เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1921

บทที่ 1921 เอกภพนพฤกษ์

………………..

บทที่ 1921 เอกภพนพฤกษ์

เฉินซีดเผยสีหน้าตกตะลึงระคนงุนงงเล็กน้อย

อำนาจที่จู่โจมเมื่อครู่ไม่ใช่พลังทัณฑ์สวรรค์สะกดเต๋า แต่เป็นอำนาจเต๋าสวรรค์สูงสุดอันปกคลุมเอกภพนี้อย่างหนาแน่น

ราวมันตรวจพบสิ่งผิดปกติบางอย่างในกายเขา และไม่ยินยอมให้เข้าใกล้แก่นแท้เอกภพ ดูสุดแสนมิอาจเข้าใจ

ขณะเดียวกันนั้นเอง หนึ่งความคิดก็ปรากฏในใจเฉินซี หนึ่งเอกภพมีเจ้าของสองคนไม่ได้!

ความคิดนี้ปรากฏขึ้นอย่างไม่มีปี่ขลุ่ยราวดีดตัวปรากฏเฉียบพลัน แต่ทำให้เฉินซียืนยันเรื่องหนึ่งได้ทันที คือเขาไม่มีทางพากู่เยี่ยนเข้าไปร่วมแบ่งปันแก่นแท้เอกภพทั้งเก้ากับเขาได้

กู่เยี่ยนและอาเหลียงทั้งประหลาดใจและงุนงง ทั้งคู่ต่างถูกดีดกระเด็นโดยไม่ทันตั้งตัว และยังตกใจไม่หาย

เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทั้งสองต่างฉงนใจ

ครู่ต่อมา เฉินซีก็เล่าสิ่งที่ตนคาดเดาออกมาอย่างตรงไปตรงมา สุดท้ายก็ถอนหายใจกล่าวว่า “กู่เยี่ยน ยามนี้ข้าทำได้เพียงให้เจ้าทนลำบากไปก่อนแล้ว”

เมื่อเขาประจักษ์เรื่องทั้งหมดนี้ กู่เยี่ยนกลับดูผ่อนคลาย แย้มยิ้มกล่าวว่า “อาจารย์อา ข้ามิได้ลำบากเลย ท่านรีบลงมือเถิด ยิ่งแปรสภาพดูดซับแก่นแท้เอกภพได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”

“นั่นสิคุณชาย ท่านควรเร่งมือนะเจ้าคะ จะได้ไม่เกิดเหตุเกินคาดใด ๆ” อาเหลียงช่วยเกลี้ยกล่อม

เฉินซีพยักหน้า “เช่นนั้น ทั้งคู่อยู่ที่นี่ก่อน เราจะไปด้วยกันยามข้าทำสำเร็จ”

ว่าแล้ว เขาก็ยกมือขยับ นำอาภรณ์วิญญาณสุญตาที่สวมอยู่ออกมาส่งให้กู่เยี่ยนเพื่อป้องกันตัว

หลังจากนั้น เขาก็สูดหายใจลึก ๆ ชักยันต์ศัสตราทะยานออกไปอีกครั้ง

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

ยันต์ศัสตราอัดแน่นด้วยพลังอันคลุมเครือของอักขระผนึกเต๋า เปรียบประหนึ่งเหล็กแหลมทะลวงแทงพลังทัณฑ์สวรรค์ ชำแรกผ่านเข้าไปทีละน้อย

นอกจากนั้น พลังจากอักขระผนึกเต๋าชั้นหนึ่งก็โอบล้อมร่างของเฉินซีไว้เช่นกันขณะเคลื่อนตัวผ่านรอยแยก

ขณะนี้ เขาประหนึ่งนั่งบนเรือลำน้อยประชันคลื่นคลั่ง การคืบหน้ากว่าจะได้ทีละนิดนั้นดูยากเย็น

นอกจากนั้น มันยังอันตรายอย่างยิ่ง เพราะยามเรือลำน้อยล่มในสมุทร จุดจบก็คือความตาย!

ขณะมองเหตุการณ์ตรงหน้า อาเหลียงและกู่เยี่ยนต่างอดร้อนใจมิได้ ขณะลอบภาวนาเอาใจช่วยเฉินซี

วิ้ง! วิ้ง!

วิญญาณของเขาสั่นสะท้าน พลังจากอักขระผนึกเต๋าสายแล้วสายเล่าถูกปลดปล่อย ปกคลุมรอบตัวเฉินซีและหลั่งไหลสู่ยันต์ศัสตรา

ขณะนี้ สีหน้าของเฉินซีสุขุมมุ่งมั่น โคจรการบ่มเพาะทั้งหมดของตนอย่างมิกล้าเลินเล่อแม้แต่น้อย

ห้าจั้ง

สิบจั้ง

ห้าสิบจั้ง

ร้อยจั้ง

ขณะคืบหน้า ปราณของเฉินซีก็ค่อย ๆ ทวีความหนาหนัก เม็ดเหงื่อนับไม่ถ้วนผุดพรายบนหน้าผาก ดูลำบากยากเข็ญเอาการ

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าปราณของตนถูกสูบกลืนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพลังของอักขระผนึกเต๋าซึ่งสูญสลายไปเกินครึ่ง

ทว่ายามนี้ เฉินซีมิอาจสนใจมันมากนัก เพราะเขามิอาจหันกลับ รอยแยกเบื้องหลังฟื้นกลับมาอย่างสมบูรณ์นานแล้ว

กล่าวคือ แม้เฉินซีคิดหันหลังยามนี้ เขาก็ยังต้องถากเถือเบิกทางเดินใหม่

มิต้องพูดถึงว่านับแต่แรก ความมุ่งมั่นของเฉินซีหาสั่นคลอนไม่ ยามเผชิญโอกาสสูงสุดตรงหน้า เขาก็มุ่งมั่นจะคว้ามันให้ได้ ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใด!

สองร้อยจั้ง

สามร้อยจั้ง

ห้าร้อยจั้ง

ยิ่งเขาเข้าใกล้แก่นแท้เอกภพ สภาพของเฉินซีก็ยิ่งย่ำแย่

ขณะนี้ ทั่วร่างของเขาชุ่มด้วยเหงื่อ ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาว ปราณทั่วกายเผยสัญญาณอ่อนแอลงเล็กน้อย

มีเพียงดวงตาสีดำที่ยังหนักแน่นไร้ความหวั่นไหว

เขาตระหนักดีว่า ยิ่งโอกาสที่วาดหวังยิ่งใหญ่ ราคาที่ต้องจ่าย และอันตรายที่ต้องพบก็ยิ่งมหาศาล

โอกาสอันสูงส่งตรงหน้านี้กล่าวได้ว่ายิ่งใหญ่เกินคราวใด พลังแก่นแท้ของเอกภพอื่น ๆ มิอาจเทียบมันได้เลย

แต่นี่ก็หมายความเช่นกันว่า เฉินซีต้องจ่ายราคามหาศาลเกินผู้ใดเพื่อครอบครองมัน!

ยิ่งกาลเวลาผ่านพ้น ความเร็วการคืบหน้าของเฉินซียิ่งถดถอย สายตาของเขาพร่ามัว นอกจากนั้น วิญญาณยังรู้สึกเจ็บแปลบรวดร้าว ประหนึ่งเจียนแหลกสลายเป็นเสี่ยงอย่างเกินทน

มันคือสัญญาณว่าพลังวิญญาณเจียนหมดสิ้น!

ยามเฉินซีอยู่ห่างจากแก่นแท้เอกภพเพียงราวร้อยจั้ง กระทั่งพลังของอักขระผนึกเต๋ายังจวนเหือดหาย

หากเกิดเรื่องเช่นนั้น เขาจะเสียการคุ้มครองของอำนาจอักขระผนึกเต๋าไป แล้วเฉินซีก็จะถูกพลังทัณฑ์สวรรค์กลุ้มรุมในทันที!

ผลที่ตามมาไม่มีทางคาดคิดได้

แต่เฉินซีไร้หนทางกลับหลัง เขาใช้เจตจำนงอันดื้อดึงยึดมั่นก้าวเดินต่อ ไม่ว่าอันตรายเพียงไร เขาก็ทำได้เพียงเดินหน้า!

ไปต่อ!

เดินต่ออย่างไม่หยุดยั้ง!

ภายใต้การหนุนเสริมของพลังนี้ ดวงจิต พลังชีวิต วิญญาณ แก่นแท้และปราณก็คืนชีวิตชีวา มิเพียงฟื้นคืนสู่สภาพสมบูรณ์พร้อม แต่ยังแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเก่า

โดยเฉพาะอักขระผนึกเต๋าซึ่งเดิมหมองหม่นไร้รัศมี ยามนี้มันดูเหมือนถูกขัดเกลาใหม่อีกหน เรืองประกายเจิดจรัส เผยอำนาจแข็งแกร่งกว่ากาลก่อนมากนัก!

ขณะนี้ โลหิตจากเจ็ดทวารของเฉินซีหยุดลง ใบหน้าซีดขาวฟื้นสีเลือด กระทั่งสติอันเลือนรางยังกระจ่างชัดขึ้นมาอีกครั้ง

ราวได้เกิดใหม่!

“ขอบคุณมาก” เฉินซีกล่าวในใจ เขารู้ว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากช่วยเขาไว้อีกครั้ง

เปรี้ยง!

พริบตาต่อมา ยันต์ศัสตราในมือก็แผลงรัศมีเจิดจรัสพร่างพราว เพียงวาดกระบี่เบา ๆ พลังทัณฑ์สวรรค์ตรงหน้าก็ถูกฟาดฟันเบิกเส้นทางกว้างขวาง!

วูบ!

ร่างของเฉินซีทะยานเข้าสู่แก่นแท้เอกภพ หายลับจากสายตาของกู่เยี่ยนและอาเหลียงไป

“เขาทำได้แล้ว!” กู่เยี่ยนและอาเหลียงผ่อนลมหายใจโล่งอกพร้อม ๆ กัน ร่างซึ่งเดิมเกร็งแข็งอ่อนยวบผ่อนลง ยามนี้เอง พวกเขาจึงสังเกตว่าทั้งสองเหงื่อชุ่มเต็มมือ แล้วอดยิ้มให้กันมิได้

“อาเหลียง เราไปซ่อนตัวกันก่อนเถอะ มิให้อุบัติเหตุใดเกิดขึ้น” กู่เยี่ยนสูดหายใจลึก ๆ แล้วจึงกล่าวอย่างสุขุม “อาจารย์อากลับมายามใด เราก็ค่อยไปจากที่บ้า ๆ นี่กัน”

“อื้อ” อาเหลียงพยักหน้าอย่างหนักแน่น

ณ จุดลึกสุดของแดนรวนเรลืมเลือน ฟ้าดินแดงฉานเช่นโลหิต เงียบงันเช่นป่าช้า

หนึ่งวิหารโบราณตระหง่านใหญ่ ดูประหนึ่งผ่านกาลเวลาแสนนาน อัดแน่นด้วยบรรยากาศเก่าแก่โชกโชน

“หือ?” ทันใดนั้น กระแสจิตเย็นเยียบชวนสะพรึงสายหนึ่งก็ทะยานออกจากวิหารศักดิ์สิทธิ์สีดำอันยิ่งใหญ่

“ผ่านไปนานเพียงไรแล้วกันนี่? มีใครบางคนทะลวงพันธนาการผนึกเต๋าของเอกภพนพฤกษ์ได้แล้ว! ดูเหมือนโอกาสท้าทายสวรรค์เปลี่ยนชะตาเราจะมาถึงแล้วจริง ๆ….”

“ไปตรวจดูเสียว่าศิษย์ผู้ใดจากห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิบรรลุเหตุนี้ จำไว้ว่าอย่าให้ศัตรูรู้ตัว!”

วูบ!

หนึ่งร่างในชุดดำ สวมชุดคลุมปิดร่างมิดปรากฏขึ้นตรงหน้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ ก้มหัวลงกล่าว “ศิษย์จะไปเดี๋ยวนี้ขอรับ”

แล้วร่างในชุดคลุมดำก็หายวับไปอีกครั้ง

“ฮ่า ๆ จำนงสวรรค์นั้นยากคะเน โอกาสนั้นไม่มีทางคาดหยั่ง ขอเพียงคว้าโอกาสนี้ไว้ให้มั่น บางทีเราก็อาจสามารถหาความลับแท้จริงของมหาวิถีได้!” กระแสจิตเย็นเยียบน่าสะพรึงกลัวนั้นทอดถอนใจ ก่อนจะเงียบหายไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์สีดำ

ครืน!

ฟ้าดินสั่นสะท้านเป็นคลื่น ขณะที่ม่านแสงสีแดงเลือดพลันโปรยลงปกคลุมบริเวณนี้ แล้วหายลับไปกับวิหารศักดิ์สิทธิ์สีดำ

เมื่อหันมองมาอีกครั้ง วิหารศักดิ์สิทธิ์สีดำก็ไร้ร่องรอยให้พบพาน หลงเหลือเพียงฟ้าดินอันวังเวงเงียบกริบ

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]