เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1908

บทที่ 1908 แสวงหาแก่นแท้

………………..

บทที่ 1908 แสวงหาแก่นแท้

เจตจำนงกระบี่ทะยานสู่เวหา ทะลวงผ่านท้องนภาพร่างพราว ขยี้มวลดารา เจิดจรัสรัศมีพร่างพราว

เฉินซีและหวังจงต่อสู้พัวพัน ไร้ผู้ใดออมมือ จิตสังหารพล่านพุ่ง เผยฤทธาในกำมือตนอย่างไร้ปิดบัง

ขณะนี้ เจตจำนงกระบี่แผดผลาญจากทั่วร่างของเฉินซี ทุกการเคลื่อนไหวเผยฤทธายิ่งใหญ่เหนือยุคสมัย

กล่าวตามตรง นี่คือครั้งที่สองที่เฉินซีกับหวังจงต่อสู้กัน

หนแรกคือระหว่างการถกวิถีเต๋า เฉินซีใช้กระบี่คู่เอาชนะหวังจงลงผู้ซึ่งก็ใช้กระบี่คู่ได้อย่างไม่ทันตั้งตัว

ศึกนั้นทำให้เฉินซีเข้าใจถึงอำนาจต่อสู้ของหวังจงอย่างลึกล้ำ

ทว่ายามประมือหวังจงยามนี้ เฉินซีก็สังเกตพบว่าอำนาจต่อสู้ของหวังจง ร้ายกาจกว่ากาลก่อนมาก!

ก่อนหน้านี้ จ้าวชิงเหยาก็รู้สึกเช่นกันว่าหวังจงยังคงปกปิดฝีมือบางส่วนในการถกวิถีเต๋า

ทว่าเฉินซีมิได้คิดเช่นกัน เพราะเขาสังเกตชัดเจนว่าฤทธาที่หวังจงเผยนั้นมีเค้าเชื่อมโยงกับกฎเต๋าสวรรค์ในแดนรวนเรลืมเลือนอย่างเป็นเอกลักษณ์ และเพราะการเชื่อมโยงนี้ หวังจงจึงมีอำนาจต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน!

กล่าวคือ เหตุผลที่อำนาจต่อสู้ของหวังจงในยามนี้แข็งแกร่งกว่ายามถกวิถีเต๋ามากนักนั้นเป็นเพราะเขามีเคล็ดวิชาบางอย่าง ทำให้เขาสามารถใช้อำนาจกฎเต๋าสวรรค์ส่วนหนึ่งในแดนรวนเรลืมเลือนได้

สิ่งนี้ดูเกินเข้าใจไปสักหน่อย

แม้เฉินซีจะไม่อาจคาดเดาเหตุผลแท้จริงได้ แต่เขาก็รู้สึกอย่างแรงกล้าว่าที่มาของหวังจงไม่มีทางธรรมดา และไม่มีทางเลยที่หวังจงจะเป็นศิษย์เกาะคางคกทอง!

ยิ่งเป็นเช่นนั้น เฉินซียิ่งมีเจตนาสังหารหวังจงหนักแน่นขึ้น

กาลก่อนในการถกวิถีเต๋า เขาสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังเจือจางต่อหวังจงโดยไม่อาจเข้าใจได้ นอกจากนั้น ยังสังเกตว่าหวังจงเหมือนเห็นตนเป็นเหยื่อ มีความจงเกลียดจงชังอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุนี้ แม้เขาจะไม่อาจคาดคิดถึงตัวตนแท้จริงของหวังจง เฉินซีก็ไม่มีทางแสดงความเมตตาใด ๆ

ครืน!

ศึกที่นี่ยิ่งทวีความเข้มข้น ท้องนภาพร่างพราวสั่นสะท้านสนั่นก้องเยี่ยงอัสนีเกรี้ยวกราดไปทั่วทิศทาง

ขณะนี้ หวังจงก็เปี่ยมด้วยจิตสังหารเช่นกัน เขาใช้กระบี่คู่ประชันเฉินซีอย่างสุดกำลัง ห้ำหั่นรุนแรงจนสรรพสิ่งในโลกหล้าหม่นรัศมี

“เฉินซี ที่นี่เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก!” หวังจงแผดหัวเราะอย่างเหิมเกริม ทั่วร่างปกคลุมด้วยหมอกสีดำ ดูประหนึ่งเทพมารน่าสะพรึงกลัวจากขุมนรก

กระบี่พิชิตทัณฑ์ในมือเขาเรืองแสงดำสนิทขณะจู่โจม เผยอำนาจร้ายกาจบ้าระห่ำ

“งั้นหรือ?” สายตาของเฉินซีเย็นเยียบเสียดแทง ทั่วร่างแผดพล่านด้วยปราณกดดันแห่งจักรพรรดิ ประหนึ่งอยู่เหนือสรรพสิ่งทั้งปวง

เพียงพริบตา ฤทธาก็ยิ่งทวีสูง!

วูบ!

ยันต์ศัสตราทะยานแหวกเวหา รัศมีม่วงทองเรืองรอง แผ่อักขระยันต์เจิดจรัสเกินคณานับขณะที่วาดปราณกระบี่มโหฬารเรืองฤทธิ์ พุ่งทะลวงผ่านท้องนภาพร่างพราว

ครืน!

ปราณกระบี่พลิ้วผ่านหนใด หมู่ดาวล้วนสะท้านระเบิดสู่ผุยผง ทั้งสุญตาโลกภูมิล้วนเกินหยุดยั้ง แผลงอำนาจไร้ใดเทียบเทียม!

ระหว่างศึกสุดท้ายของการถกวิถีเต๋า เฉินซีใช้อำนาจเช่นนี้เอาชนะเหลิ่งซิงหุนลงในรวดเดียว

ขณะนั้น หวังจงพินิจศึกอยู่ เขาจึงตระหนักดีว่าการโจมตีนี้น่าสะพรึงกลัวเพียงไร ไม่ว่าจะมั่นใจมากเพียงไหน สีหน้าก็ยังเปลี่ยนไปเล็กน้อย ม่านตาหดตัวอย่างช่วยไม่ได้

วูบ!

หวังจงทุ่มสุดกำลังวาดปราณกระบี่ตระหง่านฟ้า โผนเข้าปะทะการโจมตีของเฉินซี

เปรี้ยง!

เสียงปะทะสะท้านโลกา ร่างของหวังจงถูกฟาดกระเด็นไปพันจั้ง ทั่วร่างสั่นกระตุก กระอักโลหิตคำโตอย่างเกินต้าน

“แค้นนัก! เฉินซี วันที่ข้าฟื้นร่างจริงได้จะเป็นวันตายของเจ้า!” หวังจงแผดเสียง เส้นผมสยายกระเซิง ดวงตาแดงฉาน ดูเสียสติน่ากลัวยิ่ง

วูบ!

“คิดหนี? ทิ้งชีวิตไว้เสีย!” พร้อมเสียงเย็นเยียบนี้ ร่างของกู่เยี่ยนพลันพุ่งออกมาขวางทางหวังจงไว้ และพร้อมกันนั้น ปราณกระบี่อันหนักหนาก็ฟาดฟันลงใส่หวังจงอย่างรุนแรง

กู่เยี่ยนรวบรวมกำลังรออยู่นาน เร้นกายเฝ้ารอยามอีกฝ่ายถอยหนี!

เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป หวังจงจึงถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ปราณกระบี่นี้ฟาดเปรี้ยงเข้าสู่อก ฉีกเป็นแผลลึกถึงกระดูก

“สารเลว!” หวังจงแผดเสียงอย่างเจ็บปวด สีหน้าบิดเบี้ยวบ้าคลั่ง หากหลบไม่ทัน การโจมตีนี้คงได้เกี่ยวชีวิตเขาไปแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก” เฉินซีแย้มยิ้ม “ไม่กี่ปีก่อน สหายผู้หนึ่งของข้าเข้าร่วมกับวังวิหคอมตะ ดังนั้นก็ถือได้ว่าเรามีความเกี่ยวข้องกันอยู่”

“โอ้? ขอถามได้หรือไม่ว่าสหายของสหายเต๋าเฉินซีคือผู้ใด?” ดวงตาของจ้าวชิงเหยาเจิดประกาย

“จ้าวไท่ฉือ” เฉินซีตอบ จ้าวไท่ฉือเป็นศิษย์พี่หญิงคนหนึ่งในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า หลังจากนางติดตามศิษย์พี่สามของเขา เที่ยอวิ๋นไห่และคณะสู่แดนเทพโบราณ นางก็มุ่งหน้าไปบ่มเพาะที่วังวิหคอมตะด้วยความที่นางเป็นทายาทวิหคอมตะโดยแท้จริง

“ที่แท้ก็เป็นศิษย์น้องหญิงไท่ฉือ” รอยยิ้มบางพลันปรากฏที่มุมปากของจ้าวชิงเหยา เห็นได้ชัดว่านางมีสัมพันธ์อันดีกับจ้าวไท่ฉืออยู่พอตัว

เฉินซีพูดไม่ออก เขามิคาดคิดเลยว่าจ้าวไท่ฉือจะเป็นศิษย์น้องหญิงของจ้าวชิงเหยา เพราะถึงอย่างไร ลำดับอาวุโสของจ้าวไท่ฉือในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋านั้นสูงอย่างยิ่ง กระทั่งเฉินซียังต้องเรียกนางอย่างให้เกียรติว่าผู้อาวุโส

แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ลำดับอาวุโสนี้ก็แปรเปลี่ยนราวพลิกกลับด้านจากความต่างชั้นในความแข็งแกร่งและตัวตน

เฉินซีเป็นศิษย์สายตรงของเขาเทพพยากรณ์และศิษย์น้องเล็กของนายใหญ่อู๋เซวี่ยฉาน ขณะที่จ้าวไท่ฉือเป็นศิษย์น้องหญิงของจ้าวชิงเหยา….

หากว่ากันด้วยลำดับอาวุโส ยามนี้เฉินซีก็อาวุโสกว่านางมากนัก

แน่นอน ลำดับอาวุโสนั้นเคร่งครัดยิ่งในหมู่ศิษย์ร่วมสำนัก แต่ยามออกสัญจรโลกหล้า มันก็ไม่ได้มีความสำคัญเท่าไหร่

เฉินซีพลันเอ่ยถาม “แม่นางจ้าว หากไร้ธุระอื่นใด เราออกตามหาแก่นแท้เอกภพนี้ด้วยกันดีหรือไม่?”

จ้าวชิงเหยานิ่งไป คู่เนตรกระจ่างของนางคลับคล้ายเคร่งเครียดขึ้นมา

“อย่าห่วงไป ข้าแค่อยากเห็นเท่านั้นว่าแก่นแท้เอกภพหน้าตาเป็นเช่นไร จะได้เตรียมการสำหรับอนาคต” เฉินซีคลี่ยิ้มเอ่ยตอบ

“สหายเต๋าเฉินซี มิต้องทำเช่นนั้นหรอก หากมิใช่สหายเต๋าช่วยชีวิตข้าไว้ทัน ข้าก็คงเผชิญหายนะตกตายไปนานแล้ว หากจะมอบให้เจ้า ข้าก็หามีคำโอดครวญใดไม่” จ้าวชิงเหยาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ในเมื่อมันเป็นของเจ้า มันก็คือของเจ้า ไม่ต้องพูดอันใดหรอก” เฉินซีไม่ยอมฉวยโอกาสจากนาง ในเมื่อยืนยันได้แล้วว่าจ้าวชิงเหยาเป็นศิษย์พี่หญิงของจ้าวไท่ฉือ เขาย่อมไม่ทำเรื่องเช่นนั้น

นี่คือหลักการที่เฉินซียึดถืออย่างมั่นคงนับแต่เริ่มบ่มเพาะจวบยามนี้ และซื่อตรงต่อหัวใจมาตลอด

“กาลเวลาไม่คอยท่า เรื่องผิดคาดอาจเกิดได้ทุกเมื่อ เราลงมือเลยดีกว่า” อึดใจต่อมา เฉินซีก็เปลี่ยนประเด็น

เมื่อเห็นเช่นนี้ ทัศนคติของจ้าวชิงเหยาต่อเฉินซีก็ดีขึ้นอย่างสุดขั้ว นางยิ่งรู้สึกขอบคุณต่อเขา และตัดสินใจแล้วว่าภายหน้าหากมีโอกาส นางจะตอบแทนบุญคุณยิ่งใหญ่นี้แน่นอน

“มากับข้า” จ้าวชิงเหยามิได้โอ้เอ้ ชี้ไปไกลสู่ท้องนภาพร่างพราวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ก่อนหน้านี้ ข้ากับไท่ซูหงคิดไว้ว่าแก่นพลังของเอกภพนี้น่าจะซ่อนอยู่ในดาราจักรนั่น!”

“ไปกัน!” ทั้งสามไหวกายเคลื่อนย้ายมิติมุ่งตรงไปยังดาราจักร ณ ท้องนภาพร่างพราวนั้นทันที

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]