บทที่ 1910 ผลอันน่าอัศจรรย์ของอักขระผนึกเต๋า
………………..
บทที่ 1910 ผลอันน่าอัศจรรย์ของอักขระผนึกเต๋า
บรรยากาศที่นี่เงียบกริบ
การเห็นโชคลาภอันสูงสุดอยู่ตรงหน้า แต่พวกเขากลับไม่สามารถเข้าใกล้มันได้นั้น มันช่างทรมานถึงขีดสุด
“อาเหลียง เจ้าพอมีวิธีจัดการกับมันหรือไม่?” กู่เยี่ยนอดไม่ได้ที่จะถามคำถามนี้
จ้าวชิงเหยาอดไม่ได้ที่จะหันมามอง ก่อนหน้านี้จิตใจของนางปั่นป่วน ดังนั้นนางจึงไม่สังเกตเห็นการมีอยู่ของอาเหลียง ทว่าบัดนี้ ดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวของนางก็อดที่จะเพ่งความสนใจไม่ได้ เผ่าจุลบรรพกาลหรือ?
นางไม่เคยคิดเลยว่าเผ่าพันธุ์โบราณที่สูญพันธุ์ไปจากหน้าประวัติศาสตร์ จะยังมีคนเหลือรอดอยู่ในโลกนี้
“ไม่เลย” อาเหลียงส่ายศีรษะ “หากมีวิธีจัดการกับมัน มหาเทพเต๋าคุนเผิงก็คงไม่ประสบภัยพิบัติจนพินาศไป”
เมื่อนางได้ยินคำตอบนี้ เศษเสี้ยวความหวังที่ผุดในใจจ้าวชิงเหยาก็หายวับไปทันที ใบหน้าหมองลงเล็กน้อย
หรือว่าข้าจะไม่มีโอกาสได้รับพลังพลังแก่นสารของเอกภพนี้?
“บางทีเราอาจลองสำรวจและค้นหา ซึ่งเราอาจพบจุดอ่อนบางจุดที่ช่วยให้เราสามารถหลีกเลี่ยงพลังทัณฑ์สวรรค์ และเข้าใกล้มันได้” กู่เยี่ยนครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งก่อนจะกล่าวขึ้น
“ตกลง” จ้าวชิงเหยาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่นางจะตัดสินใจลองดู เพราะหากนางยอมแพ้เช่นนี้ นางจะต้องเสียใจไปตลอดกาล
“เรื่องนั้นไม่จำเป็น” ทันใดนั้น เฉินซีที่นิ่งเงียบมาจนถึงตอนนี้ก็กล่าวขึ้น เขาเพ่งสายตาไปยังระยะไกลและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าสังเกตเห็นว่า พลังทัณฑ์สวรรค์ครอบคลุมทุกตารางนิ้วของพื้นที่รอบ ๆ ไม่อาจพบจุดอ่อนใด ๆ”
เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “แม้ว่าเราจะโจมตีมัน บางทีเราอาจสามารถค้นหาจุดอ่อนบางอย่างได้ แต่มันจะสิ้นเปลืองพลังงานและเวลาไปมากอย่างแน่นอน เมื่อเราใช้เวลามากเกินไปก็อาจจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้”
คำกล่าวของเขาทำให้กู่เยี่ยนและจ้าวชิงเหยาเงียบลง ในขณะที่หัวใจรู้สึกหนักอึ้ง “ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ได้ อย่างนั้นก็ไม่ได้ แล้วเราควรทำอย่างไร?”
“เราต้องลงมืออย่างรวดเร็วที่สุด” เฉินซีมีสีหน้าเคร่งขรึม “เราไม่สามารถล่าช้าได้อีกต่อไป”
ลงมือหรือ?
เราจะลงมืออย่างไรภายใต้สถานการณ์เช่นนี้? หรือว่าเราควรเสี่ยงชีวิต?
กู่เยี่ยนและจ้าวชิงเหยารู้สึกสับสน
“แม่นางจ้าวเตรียมตัวให้ดี ข้าจะทำลายการป้องกันของพลังทัณฑ์สวรรค์ มันอาจช่วยซื้อเวลาได้สักพัก เจ้าต้องคว้าโอกาสที่ข้าสร้างไว้” ดูเหมือนเฉินซีไม่ต้องการอธิบาย และเขาก็บอกทุกคนถึงแผนการของเขาโดยตรง
“ท่านจะโจมตีพลังทัณฑ์สวรรค์หรือ? นั้นไม่ควรเด็ดขาด! จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพลังงานนั่นตีกลับ? นั่น…จะไม่หมายความว่า…” สีหน้าของกู่เยี่ยนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ยท้วงอย่างเป็นกังวล
เขาไม่เต็มใจที่จะทำให้เฉินซีตกอยู่ในอันตรายเพียงเพื่อเห็นแก่จ้าวชิงเหยา
“สหายเต๋าเฉินซี มันอันตรายเกินไป ช่างมันเถอะ” จ้าวชิงเหยาห้ามปรามเช่นกัน เฉินซีช่วยชีวิตนางไว้แล้วครั้งหนึ่ง หากต้องสละชีวิตเพื่อนางอีกครั้ง บุญคุณนี้ก็เป็นสิ่งที่นางไม่อาจแบกรับได้
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงอย่างแน่นอน” เฉินซียิ้ม จากนั้นสีหน้าของเขาก็ดูเคร่งขรึม แววตาดูลุ่มลึกและลึกซึ้ง “แม่นางจ้าวเตรียมตัว!”
โอม!
ไม่ทันสิ้นเสียง จู่ ๆ ก็มีกระแสพลังลึกลับพัดพาออกมาจากร่างเฉินซี ดุจระลอกคลื่นที่พัดกวาดออกมาร่างเงียบเชียบ
สายเกินไปแล้วที่จะหยุดเฉินซี ดังนั้นกู่เยี่ยนทำได้เพียงเฝ้าดู ในใจทั้งวิตกกังวลและกระสับกระส่าย ไม่ว่าจะเค้นความคิดเพียงไร ก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมอาจารย์อาของเขาถึงทำเช่นนี้ มันคุ้มค่าจริงหรือ?
จ้าวชิงเหยาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน อีกทั้งยังรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก บัดนี้นางเต็มใจสละชีวิตเพื่อเฉินซีด้วยซ้ำ
ทันใดนั้นเสียงการปะทะกันก็ดังขึ้น พวกเขาสังเกตเห็นความผันผวนของพลังงานที่มองไม่เห็นรอบ ๆ พลังงานแก่นสารขนาดมหึมาของเอกภพพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงและกระเพื่อมดุจคลื่นโหม
เมื่อมองจากระยะไกล มันก็เหมือนกับเรือลำเล็ก ๆ ที่พุ่งเข้าสู่ทะเลสาบอันเงียบสงบอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า และทำให้เกิดระลอกคลื่นมากมาย
เรือลำเล็กคือพลังงานที่เฉินซีปล่อยออกมา และทะเลสาบเป็นพลังทัณฑ์สวรรค์ที่ไร้ลักษณ์ ซึ่งเป็นข้อจำกัดเต๋า!
เมื่อพวกเขาเห็นเหตุการณ์นี้ หัวใจของกู่เยี่ยนและจ้าวชิงเหยาต่างสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ทั้งยังรู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย เพราะพลังทัณฑ์สวรรค์กำลังถูกสั่นคลอนโดยเฉินซี!
เขา…ทำสิ่งนี้สำเร็จได้อย่างไร?
เพราะในกาลก่อน แม้แต่มหาเทพเต๋าคุนเผิงก็ยังอับจนปัญญาต่อพลังงานเช่นนี้!
“เตรียมตัวลงมือเร็ว!” เฉินซีไม่ให้โอกาสพวกเขาได้ฟื้นจากอาการตกใจ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก สีหน้าดูเคร่งขรึมและจริงจังสุดขีด ทั้งยังปรากฏคลื่นความผันผวนแปลกประหลาดและตื่นตาในส่วนลึกของดวงตาคู่นั้น
จ้าวชิงเหยารวบรวมสติของตนทันที และละทิ้งความคิดฟุ้งซ่านในใจทั้งหมดออกไป นางไม่กล้าปล่อยให้ความคิดเตลิดอีกต่อไป
สีหน้าของนางเผยความแน่วแน่ ในขณะที่โคจรพลังในร่างกายอย่างเต็มพิกัด จนดูคล้ายกับเป็นคันธนูที่ง้างอย่างเต็มที่ สะสมพลังไว้ขณะรอการปลดปล่อย เฉินซีได้เปิดทางให้นางแล้ว ดังนั้นนางคงไม่อาจอภัยให้ตัวเองได้ หากนางไม่คว้าโอกาสนี้ไว้!
โครม
ฉับพลัน เสียงสะท้านขวัญที่บาดหูก็ดังก้องขึ้น และทันใดนั้นรอยแยกก็ถูกฉีกกระชาก พลังทัณฑ์สวรรค์ทะลักออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง
ดวงแสงแห่งความโกลาหลขนาดมหึมา พลังแก่นสารของเอกภพสถิตอยู่ที่ปลายสุดของรอยแยก!
ฟิ่ว!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ร่างของจ้าวชิงเหยาก็เปล่งประกายราวกับสายฟ้า และนางก็พุ่งเข้าไปในรอยแยกทันที
ครืน!
เมื่อรอยแยกพังทลายลง ร่างของนางก็หายวับไปจากสายตา
เพราะบริเวณโดยรอบของแก่นสารไม่ได้ถูกปกคลุมไปด้วยพลังทัณฑ์สวรรค์เท่านั้น เมื่อจ้าวชิงเหยาเริ่มสกัดและซึมซับมัน มันทำให้นางเริ่มควบคุมพลังของเอกภพนี้ และค่อย ๆ กลายเป็นเจ้าของเอกภพนี้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จะมีใครรบกวนนางได้อย่างไร?
เฉินซีถึงกลับมั่นใจด้วยซ้ำว่าเมื่อจ้าวชิงเหยาสกัดและซึมซับการประสบโชคครั้งใหญ่ของนางแล้ว นางจะบรรลุสู่ขอบเขตมหาราชเทวา และกลายเป็นจ้าวเอกภพที่แท้จริงอย่างแน่นอน
“เอาละ ออกเดินทางกันเถอะ” เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นหันหลังจากไป
ไม่อาจกล่าวว่าเขานั้นรู้สึกอิจฉาต่อโอกาสที่จ้าวชิงเหยาได้รับ ในทางกลับกัน เหตุการณ์นี้ทำให้เขาได้รับความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าแก่นสารของเอกภพนั้นคืออะไร เราควรสกัดและซึมซับมันอย่างไร และต้องเผชิญอะไรในระหว่างกระบวนการนั้น
ทั้งหมดนี้เป็นประโยชน์อย่างมากต่อก้าวต่อไปของพวกเขาหลังจากนี้
โดยเฉพาะการได้ผูกมิตรกับจ้าวชิงเหยาในครั้งนี้ และมันก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว
ถึงขนาดที่สามารถกล่าวได้ว่า จ้าวชิงเหยาจะไม่นิ่งเฉยอย่างแน่นอน หากเฉินซีประสบปัญหาใด ๆ ในอนาคต
กู่เยี่ยนไม่ได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ แม้ว่าเขาจะค่อนข้างอิจฉาจ้าวชิงเหยา แต่เขาก็ตระหนักดีว่านี้คือการตัดสินใจของอาจารย์อา ดังนั้นมันคงไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน
ฟิ่ว!
ในเวลาไม่นาน พวกเขาทั้งสามก็มุ่งหน้าสู่พื้นที่ของแดนรวนเรลืมเลือน และเริ่มค้นหาเอกภพที่ก่อตัวขึ้นต่อไป
…
ในเวลาเดียวกัน กลุ่มของเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนก็ปรากฏตัวขึ้นในจักรวาล
น่าตกใจที่แก่นสารของเอกภพลอยอยู่ข้างหน้าพวกเขาประมาณหนึ่งหมื่นห้าพันลี้!
“อย่ากังวลไปเลยพี่เหลิ่ง แม้ว่าเราไม่สามารถต้านทานพลังทัณฑ์สวรรค์ แต่เราก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วเวลาสั้น ๆ แต่ก็เพียงพอสำหรับเราที่จะพุ่งเข้าสู่แก่นสารของเอกภพนั้น” หลังจากเงียบไปนาน ตงหวงอิ่นเซวียนยิ้มเบา ๆ และกล่าวด้วยความมั่นใจ
ปุ่มที่ 4 ใน 4 ตอนถัดไป
ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น
ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า
0
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราควรแยกย้ายกันไปก่อน หากเจ้าประสบปัญหาใด ๆ ในอนาคต โปรดติดต่อเรา ตามวิธีที่เราตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้” ท่าทางของเหลิ่งซิงหุนเฉยเมย และกล่าวอย่างสบาย ๆ ก่อนที่จะนำกลุ่มนิกายอำนาจเทวะจากไป
“โชคดีที่คนผู้นี้ไม่ลืมหลักการของเขาเมื่อเผชิญกับโชคลาภ….” ตงหวงอิ่นเซวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นกลุ่มของเหลิ่งซิงหุนจากไป หลังจากนั้น สายตาของเขาจ้องมองไปยังแก่นสารในระยะไกล และความคาดหวังเสี้ยวเล็ก ๆ ที่ไม่อาจปกปิดได้ก็ผุดในหัวใจของเขา
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...