บทที่ 1919 ปลดปล่อย
………………..
บทที่ 1919 ปลดปล่อย
ความกดดันที่เฉินซีเผชิญทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น!
เมื่อพลังทัณฑ์สวรรค์สะกดเต๋ารุนแรงขึ้น รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวของมันก็กดทับร่างของเฉินซีสั่นผวา เขาเผลอคิดด้วยซ้ำว่าแม้แต่มหาเทพเต๋าเองก็คงจะหันหลังกลับด้วยไม่ไปต่อเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้
สำหรับเฉินซี หากว่าเขาไม่มีอักขระผนึกเต๋าอยู่ในการครอบครอง เขาก็คงจะหันหลังกลับและหนีไปนานแล้วเช่นกัน
ตึง!
พลังทัณฑ์สวรรค์พุ่งสูงขึ้นราวกับคลื่นไร้ลักษณ์ไร้สีที่โหมกระหน่ำด้วยความน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง พวกมันก่อตัวขึ้นมาปิดกั้นเส้นทางข้างหน้าอย่างหมดจด
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากเฉินซีต้องการก้าวไปยังเงาบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันห่างไกล เขาก็ต้องข้ามผ่านพื้นที่ซึ่งปกคลุมไปด้วยพลังทัณฑ์สวรรค์นี้เสียก่อน
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะระบายหายใจเข้าออกจนสุดปอด แสงแห่งความเด็ดเดี่ยวฉายวาบในดวงตา
ฟึ่บ!
บัดนี้เองที่ชายหนุ่มสยบความลังเลใจเอาไว้ เขาโคจรพลังจากอักขระผนึกเต๋าจนถึงขีดจำกัด ปล่อยให้เสียงที่ดังก้องของมันกวาดออกไปทั่วบริเวณ
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีใช้อักขระผนึกเต๋าถึงขีดสุด ในขณะนี้ ชายหนุ่มเริ่มสรรค์สร้างมายาขึ้นในภวังค์ ตราบใดที่เขาต้องการ เต๋ารู้แจ้งทั้งมวลล้วนอยู่ในกำมือของเขา
แม้แต่เต๋าแห่งสวรรค์สูงส่งก็ไม่สามารถขัดต่อเจตจำนงของเขาได้!
เขาผู้ครอบครองพลังทั้งมวล!
เขาผู้ยับยั้งทุกสรรพสิ่ง!
มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาด คลุมเครือ และไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง ทันทีที่มันปรากฏขึ้นก็หายวับในพริบตา เฉินซีกลับมาสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว ไม่อาจสัมผัสถึงความรู้สึกดังกล่าวได้อีกต่อไป
โครม!
เสียงการปะทะครั้งใหญ่ดังกึกก้อง
ตอนนี้เอง เฉินซีสังเกตว่าในช่วงเวลานั้นที่เขากำลังฟุ้งซ่าน รอยแยกอันกว้างใหญ่ได้พลังทัณฑ์สวรรค์ที่ปะทุขึ้นราวกับคลื่นสมุทรโหมกระหน่ำในระยะไกล!
ภาพเบื้องหน้า เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจและไม่เชื่อสายตา
ฟิ่ว!
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีเวลามาสนใจเรื่องทั้งหมดนี้ ร่างสูงใหญ่กะพริบพร่างด้วยตั้งใจที่จะคว้าโอกาสนี้เคลื่อนที่ผ่านไปตามรอยแยกนั้น
…
หลังจากที่เฉินซีผ่านพื้นที่ที่อันตรายอย่างยิ่งมาได้ ยังไม่ทันได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก คลื่นแห่งการเคลื่อนไหวก็ปรากฏขึ้นทันที
ฉับพลัน ร่างของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้นจากทุกสารทิศในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ทั้งเทพอสูรที่ยืนตระหง่านพร้อมพละกำลังอันดุร้ายภายใต้ผิวหนังที่แข็งราวก้อนหิน
ทั้งสัตว์อสูรบรรพกาลไร้เทียมทานซึ่งสูงเทียมภูผา เขี้ยวยาวงุ้มแต่งแต้มให้ใบหน้าดูดุร้ายยิ่ง
ทั้งผู้เยี่ยมยุทธ์ภายใต้อาภรณ์ขาดวิ่นที่ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
…
บัดนี้ร่างทั้งหลายซึ่งประกอบไปด้วยรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งตัวเข้ามาอย่างต่อหนึ่งอย่างกองทัพที่ตรึงกำลังรอบเขตแดน ก่อตัวเป็นมวลหนาแน่นที่มีจำนวนมากกว่าพันร่าง
ความแข็งแกร่งของพวกเขาหาได้ด้อยไปกว่าจักรพรรดิสามดาราไม่!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขาเทียบได้จักรพรรดินับพันคน!
ช่างเป็นภาพที่ชวนให้ตกตะลึงและสิ้นหวัง
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลไม่มีใครไม่ถูกครอบงำด้วยความหวาดกลัวเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ดังกล่าว มีเพียงสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้นั่นคือการหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอด
สิ่งนี้น่ากลัวเกินไป!
มีสิ่งมีชีวิตมากกว่าพันร่างที่มีพลังเทียบเท่าจักรพรรดิ หากอยู่ในแดนเทพโบราณ พลังดังกล่าวเพียงพอที่จะบดขยี้กองกำลังหลัก ๆ ได้เลยทีเดียว
ในขณะนี้ ร่างกายของเฉินซีขยับเกร็งอย่างอดไม่ได้ ดวงตาเต็มไปด้วยแววเคร่งขรึม
กระนั้นมันก็แอบแฝงซึ่งความโกรธแค้นที่ยากจะอธิบาย เป็นโทสะที่เดือดคลั่งดั่งภูเขาไฟปะทุ ส่งผลให้จิตสังหารในหัวใจเดือดพล่านเกินควบคุม
เขารับรู้ได้ในทันที สิ่งเหล่านี้คือซากศพที่ถูกควบคุมโดยสัตว์อสูรจ้าววิญญาณ
ศพเหล่านี้คงจะเป็นร่างของผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแดนเทพโบราณที่เสียชีวิตลงที่นี่!
มันมีมากกว่าพันร่าง!
สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีผู้เยี่ยมยุทธ์ถูกฆ่าไปมากเพียงใดตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ฉับพลัน เฉินซีอดนึกถึงสีหน้าที่โล่งใจของจักรพรรดิเหยียนปิงก่อนตายขึ้นมาไม่ได้ มันเป็นความยินดียิ่งเมื่อได้เห็นศพเหล่านั้นถูกเผา…
“อาเหลียง ระเบิดไอ้สารเลวพวกนั้นให้ข้าที!” เฉินซีแผดเสียงเยือกเย็นและเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตทั้งใบหน้าเรียบเฉย จิตสังหารในหัวใจถูกปลดปล่อยเต็มกำลัง กลายเป็นแรงกดดันเข้าปกคลุมไปทั้งฟ้าดิน!
เฉินซีมีเพียงโทสะที่อยู่ในใจ!
อาเหลียงหยิบกลองตะบันเทพออกมาโดยไม่ลังเล
ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเคร่งขรึมด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับร่างกายอาบไล้ซึ่งรัศมีเทวาพร่างพราว มันเรืองรอง สง่างามอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ตุ้ม!
ตุ้ม! ตุ้ม! ตุ้ม!
เสียงของมันหนักแน่นดั่งพายุ คำรามกัมปนาทไปทั่วทั้งบริเวณ ไร้ลักษณ์ไร้รูปราวกับสุ้มเสียงแห่งเต๋าที่ลึกลับยิ่งกว่าสิ่งใดในสากล พวกมันกวาดออกไปยังสิ่งที่อยู่โดยรอบอย่างต่อเนื่อง
ตุ้ม! ตุ้ม! ตุ้ม!
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่สั่นสะเทือน ดวงดาวจำนวนมากระเบิดเป็นเถ้าธุลี
ยามนี้ กลองตะบันเทพสั่นสะเทือนไปทั่วโลกหล้าด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อันไร้สิ้นสุด!
คล้ายว่าร่างนับพันซึ่งมีพลังเทียบเท่ากับจักรพรรดิจะสูญเสียจิตวิญญาณสิ้น ทำได้เพียงยืนแข็งทื่ออยู่เช่นนั้น
หลังจากนั้น กลุ่มก้อนของสัตว์อสูรจ้าววิญญาณก็พุ่งออกมาจากภายในร่างกายของร่างเหล่านั้น พวกมันมีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกันออกไป หากรัศมีของพวกมันล้วนเยือกเย็นและคลุ้งคาวไปด้วยเลือด
พวกมันมีจำนวนมากเกินไป!
พวกมันปกคลุมฟ้าดินเหมือนฝูงตั๊กแตนนับพัน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะระบุจำนวนแน่ชัด
ขวับ!
อาเหลียงหยิบไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งการเผาผลาญออกมา เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีขาวพิสุทธิ์ปะทุพล่านและปกคลุมพื้นที่กว่าแสนลี้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
หลังจากที่นางจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น คิ้วคู่งามก็ขมวดเข้าหากัน ส่งผลให้ใบหน้าพิลาสโฉมสูญเสียซึ่งสีสันไปในทันทีมันผลัดสีซีดเผือดราวกระดาษขาว แม้แต่รัศมีรอบกายก็อ่อนแสงลงไม่ต่างกัน
“ขอบคุณสหายเต๋า!”
“ขอบคุณ…”
น้ำเสียงเหล่านั้นฟังดูโล่งใจ คล้ายได้สิ้นความทรมานที่เกิดจากโลกหลังความตายแล้ว
อย่างไรก็ดี เสียงเหล่านี้ทำให้จิตสังหารของเฉินซีกล้าแกร่งขึ้น หัวใจที่เต็มไปด้วยความอึดอัดทำให้วิธีการต่อสู้ของเขารวดเร็วและดุดันยิ่งขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไป เสื้อผ้าของเฉินซีก็เปื้อนไปด้วยเลือดแดงฉาน เช่นเดียวกับยันต์ศัสตราที่เดิมทีมีเพียงปราณโกลาหลบัดนี้ได้ย้อมเป็นสีแดงสด
มันเป็นเลือดของสัตว์อสูรจ้าววิญญาณซึ่งเป็นศัตรูของเขา เข้มข้นเกินกว่าจะขจัดออกไปโดยง่าย!
บัดนี้ เฉินซีคล้ายเป็นเพียงหุ่นเชิดสังหาร ไร้ซึ่งอารมณ์ทั้งปวง มีเพียงจิตสังหารที่คอยชักใยเอาไว้เท่านั้น
คล้ายว่าความเหนื่อยล้าถูกชำระลงไปสิ้น เหลือเพียงความดุดันและอำมหิตที่ประทับลงยังเรือนกาย
เขาลืมสิ้นถึงสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ ลืมสิ้นแม้แต่โลกทั้งใบ
เมื่อโทสะครอบงำในใจแล้ว ก็ต้องฆ่า! ต้องปลดปล่อย!
ภายใต้สภาวะเช่นนี้ ชายหนุ่มไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อยว่าเต๋าแห่งกระบี่ของเขาได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วจากการต่อสู้ครั้งนี้
ไม่เพียงเท่านั้น การบ่มเพาะดวงจิตแห่งเต๋าของเขาก็เริ่มแข็งแกร่งและบริสุทธิ์มากขึ้น มันแสดงถึงสัญญาณของการบรรลุผ่านอย่างแผ่วเบา!
…
การต่อสู้ครั้งนี้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริง ๆ
คู่ต่อสู้ของเขาคือสัตว์อสูรจ้าววิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่เทียบได้กับขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล พวกมันก่อตัวเป็นมวลที่กว้างใหญ่และหนาแน่นอย่างกองทัพ
มีเพียงเฉินซีและอาเหลียงเท่านั้นที่ยืนหยัดเผชิญหน้ากับพวกมัน
ทั้งที่พวกเขาอาศัยเพียงกำลังของตัวเองในการตอบโต้ทว่ามันก็เป็นความสามารถที่ทำให้ศัตรูของพวกเขาไม่อาจรับมือได้!
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป
ฉึก!
โลหิตแดงฉานซ่านกระเซ็นทั่วบริเวณโดยรอบ ส่วนต่าง ๆ ในร่างกายของสัตว์อสูรจ้าววิญญาณที่ถูกตัดขาดกระจัดกระจายไปทั่ว ในขณะที่ลำตัวซึ่งมีขนาดใหญ่โตเท่าช้างถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ด้วยกระบี่เพียงครั้งเดียว พวกมันก็ไม่มีโอกาสแม้แต่ส่งเสียงร้องโหยหวนก่อนที่จะตกลงไปในทะเลแห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีขาวและแผดเผาไปในที่สุด
เฉินซีกำลังจะโจมตีต่อ ทว่าเขาพลันรู้ตัว ไม่มีคู่ต่อสู้เหลืออยู่ที่นี่อีกต่อไป!
ชายหนุ่มหันมองไปรอบ ๆ ด้วยความตกตะลึง
ภายในสายตาคู่นั่นคือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวซึ่งอาบไปด้วยเลือด มันเผชิญกับความเสียหายรุนแรงและตกอยู่ในความโกลาหล มีเพียงเศษซากของพลังทำลายล้างที่หลงเหลืออยู่เท่านั้น
ดวงไฟศักดิ์สิทธิ์สีขาวบริสุทธิ์จำนวนมากลุกโชนท่ามกลางบริเวณโดยรอบ พวกมันช่วยเพิ่มรัศมีอันลึกลับให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวสีแดงเลือดที่น่าสังเวชดูงดงาม
“ขอบคุณสหายเต๋า!” ตอนนี้เอง ศพสุดท้ายของผู้เยี่ยมยุทธ์ถูกเผาจนหมด เสียงแสดงความขอบคุณดังขึ้น
เฮ้อ~
เฉินซีพ่นลมหายใจยาว
ความเยือกเย็นอย่างในอดีตกลับสู่ความสงบอีกครั้ง ในขณะที่ความโกรธ ความเกลียดชัง… ล้วนถูกปลดปล่อยจนหมดสิ้น
เสื้อผ้าของเฉินซีเปียกโชกไปด้วยเลือด เช่นเดียวกับผิวของยันต์ศัสตราในมือ อย่างไรก็ตาม อารมณ์ของเขาถูกขัดเกลาอย่างสมบูรณ์ มันพิเศษ บริสุทธิ์ และเปล่งไปด้วยแสงแห่งปัญญาราง ๆ
ราวกับว่าเขาได้ถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...