เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1913

บทที่ 1913 อุบายซ้อนกล

………………..

บทที่ 1913 อุบายซ้อนกล

เสียงของเหลิ่งซิงหุนเต็มไปด้วยความทระนง ภาคภูมิ

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เพียงมองออกว่าเฉินซีกำลังเสแสร้ง หากยังเปลี่ยนอุบายของอีกฝ่ายและสร้างการแสดงที่ยอดเยี่ยมขึ้นมา!

ไม่อย่างนั้นแล้ว แม้ว่าเขาจะเก่งกาจ ทว่าก็ไม่อาจจะหลบเลี่ยงการโจมตีดังกล่าวได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

เฉินซียิ้มอย่างไม่ยี่หระ “หากมองไม่ออกก็คงจะโง่เขลาน่าดู”

คำพูดสั้น ๆ หากทำให้เหลิ่งซิงหุนกดสายตาลงต่ำ ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็เลิกเล่นสนุกเสียที!”

ขณะที่พูด มือข้างหนึ่งก็โบกเป็นสัญญาณให้ศิษย์อีกห้าคนของนิกายอำนาจเทวะเตรียมตัวให้พร้อม แน่นอน เขาต้องการต่อสู้กับเฉินซีให้รู้ดำรู้แดงกันไปข้างหนึ่ง

ตอนนี้เอง เหล่าศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะในที่สุดก็ฟื้นจากอาการตกใจ ที่แท้ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น!

พวกเขาอดไม่ได้ที่จะยกย่องเหลิ่งซิงหุนในใจ อีกฝ่ายช่างเป็นบุรุษหนุ่มผู้มากด้วยไหวพริบจริง ๆ

ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!

หืม? ทันใดนั้น เหลิ่งซิงหุนคล้ายสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปด้านข้าง เหตุการณ์ที่เห็น มีเพียงสามคนเท่านั้นที่เชื่อฟังคำสั่งของเขา ในขณะที่สหายเต๋าอีกสองคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม

“อู่อิ่ง อวิ่นคุน! มานี่เดี๋ยวนี้!” เหลิ่งซิงหุนว่าพลางขมวดคิ้ว ทั้งที่โอกาสทองมาถึงตรงหน้า ทว่าทั้งสองกลับเลือกที่จะเพิกเฉยต่อคำสั่ง แน่นอน สิ่งนี้ยกโทษให้ไม่ได้! ไม่ใช่แค่เหลิ่งซิงหุนเท่านั้นที่รู้สึกเช่นนั้น แม้แต่ศิษย์อีกสามคนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“ข้าเกรงว่าพวกเขาคงจะไม่มีโอกาสได้ทำตามคำสั่งของเจ้าอีกต่อไปแล้ว” ฉับพลันนั้นเอง เฉินซีคลี่ยิ้มเยือกเย็น “ทั้งที่เจ้าก็เดาออกว่าข้าซ่อนตัวอยู่ในเงามืด แล้วคิดรึว่าข้าจะไม่รู้ว่าการโจมตีนั้นของเจ้ามันไร้ผล?”

คำพูดเหล่านี้ทำให้สีหน้าของเหลิ่งซิงหุนและคนอื่น ๆ แปรเปลี่ยน นี่เราโดนหลอกอีกแล้วหรือ? ไม่อยากจะเชื่อเลย

อั๊ก! อั๊ก!

ทว่าในทันใดนั้น ร่องรอยแดงฉานอย่างโลหิตก็ปรากฏขึ้นบนคอของศิษย์นิกายอำนาจเทวะทั้งสองที่เหลิ่งซิงหุนเรียกว่าอู่อิ่งและอวิ่นคุน หลังจากนั้น พวกมันก็ระเบิดกลายเป็นน้ำพุเลือดที่สาดกระเห็นไปทั่วท้องฟ้า!

แปลกนัก คอของพวกเขาถูกเฉือนไปนานแล้ว หากวิถีแห่งกระบี่นั้นรวดเร็วเหลือคณนา ส่งผลให้บาดแผลเหล่านั้นไม่อาจทนต่อความดันเลือดได้และปริออกมาในที่สุด!

หลังจากนั้น หัวที่เปื้อนเลือดทั้งสองก็สะบั้นจากลำคอ ร่างทรุดลงแทบพื้นดิน

“บัดซบ!”

“เป็นไปได้อย่างไร!”

“ศิษย์น้อง!!!”

ม่านตาของศิษย์คนที่เหลือบีบรัด พวกเขากรีดร้องออกมาอย่างเผลอตัว สีหน้าที่เปลี่ยนสีไปมาบ่งบอกว่าเรื่องตรงหน้านั้นเหลือเชื่อมากเพียงไหน

ใครจะคิดเล่าว่าจู่ ๆ สหายเต๋าสองคนที่เพิ่งเห็นหน้าหลัด ๆ จะจากไปอย่างกะทันหันเช่นนี้?

ไม่อยากจะเชื่อเลย! นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!

ครั้นคิดขึ้นได้ว่าทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกตนยืนอยู่ข้าง ๆ คนทั้งสองแท้ ๆ แต่กลับไม่ได้สังเกตถึงการตายของพวกเขาเลย บรรดาคนทั้งสามก็พลันบังเกิดความรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ตอนนี้เอง ในที่สุดเหลิ่งซิงหุนก็เข้าใจในเจตนาของเฉินซี ที่แท้อีกฝ่ายก็ไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เขาแต่อย่างไร หากเป้าหมายที่แท้จริงกลับเป็นอู่อิ่งและอวิ่นคุน!

แท้จริงที่เฉินซีโจมตีเมื่อครู่ก็เพื่อหลอกตาเท่านั้น

หากให้อธิบายเห็นทีคงจะยืดยาวเกินพรรณนา

ขวับ!

ยังไม่ทันที่พวกเขาจะคลายจากห้วงตะลึงลาน เฉินซีก็เปิดการโจมตีอย่างดุเดือด ยันต์ศัสตราในมือทะยานขึ้นไปในอากาศโดยมีเหลิ่งซิงหุนเป็นเป้าหมาย

เคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย เชือดเฉือนกาสร!

ตู้ม!

ฉับพลันนั้น เสียงกลองก็สั่นก้องสะเทือนแผ่นดิน คลื่นของมันกวาดกระทบไปทั่วบริเวณ

สิ่งที่มาพร้อมกับเสียงกลองนี้ได้แก่ปราณกระบี่อันงดงาม มันระเบิดลงมาราวกับดาราที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ก่อนจะโอบล้อมศิษย์ทั้งสามแห่งนิกายอำนาจเทวะเอาไว้

ทันใดนั้น ทั้งเฉินซี อาเหลียง และกู่เยี่ยนก็ลงมือโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทันทีที่เปิดการโจมตี การเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งที่สุดและอันตรายที่สุดก็ถูกสำแดงออกมา!

“ถอย! เร็วเข้า!” เหลิ่งซิงหุนแผดเสียงลั่นพลางโบกคันฉ่องบรรพกาลในมือ แสงสะท้อนของมันทำลายปราณกระบี่ของเฉินซีให้กระจายออกไป จากนั้น ชายหนุ่มก็สะบัดแขนเสื้อเพื่อคว้าเอาศพสหายเต๋าทั้งสองของตนขึ้นมา ก่อนจะกะพริบพร่างและหายไปไกลแสนไกล!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากหนี ไม่ว่าจะไม่เต็มใจเพียงใดก็ตาม

ตู้ม!

ท่ามกลางการปะทะกันของแสงเทวะ ศิษย์อีกสามคนหมดสิ้นซึ่งความตั้งใจที่จะต่อสู้ต่อไป พวกเขาหนีไปในช่วงเวลาเดียวกับเหลิ่งซิงหุน

ฟึ่บ!

เฉินซีใช้อักขระผนึกเต๋าทันทีเพื่อระเบิดรอยแยกในพลังทัณฑ์สวรรค์

ถูเมิ่งคว้าโอกาสนี้เข้าโจมตี ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ด้วยความราบรื่นยิ่ง ไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นแต่ประการใด

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เมื่อสหายเต๋าผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น เขาจะกลายเป็นจ้าวเอกภพซึ่งครอบครองพลังแห่งเอกภพ” กู่เยี่ยนทอดถอนใจยาวแรง น้ำเสียงนั้นปราศจากซึ่งแรงริษยา มีเพียงคำอวยพรจากใจที่ประทับแน่นหนัก

เฉินซียิ้มไม่พูดอะไร

พวกเขาทั้งสองไม่ได้จากไปในทันที หากยืนเฝ้าอยู่ที่นี่เป็นเวลาเจ็ดวันเต็มแทน

“ดูเหมือนว่าจะใช้เวลาอย่างน้อยสองปีกว่าที่ถูเมิ่งจะขัดเกลาและดูดซับแก่นสสารของเอกภพนี้ได้อย่างสมบูรณ์ พวกเราไม่จำเป็นต้องยืนเฝ้าที่นี่อีกต่อไป” เฉินซีครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง ในช่วงเวลาเจ็ดวันที่ผ่านมานี้ เขาได้เฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงในแก่นสสารเอกภพอย่างต่อเนื่อง และสังเกตเห็นว่าเมื่อถูเมิ่งขัดเกลาและดูดซับมัน ไม่ใช่แค่พลังแก่นแท้สสารเท่านั้น แม้แต่พลังทัณฑ์สวรรค์รอบ ๆ เอกภพก็ค่อย ๆ หายไปอย่างเชื่องช้า

ด้วยความเร็วนี้ ถูเมิ่งจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองปีในการก้าวผ่าน

“เรียนอาจารย์อา ก่อนหน้านี้ข้าได้ชี้แนะแก่ถูเมิ่งแล้ว เขาจะใช้วิชาลับเพื่อติดต่อเรากลับมาในทันทีที่สำเร็จการบ่มเพาะขอรับ” กู่เยี่ยนเอ่ยจากด้านข้าง

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นเราก็ไปกันเถอะ” เฉินซีพยักหน้า เขาไม่กังวลเกี่ยวกับถูเมิ่ง เนื่องจากในยามนี้ ไม่มีใครหรือสิ่งใดจะสามารถรบกวนถูเมิ่งได้ เว้นแต่บุคคลนั้นจะมีพลังบางอย่างที่สามารถทำลายแก่นสสารเอกภพให้เปิดออก ทว่าในทางปฏิบัติแล้ว สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

อย่างไรเสีย แก่นสสารเอกภพก็เป็นสิ่งแทนถึงความแข็งแกร่งของเอกภพดังกล่าว ตอนนี้ถูเมิ่งที่กำลังขัดเกลาและดูดซับแก่นสสารนั้นเทียบเท่ากับเจ้าของที่กำลังควบคุมเอกภพนั้นเอาไว้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มีเพียงการมาถึงของมหาเทพเต๋าเท่านั้นที่สามารถขัดกวางกระบวนการทั้งหมดนี้ได้

แน่นอน ทั้งหมดนี้เป้นเพียงการคาดการณ์ขอเฉินซีเท่านั้น เขาเองก็ไม่แน่ใจเต็มร้อยส่วนว่าถูเมิ่งจะปลอดภัย

แน่ล่ะ โลกนี้ไม่มีสรรพสิ่งใดเที่ยงแท้

อย่างน้อยที่สุด สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เฉินซีไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับถูเมิ่งอีกต่อไป

“ไปกันเถอะ!” เฉินซีและกู่เยี่ยนละทิ้งความลังเลของตน พวกเขารีบออกไปจากเอกภพนี้และกลับไปยังพื้นที่ของแดนรวนเรลืมเลือน

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเพิ่งมาถึง เสียงคำรามอันยิ่งใหญ่ของเต๋าก็ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน

มันเหมือนกับเสียงคำรามของมังกรและพยัคฆ์ ช่างเหี้ยมเกรียมดุดัน สั่นสะท้านไปถ้วนทั่ว

บัดนี้ทุกสรรพสิ่งภายในแดนรวนเรลืมเลือนพลันเงียบงัน มีเพียงเสียงกังวานจากเต๋าเท่านั้นที่คำรามคร้าม!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]