะลึง นางไม่เคยคิดเลยว่าเฉินซีที่นางไม่รู้จักและไม่มีสัมพันธ์ใดๆ จะกลายเป็นคนที่เข้ามาช่วงชีวิตของนางเอาไว้ เขาช่างแตกต่างจากหวังจงที่กลายมาเป็นคนทรยศนัก

นั่นทำให้อารมณ์ที่ซับซ้อนบางอย่างเกิดขึ้นในใจของนางอย่างไม่ทันตั้งตัว

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]