บทที่ 1914 พายุทุ่งน้ำแข็ง
………………..
บทที่ 1914 พายุทุ่งน้ำแข็ง
หัวใจของเฉินซีสะท้าน พลางเงยหน้าขึ้นทันที
รัศมีเต๋าศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งพลันปกคลุมทั่วจักรวาลพร่างพราวแสนห่างไกล เจิดจรัสสะดุดตาเช่นตะวันเฉิดฉาย
เพราะมันอยู่ห่างไกลยิ่งนัก แม้เขาจะพึ่งพาการรับรู้ของตน ก็ยังยากเห็นชัดว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่
แต่ชั่วขณะนี้ หนึ่งความคิดปรากฏขึ้นในใจเขาโดยสัญชาตญาณ มีใครสักคนบรรลุสู่ขอบเขตมหาราชเทวา เป็นจ้าวเอกภพไปแล้ว! บางทีสำเนียงเต๋าเลื่อนลั่น รัศมีเต๋าเรืองรองนี้คงเป็นปรากฏการณ์ฟ้าดินอันเกิดจากการบรรลุขอบเขต!
ผู้ใดกัน?
เข้ามาในแดนรวนเรลืมเลือนได้แค่ไม่กี่เดือน ก็มีผู้บรรลุสำเร็จแล้ว?
เฉินซีตกตะลึงในใจ มิอาจสงบได้เนิ่นนาน
เขาตระหนักยิ่งว่าหากตนตัดสินถูก มันจะหมายความว่าใครสักคนในหมู่ศิษย์ซึ่งมายังแดนรวนเรลืมเลือนกับเขาได้ก้าวเท้าพัฒนาเหนือผู้อื่นไปห่างไกล!
ผลที่ตามมาก็จะเกินคาดคิด!
เฉินซีมั่นใจว่าตนสามารถประชันจักรพรรดิทั่วไปได้ แต่เขาก็สุดเกรงกลัว ไม่มีกระทั่งความมั่นใจจะเผชิญจ้าวเอกภพผู้ถือครองพลังเอกภพ!
ขอบเขตมหาราชเทวานับเป็นจุดสูงสุดในโลกหล้าผู้บ่มเพาะในแดนเทพโบราณแล้ว พวกเขาเป็นดั่งจักรพรรดิ มีอำนาจยิ่งใหญ่
ขณะเดียวกัน จ้าวเอกภพนั่นน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าจักรพรรดิทั้งมวล พวกเขามีพลังเอกภพพิเศษเฉพาะ สามารถใช้อำนาจหนึ่งเอกภพได้ เหมือนเป็นผู้อยู่เหนือมวลจักรพรรดิ!
บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลผู้ใดในโลกาจะกล้าอวดอ้างว่าตนประมือตัวตนเช่นนี้ได้?
จ้าวเอกภพน่าสะพรึงกลัวเพียงไรกันแน่? กระทั่งเฉินซีก็ไม่อาจแน่ใจ! ทว่าเขาตระหนักดี ว่าทั่วพันกว่าเอกภพในแดนเทพโบราณมีสรรพชีวิตเกินคณานับ แต่มีเพียงพันกว่าตัวตนเท่านั้นที่เป็นจ้าวเอกภพได้!
จำนวนนั้นฟังดูมากจริงแท้ แต่หากเทียบกับดาราจักรมากมาย มหาอำนาจน้อยใหญ่ทั่วแดนเทพโบราณ มันก็ดูน้อยนิดหายากเสียเหลือเกิน
ความหายากตัดสินมูลค่าสรรพสิ่ง
ผู้บ่มเพาะก็เช่นกัน ยิ่งขอบเขตการบ่มเพาะยากบรรลุ ยิ่งน้อยคนที่จะบ่มเพาะไปถึง
“มิคาดเลยว่าจะมีผู้ใดทำสำเร็จในยามนี้….” กู่เยี่ยนอดรำพึงมิได้ เขาเองก็เหมือนเฉินซี ตระหนักแล้วว่ามีผู้บรรลุเป็นจ้าวเอกภพ
“ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้มากนักหรอก แดนรวนเรลืมเลือนเต็มไปด้วยอันตรายและสิ่งเกินคาดหยั่ง บรรลุเป็นจ้าวเอกภพแล้วก็มิได้หมายความว่าเขาจะสามารถไปไหนมาไหนได้อิสระ กระทำตนไร้พันธะใด” เฉินซีสูดหายใจลึกๆ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “เราไปกันต่อเถอะ ยิ่งชักช้า เรายิ่งเสียเปรียบ”
กู่เยี่ยนพยักหน้า สีหน้าเคร่งขรึม
“มีใครบางคนบรรลุขอบเขต!” ผู้สังเกตเห็นมันมิใช่เพียงกลุ่มของเฉินซี ศิษย์กองกำลังต่าง ๆ อันกระจัดกระจายทั่วแดนรวนเรลืมเลือนก็สังเกตเห็นมันเช่นกัน
…
“เหตุใดจึงสำเร็จเร็วเพียงนั้น เป็นผู้ใดกัน?” จูเชี่ยนอวี้จากสำนักศักดิ์สิทธิ์พึมพำ สองมือไพล่หลัง
ตงหวงอิ่นเซวียนกำลังบ่มเพาะในแก่นแท้เอกภพเบื้องหลังเขา
จูเชี่ยนอวี้และศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ มิได้จากไปไหน พวกเขายืนเฝ้าที่นี่ไว้
ในความคิดของพวกเขา หากไปตอนนี้ การเสียตงหวงอิ่นเซวียนไปจะเป็นความเสียเปรียบอย่างยิ่งสำหรับพวกเขา ดังนั้นสู้รอให้ตงหวงอิ่นเซวียนบรรลุเป็นจ้าวเอกภพแล้วนำทางพวกเขาต่อจะดีกว่า
ทว่ายามนี้ เมื่อพวกเขาประจักษ์ปรากฏการณ์ฟ้าดิน สีหน้าของจูเชี่ยนอวี้และคณะต่างเคร่งขรึม ทั้งประหลาดใจระคนมึนงงเล็กน้อย
เหมือนเช่นเฉินซี พวกเขาก็มิอาจทราบได้ว่าใครกันที่บรรลุเป็นจ้าวเอกภพ และเป็นมิตรหรือศัตรู
“ข้าหวังเพียงว่าศิษย์พี่ตงหวงจะบ่มเพาะเสร็จโดยเร็ว” จูเชี่ยนอวี้รำพึง ขณะนี้ เขามิอาจกระทำการใดๆ ได้เลย นอกจากฝากความหวังไว้ที่ตงหวงอิ่นเซวียน
…
“ไม่มีทางเป็นเฉินซีหรือตงหวงอิ่นเซวียนไปได้ ดังนั้นเมื่อไม่รวมพวกเขา ก็มีเพียงศิษย์จากตำหนักเต๋าหนี่หวาและสำนักเต๋า” สีหน้าของเหลิ่งซิงหุนดำคล้ำ หัวใจกระสับกระส่ายอย่างไม่อาจพรรณนา
ก่อนหน้านี้ พวกเขาถูกเฉินซีวางแผนตลบหลัง เสียสหายไปสองคน จึงเหลือพวกเขาเพียงสี่เมื่อนับรวมเหลิ่งซิงหุน
พวกเขากระทั่งไร้ทางเลือกนอกจากยอมทิ้งแก่นแท้เอกภพนั่น หนีกระเจิดกระเจิงออกมา ทั้งหมดนี้ทำให้ตัวตนอย่างเหลิ่งซิงหุนเดือดดาลจนอารมณ์ย่ำแย่ อกอัดแน่นด้วยโทสะอันไร้ที่ระบาย
ทว่ายามนี้ เมื่อเขาประจักษ์ว่ามีใครบางคนบรรลุเป็นจ้าวเอกภพ เหลิ่งซิงหุนก็แสนหดหู่ใจ อารมณ์ย่ำแย่ลงกว่าเดิม
ไม่ว่าผู้บรรลุจะเป็นศิษย์จากสำนักเต๋าหรือตำหนักเต๋าหนี่หวา ก็มิใช่ข่าวดีสำหรับเหลิ่งซิงหุนทั้งสิ้น
“เราควรทำเช่นไร? ย่อมต้องใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด บรรลุเป็นจ้าวเอกภพก่อนเฉินซีให้ได้ไง!” เหลิ่งซิงหุนกล่าวเสียงแข็ง “หรือพวกเจ้าคิดว่ากำลังเราปัจจุบันท้าทายผู้ใดได้? หือ?”
แต่ปรากฏว่าเขาทำสำเร็จ!
ซ้ำยังสำเร็จในวันเดียว
สิ่งนี้ทำให้เย่เฉินและอวี้จิ่วหุยรู้สึกเหลือเชื่อ
“ชะตากรรมแห่งเต๋าสวรรค์แปรเปลี่ยนตลอดกาล เกินคาดหยั่งโดยแท้” อวี้จิ่วหุยทอดถอนใจ
“เช่นนี้ก็ดี ข้ากังวลเพียงแค่ศิษย์พี่หลี่จะลืมคำเตือนของสำนักเต๋าหลังบรรลุขอบเขตเท่านั้น” สองมือเย่เฉินไพล่หลัง ครุ่นคิดลึกล้ำ ก่อนจะกล่าวแฝงนัย
…
“หึ ๆ! ปรากฏว่ามีผู้บรรลุแล้ว แต่น่าเสียดาย เจ้าพวกโง่นี่หารู้ไม่ว่าพลังเอกภพที่นี่ไม่ได้ลิ้มรสกันง่ายเลย!” หวังจงหัวเราะเสียงเย็นบนหลังวิหคสีเลือด สุดแสนเย้าเยาะเหยียดหยัน
พริบตาต่อมา เขาก็เหมือนตระหนักถึงบางสิ่ง ก่อนจะพลันขมวดคิ้วคิดหนัก
“สถานการณ์นี้ผิดปกตินิดหน่อยนะ กาลก่อน หากมีผู้ใดบรรลุเป็นจ้าวเอกภพ มันจะทำให้สัตว์ประหลาดเหล่านั้นแห่กันออกมา แต่ยามนี้… เหตุใดพวกมันจึงนิ่งเฉย? หรือจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเกินคาดคิดใด ๆ กับแดนรวนเรลืมเลือน?”
“ดูเหมือนข้าเองก็ต้องระวังเช่นกัน ท้ายที่สุด แดนรวนเรลืมเลือนก็เป็นแดนวิปโยคอันปั่นป่วน มีหายนะเกินควบคุมมากมาย….”
หวังจงสูดหายใจลึก ๆ ทอดสายตามองไปไกล นอกจากนั้น ปากของเขายังเอื้อนเอ่ยวจีประหลาดอันคลุมเครืออีกครั้ง มันรัวเร็วเหมือนเป็นคำเร่งให้วิหคสีเลือดเร่งความเร็วขึ้นอีก
…
ปรากฏการณ์ฟ้าดินทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อกันเป็นลูกโซ่ ทำให้ผู้บ่มเพาะทั้งมวลในแดนรวนเรลืมเลือนรู้สึกกดดันเกินนิยาม
ไร้ผู้ใดกล้าเอ้อระเหย ใช้เวลาที่ตนมีอย่างคุ้มค่าสูงสุด
เจ็ดวันต่อมา เฉินซีและกู่เยี่ยนก็มาถึงทุ่งน้ำแข็งอันเจิดจรัสเงินยวง วายุเย็นเยียบพัดผ่าน อากาศหนาวเย็นทิ่มแทง คลื่นลมแรงโหมหิมะพัดทั่วทิศ
ทันทีที่มาถึง เฉินซีก็ร่างสะท้านอย่างช่วยไม่ได้ กระทั่งด้วยการบ่มเพาะของเขา ฟ้าดินที่นี่ยังเต็มไปด้วยปราณอเวจี ทิ่มแทงเสียดกระดูก ลึกถึงจิตวิญญาณ!
เกล็ดหิมะทุกชิ้นมีขนาดเท่าพัดใบธูปฤาษี คมกริบเช่นมีดดาบ หนาวยะเยือกน่าสะพรึงกลัว ปกคลุมหนาแน่นทั่วฟ้า ประหนึ่งคมมีดวาววับมากมายทะยานทั่วทิศ ฟ้าดินถูกฉีกกระชากเป็นหลุมหล่มลึกล้ำมากมาย รวนเรไร้ระเบียบ
ทว่าเหตุผลที่เฉินซีสะท้านอย่างเห็นได้ชัดนั้น แท้จริงมิใช่เรื่องทั้งหมดนี้ แต่เพราะเขาประหลาดใจยามสังเกตพบหนึ่งเสาน้ำแข็งตระหง่านสูงในส่วนลึกของทุ่งน้ำแข็งเยี่ยงมังกรขาว เผยจิตสังหารแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัว รวนสมดุลทั่วทิศ!
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...