เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1912

บทที่ 1912 ชิงไหวพริบศัตรู

………………..

บทที่ 1912 ชิงไหวพริบศัตรู

ทั้งอาเหลียงกับกู่เยี่ยนหรี่ตาลง เริ่มสั่งสมกำลังไปอย่างลับ ๆ แต่ภายนอกทำทีแต่ไม่รู้อะไร

“เป็นพวกนั้นเองสินะ….” ผ่านไปไม่นาน แสงเยือกเย็นก็วาดประกายผ่านนัยน์ตาสีดำของเฉินซี

“แย่แล้ว! ไม่คิดเลยว่าพลังแก่นสสารของเอกภพแห่งนี้จะมาจากพลังทัณฑ์สวรรค์ที่ยับยั้งเต๋าไว้! เอาอย่างไรกันดี?” เฉินซีมุ่นคิ้ว เขาทำเหมือนกับว่าเพิ่งเห็นพลังทัณฑ์สวรรค์เป็นครั้งแรกและพบปัญหา

กู่เยี่ยนและอาเหลียงเข้าใจทันทีว่าเฉินซีกำลังแกล้งทำ

“อาจารย์อา ไม่ใช่แค่พลังทัณฑ์สวรรค์ที่ยับยั้งเต๋าเท่านั้น แม้จะต้องสู้ถวายชีวิตเราก็ต้องเอามันมาให้ได้!” กู่เยี่ยนกัดฟันเอ่ย สายตามองพลังที่อยู่ไกล ๆ นั่นด้วยความกระหายอยาก

“ไม่ได้!” เฉินซีใบหน้าเคร่งขรึม ดุอีกฝ่ายเสียงเข้ม “รนหาที่ตายหรือไง? มีเอกภพอยู่ตั้งหลายแห่ง แต่ละแห่งอาจจะไม่ได้มีพลังทัณฑ์สวรรค์อยู่ทุกที่ก็ได้ แต่เจ้ามีชีวิตเดียว หากเกิดเรื่องขึ้นคงรับผลไม่ไหว!”

กู่เยี่ยนเปลี่ยนสีหน้าโดยพลัน ดูเหมือนลังเลคิดอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็ถอนหายใจ “อาจารย์อา เช่นนั้นเราควรทำอย่างไร? หรือจะปล่อยให้โชคหลุดลอยไปเช่นนี้?”

กระทั่งเฉินซีเห็นยังอดรู้สึกชื่นชมไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าเด็กกู่เยี่ยนที่ปกติเรียบร้อยเงียบขรึม แท้จริงแล้วจะมีความสามารถในการแกล้งทำมากเช่นนี้

“เราจะทำอย่างไรได้เล่า? มีแต่ต้องยอมเท่านั้น” เฉินซีเงียบไปเล็กน้อย จากนั้นก็ถอนหายใจยาว เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม

จากนั้นก็พยายามทำร่าเริงแล้วตบไหล่กู่เยี่ยน “ไม่เป็นไร พลาดครั้งนี้ก็ยังมีครั้งหน้า รักษาชีวิตไว้ก่อนดีกว่า”

กู่เยี่ยนพยักหน้าด้วยใบหน้าหม่นหมอง

“ไปกันเถอะ” เฉินซีมองพลังแก่นแท้สสารที่อยู่ไกล ๆ อีกครั้ง ดูลังเลเป็นอย่างยิ่ง แต่สุดท้ายก็กัดฟันหันหลังเดินจากไป

กู่เยี่ยนเห็นแล้วก็ถอนหายใจ จากนั้นรีบติดตามเฉินซีไปติด ๆ

ไม่นานทั้งคู่ก็หายไปพร้อมกับท้องฟ้าประกายดาว

ฟึบ!

หลังจากเฉินซีและกู่เยี่ยนจากไปไม่นาน พลังผันผวนก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เงาร่างของใครหลายคนปรากฏออกมา

“หึ! ไม่คิดเลยว่าเจ้าเฉินซีนั่นจะขี้ขลาดตาขาวเช่นนี้ กลับหนีไปเสียได้ แต่ก็ดีเหมือนกัน ทำให้เราคว้าโชคใหญ่ครั้งนี้ไว้ได้พอดี” มีคนหนึ่งหัวเราะขึ้นด้วยเสียงเหยียดหยาม

“แต่ก็มีเหตุผลนะ เขารู้ว่าพลังทัณฑ์สวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่เขารับมือไว้ ทำเช่นนั้นเพื่อรักษาชีวิตไว้ก็นับว่ามีเหตุผลอยู่” อีกคนครุ่นคิดอยู่นาน วิเคราะห์สถานการณ์ออกมาด้วยท่าทางนิ่งสงบ

คนอื่น ๆ เองก็เห็นด้วย

มีเพียงเหลิ่งซิงหุนเท่านั้นที่เงียบอยู่นานก่อนพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าคิดว่าเฉินซีเป็นพวกที่เจออุปสรรคแล้วจะถอยไปง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ?”

คำพูดแค่เท่านี้ส่งผลให้ห้าศิษย์นิกายอำนาจเทวะชะงักไป นึกภาพเฉินซีในการถกวิถีเต๋าขึ้นมา

ไม่นานพวกเขาก็มีสีหน้านิ่งขรึม ใช่แล้ว เขาไม่ใช่คนแบบนั้นเลย แล้วทำไมถึงยอมถอดใจไปได้?

“ศิษย์พี่ใหญ่ เช่นท่านคิดว่าเฉินซีคิดจะทำอะไรหรือ?” คนหนึ่งร้องถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ

เหลิ่งซิงหุนเหลือบมองรอบข้างก่อนเอ่ยเสียงเรียก “ออกค้นหาดูว่าพวกมันทิ้งอะไรไว้ในเงามืดบ้าง”

เห็นได้ชัดว่า ตัวเขาสงสัยว่าเฉินซีและกู่เยี่ยนคงไม่ได้จากไปเช่นกัน อาจจะกำลังซ่อนตัวอยู่ภายในเงามืดแล้วกำลังจับตามองกลุ่มเขาอยู่!

“ไปเถอะ!” ไม่นาน ห้าศิษย์นิกายอำนาจเทวะก็แยกกันหายไปค้นหาตามแต่ละทิศ

ทว่าเหลิ่งซิงหุนยังคงยืนอยู่ที่เดิม นัยน์ตาสีโลหิตคล้ายกับมีสายฟ้าวาดผ่าน จ้องมองพลังแก่นแท้สสารที่อยู่ไกล ๆ อย่างเงียบเชียบ

เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูฝีมือสูงส่งทั้งยังฉลาดปราดเปรื่องเช่นนี้ ไม่ว่าเหลิ่งซิงหุนจะเย่อหยิ่งจองหองแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าประมาท

น่าเสียดายที่สังหารเขาไม่ได้ตอนเข้าแดนรวนเรลืมเลือน เหลิ่งซิงหุนถอนใจออกมา

มีอยู่เหตุผลเดียวที่พวกเขาแอบซ่อนอยู่ในเงามืดและไม่ยอมลงมือเป็นเวลานาน นั่นก็เป็นเพราะพวกเขายังไม่มั่นใจว่าจะสามารถสังหารเฉินซีและกู่เยี่ยนได้!

ไม่ใช่ว่ากลัวแต่อย่างไร หากแต่เป็นเพราะรู้ดีว่าพวกเขาอาจจะสามารถทำให้เฉินซีบาดเจ็บสาหัสได้ แต่หากจะสังหารคงยากทีเดียว

ที่สำคัญ พอลงมือเช่นนั้นแล้ว รังแต่จะพาเอาอันตรายมาสู่คนนิกายอำนาจเทวะด้วย

ซึ่งเป็นสิ่งที่เหลิ่งซิงหุนยอมรับไม่ได้

แต่อย่างไรลาภก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหลิ่งซิงหุนจึงไม่อยากสู้กับเฉินซีจนต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บสาหัสกลับไป

แต่จะบอกว่าไม่กลัวเฉินซีก็คงจะไม่ได้

วงคลื่นหนักหน่วงพลันดีดออกจากพื้นที่โดยรอบพลังแก่นแท้สสารที่อยู่ไกล ๆ นั่น มันคือพลังทัณฑ์สวรรค์ยับยั้งเต๋า ที่เริ่มเดือดพล่านหลังถูกการโจมตีจากคันฉ่องบรรพกาลเข้าไป

“จงเปิด!” เหลิ่งซิงหุนคำราม คลื่นพลังอีกวงดีดออกจากคันฉ่องในมือ

ตู้ม!

มันซัดโจมตีจนเกิดรอยแยกในพลังทัณฑ์สวรรค์!

ฟ่าว!

ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง เหลิ่งซิงหุนก็แวบร่างเข้าไป หมายชิงจังหวะพุ่งเข้าสู่พลังแก่นแท้สสาร

พริบตานั้น ศิษย์นิกายอำนาจเทวะคนอื่น ๆ ก็ประหม่าสุดขีด อย่างไรนั่นก็พลังทัณฑ์สวรรค์แดนรวนเรลืมเลือนเชียว พวกเขาจึงเป็นห่วงเหลิ่งซิงหุนสุดขีด

ฟ่าว!

ยามเหลิ่งซิงหุนใกล้ถึงรอยแยกนั้น กระแสปราณกระบี่หนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นตัดหน้าเหลิ่งซิงหุนแล้วซัดลงมา!

เป็นการโจมตีที่เรียบง่าย คล้ายว่ารอเวลามานานแล้ว ปรากฏขึ้นไวยิ่งนัก

แต่เหลิ่งซิงหุนก็เหมือนเตรียมตัวไว้แล้วตั้งแต่ต้น มุมปากพลันยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยือกเย็น

ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง ร่างเขาก็หายไป หลบปราณกระบี่ที่มาอย่างฉับพลันนั่นได้ทันที

“เฉินซี โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้!” พริบตานั้น เหลิ่งซิงหุนก็เคลื่อนมิติซัดฝ่ามือลงยังพื้นที่ไกลตรงหน้า

ครืน!

แสงศักดิ์สิทธิ์ลั่นครืน พื้นที่ตรงนั้นถูกระเบิดจนแหลก ก่อนจะหายไปไม่เหลืออะไรอีก

พลันเห็นเป็นเงาร่างหนึ่งเคลื่อนไหวคล้ายเงามืด หลบการโจมตีมาด้านข้างในจังหวะที่เหลิ่งซิงหุนซัดการโจมตีเข้าไป

เป็นเฉินซี!

“หึ! ข้าจับตาดูการต่อสู้ในระหว่างการถกวิถีเต๋าอย่างถี่ถ้วน หาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าหลังจากจบการต่อสู้มาก็มาก มีหรือจะไม่รู้ว่าเจ้ามีวิชาลับพรางกายอยู่?”

“เจ้ากลับกล้าใช้เล่ห์กลเดิมซ้ำสอง ไม่คิดว่าประเมินข้า เหลิ่งซิงหุน ต่ำไปหน่อยหรือ!?” เหลิ่งซิงหุนเปลี่ยนสีหน้าเป็นเยือกเย็นไร้อารมณ์ สายตาจับจ้องเฉินซีเหมือนสายฟ้า มุมปากเผยแววเยาะเย้ย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]