บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 192

บทที่ 192 กระบวนยุทธ์ระดับเต๋า

บทที่ 192 กระบวนยุทธ์ระดับเต๋า

ทันใดนั้น เกิดการต่อสู้ระหว่างข้ารับใช้ชุดดำของฉู่เทียนจวี่และเฉินซี ผู้ทรงอำนาจสองคนนั่งตัวตรงในห้องหรูหราที่ชั้นบนสุดของหอขุมทรัพย์สวรรค์ คนผู้หนึ่งเป็นชายชรา อีกคนเป็นหญิงสาวที่งดงามและมากเสน่ห์ ส่วนข้ารับใช้คนอื่น ๆ ทำได้เพียงแค่ยืนอยู่ห่าง ๆ ที่มุมห้องขณะที่พวกเขาเฝ้าดูทั้งสองคนอย่างระมัดระวัง

ในขณะนั้น ม่านภาพขนาดมหึมาได้เคลื่อนมาที่เบื้องหน้าชายชราและหญิงงาม และภาพของเหตุการณ์ในห้องโถงหลักของหอขุมทรัพย์สวรรค์กำลังแสดงอยู่บนนั้น

“ฮึ่ม! ศิษย์ผู้เยาว์ของนิกายนภาจรัสแสงอุกอาจเกินไปจริง ๆ มันกลับกล้าสร้างปัญหาภายในอาณาเขตของข้า! ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าบรรพชนเซวียนหลง ข้าคงหักขามันแล้วโยนออกไปที่ข้างถนนอย่างแน่นอน” ชายชราแค่นอย่างเย็นชา เขามีใบหน้าสูงวัยและสวมหมวกกลมสีดำซึ่งมีหยกฝังอยู่ตรงกลางหมวก เสื้อผ้าของเขาดูเรียบง่าย แต่เผยให้เห็นกลิ่นอายที่สง่าและภาคภูมิเป็นอย่างยิ่ง และเขาคือ ‘เฝิงจวิ้นเหอ’ ผู้เป็นเจ้าของหอขุมทรัพย์สวรรค์แห่งเมืองห้วงทะเลทรายมรณะ

“นิกายนภาจรัสแสง เป็นหนึ่งในนิกายชั้นนำภายในที่ราบตอนกลาง นอกจากนี้ บรรพชนเซวียนหลงยังได้บรรลุขอบเขตเซียนปฐพีขั้นที่สี่แล้ว ดังนั้นการที่จะรุกรานเขาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย” หญิงงามที่ยืนเผชิญหน้ากับเฝิงจวิ้นเหอยิ้มอย่างอ่อนหวาน จากนั้นดวงตาที่งดงามของนางก็กวาดมองไปยังม่านแสงก่อนที่จะตกตะลึงและร้องออกมาด้วยความประหลาดใจในทันที “ช่างเป็นเด็กน้อยที่น่าเกรงขาม เขาต่อสู้กับคนสี่คนเพียงลำพัง แต่กลับสามารถเอาชนะศัตรูของเขาได้อย่างง่ายดาย ช่างเหนือความคาดหมายจริง ๆ”

“เขาไม่ธรรมดาจริง ๆ ดัชนีกระบี่ของเขาแฝงไปด้วยเต๋ารู้แจ้งแห่งสายฟ้าและอัคคี นอกจากนี้ กระบวนท่าของเขาก็ทรงพลังราวกับสายฟ้าและโหมกระหน่ำราวกับเปลวไฟ มันช่างวิเศษ รวดเร็วและรุนแรงเป็นอย่างมาก ข้าสงสัยนักว่าผู้เยาว์คนนี้มาจากกองกำลังใด? ด้วยการบ่มเพาะแค่ขอบเขตเคหาทองคำกลับครอบครองพลังที่ทรงอานุภาพเช่นนี้ นับว่าน่าชื่นชมจริง ๆ” เฝิงจวิ้นเหอพยักหน้า

“ท่านหญิง เด็กคนนั้นคือเฉินซี!” ที่มุมห้องที่อยู่ห่างออกไป จู่ ๆ ชายวัยกลางคนก็กล่าวออกมากะทันหัน “ครั้งหนึ่งที่เมืองทะเลหมอก ท่านเคยสั่งให้ข้ามอบตราคำสั่งสมบัติสวรรค์ทองคำม่วงให้แก่เขา หรือว่าท่านหลงลืมไปแล้ว”

ชายวัยกลางคนผู้นี้มีท่าทางที่มั่นคง ดวงตาที่สดใสและเปล่งประกาย หากเฉินซีได้อยู่ที่นี่ เขาจะต้องรำลึกได้อย่างแน่นอนว่า คนผู้นี้คือเล่อฉี ซึ่งเป็นผู้ประเมินที่มากประสบการณ์ของหอขุมทรัพย์สวรรค์แห่งเมืองทะเลหมอก

“โอ้?” หญิงงามลุกนั่งตัวตรงทันที และจดจ้องม่านแสงอย่างระมัดระวัง ดวงตาที่งดงามของนางก็ส่องประกายอย่างไม่ธรรมดาเช่นกัน

ไม่จำเป็นต้องเดา คนผู้นี้ก็คือ ท่านหญิงสุ่ยฮวา ว่ากันว่านางเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์ซ่งซึ่งมีสถานะสูงส่งและการบ่มเพาะที่ยากจะหยั่งถึง นอกจากนี้สถานะของนางในดินแดนทางใต้ก็นับว่าไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก

“จงตามข้ามาซะ ข้าจะไปพบกับสหายเก่าที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน”

ณ ห้องโถงใหญ่ของหอขุมทรัพย์สวรรค์

ฉู่เทียนจวี่โจมตีอย่างโจ่งแจ้ง จึงทำให้บรรยากาศตึงเครียดอีกครั้ง และสายตาของทุกคนก็มาบรรจบกันที่การต่อสู้

‘ช่างเป็นกระบวนท่าที่น่าเกรงขาม!’ ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง ในขณะที่เขาตระหนักได้ทันทีว่า มวลพลังทรงกลมที่ควบแน่นจากแสงสีฟ้าที่ฉู่เทียนจวี่ถืออยู่ในมือนั้น แฝงด้วยปราณพฤกษาครามอย่างมากมายและรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง เต๋ารู้แจ้งประเภทต่าง ๆ กำลังไหลเวียนอยู่ภายในนั้น และมันยังก่อกำเนิดเทพองค์เล็ก ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนที่มีกลิ่นอายที่สง่าผ่าเผยในอิริยาบถต่าง ขณะที่พวกมันหมุนวนและเริงระบำไปรอบ ๆ อยู่ภายในมวลพลัง ยิ่งไปกว่านั้น มวลพลังแสงสีครามเป็นดั่งดวงอาทิตย์ที่แผดเผาใส่เฉินซี จนทำให้พื้นที่โดยรอบพังทลายและแตกเป็นเสี่ยง ๆ เนื่องจากไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้

“เขาใช้กระบวนท่ากงจักรสุริยันนภาจรัสแสงซึ่งเป็นเคล็ดวิชายุทธ์ระดับเต๋าของนิกายนภาจรัสแสง! ว่ากันว่า ทุกครั้งที่ผู้บ่มเพาะหยั่งรู้เต๋ารู้แจ้ง จะทำให้พลังของมันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า การโจมตีของฉู่เทียนจวี่ครั้งนี้แฝงด้วยเต๋ารู้แจ้งทั้งเก้าประเภท แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางก็ยังไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน เจ้าเด็กที่มีการบ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำน่าจะจบสิ้นแล้ว”

“นี่คือกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าหรือ? นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพบเจอ มันช่างตรงกับที่คาดเดาไว้ กระบวนยุทธ์ระดับเต๋านั้นลึกซึ้ง ล้ำลึก และยังเชื่อมโยงกับความลับของสวรรค์เมื่อถูกใช้ออกไป ช่างเป็นเคล็ดวิชาชั้นเลิศจากการใช้ประโยชน์เต๋ารู้แจ้งได้อย่างน่ากลัวถึงขีดสุด หากว่าฉู่เทียนจวี่ได้บ่มเพาะกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าจริง ๆ แล้ว เขาจะต้องโดดเด่นในการชุมนุมดาวรุ่งที่จะจัดขึ้นในอีกห้าปีนับจากนี้อย่างแน่นอน”

“แน่นอน กระบวนยุทธ์ระดับเต๋านั้นลึกล้ำและห่างไกลเกินกว่าพวกเราจะเอื้อมถึง อย่างไรก็ตาม ไม่อาจคำนึงถึงคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบ แม้ว่าเคล็ดวิชากระบี่นี้จะทรงพลังและมีกระบวนท่ากระบี่ที่ยิ่งใหญ่ทั้งแปด อีกทั้งแต่ละกระบวนท่ายังแฝงด้วยเต๋ารู้แจ้ง แต่มันก็เป็นหนึ่งในเคล็ดวิชากระบี่ที่บ่มเพาะได้ยากที่สุดในโลก และยังไม่มีผู้ใดสามารถบ่มเพาะได้สำเร็จ เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ กงจักรสุริยันนภาจรัสแสงของนิกายนภาจรัสแสง กลับเป็นเคล็ดวิชาการต่อสู้อันล้ำค่าที่ทุกคนต่างก็ปรารถนาถึง”

ในเวลาเดียวกันกับที่ทุกคนกำลังสนทนากัน เฉินซีก็ได้เคลื่อนไหวแล้ว โดยปกติแล้วเขาจะไม่เผชิญหน้าตรง ๆ จึงใช้เคล็ดวาตะเหินทะยานเพื่อทะยานหลบหลีกไปมาดั่งสายฟ้า

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนฉู่เทียนจวี่คาดเดาได้แต่แรกว่าเฉินซีจะต้องหลบเลี่ยง จากนั้นเขาจึงใช้ทักษะการเคลื่อนไหวที่ดูลึกล้ำจนดูเหมือนมังกรและพยัคฆ์กระโจน ในขณะที่เขาเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็ว นอกจากนี้ความเร็วของเขาก็รวดเร็วยิ่งนัก จนไม่ด้อยไปกว่าเคล็ดวาตะเหินทะยานของเฉินซีเลยแม้แต่น้อย

ยิ่งกว่านั้น ทักษะการเคลื่อนไหวชุดนี้ดูเหมือนจะเหมาะกับการต่อสู้ในระยะประชิดอย่างยิ่ง พลังที่น่าสะพรึงกลัวพวยพุ่งออกมาในทุกย่างก้าวของเขาจนเกิดดอกบัวบานที่ผนึกมิติไว้ และเขาก้าวเดินไปหลายครั้ง ซ้ำไปซ้ำมา จนทำให้รัศมีภายในระยะสี่สิบจั้งโดยรอบเฉินซีถูกผนึกอย่างสมบูรณ์!

“กระบวนยุทธ์ระดับเต๋า ย่างก้าวบัวบาน! มันคือแนวกั้นของดอกบัว และหากใครติดอยู่ในนั้น ก็จะเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกขังอย่างอับจนทาง ได้แต่เฝ้ารอวันตายที่จะมาถึงเท่านั้น!” เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นอย่างกะทันหันจากฝูงชนโดยรอบ และดูเหมือนคนผู้นั้นจะตกใจเป็นอย่างมาก

หัวใจของเฉินซีสั่นสะท้านทันที เนื่องจากเขาเคยได้ยินชื่อเสียงของกระบวนยุทธ์ระดับเต๋ามาก่อน แต่ก็ยังไม่เคยพบเจอ ถึงกระนั้น มันก็ตรงกับที่เขาคาดไว้ อานุภาพของเคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับนี้เหนือธรรมชาติ และเป็นเคล็ดวิชาชั้นเลิศที่หลอมรวมเต๋ารู้แจ้งเข้ากับตัวมันเอง จนทำให้มันทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ทว่ามีเพียงนิกายโบราณบางนิกายเท่านั้นที่จะได้รับสืบทอดเคล็ดวิชาเช่นนี้

นอกจากนี้ หากหยั่งรู้เต๋ารู้แจ้ง แต่กลับไม่รู้วิธีใช้งาน มันก็แทบจะไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง ในขณะที่กระบวนยุทธ์ระดับเต๋านั้นเป็นเคล็ดวิชาการต่อสู้ที่เชี่ยวชาญในการสอนวิธีใช้เต๋ารู้แจ้ง ยกตัวอย่างเช่น คลื่นกระบี่เมฆาพเนจรของนิกายกระบี่เมฆาพเนจรก็เป็นกระบวนยุทธ์ระดับเต๋า แต่น่าเสียดายที่มันเป็นหนึ่งในสมบัติประจำนิกายของนิกายกระบี่เมฆาพเนจร และมีเพียงศิษย์ที่แท้จริงเท่านั้นจึงจะสามารถบ่มเพาะได้

เมื่อพิจารณาดูแล้ว ตัวตนของเฉินซีนั้นถือว่าพิเศษ แต่เขากลับไม่ได้เป็นศิษย์ของนิกายกระบี่เมฆาพเนจร ดังนั้นเขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะบ่มเพาะมันนั่นเอง

ฉู่เทียนจวี่นั้นทรงพลังอย่างแท้จริง และเขาได้บ่มเพาะกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าถึงสองวิชา แต่ม่านดอกบัวนี้ไม่ใช่เขตแดนเต๋า และอานุภาพของมันก็ห่างชั้นเกินกว่าที่จะเทียบกับเขตแดนเต๋าแห่งการสังหารของหานกู่เยว่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]