เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1925

บทที่ 1925 เย้ยหยัน

………………..

บทที่ 1925 เย้ยหยัน

บัดนี้ทั้งเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนต่างก็จมสู่ความผยอง ราวกับว่า ณ ขณะนี้ ชัยชนะได้อยู่ในกำมือของพวกเขาแล้ว

แน่นอน มันเป็นท่าทีของคนที่มั่นใจในตัวเองอย่างยิ่ง และเป็นหนึ่งในความทระนงแห่งจ้าวเอกภพ

จ้าวเอกภพคือสิ่งใดอย่างนั้นหรือ?

มันคือตัวตนซึ่งอยู่เหนือปฐพี เป็นผู้ที่สามารถกลับหยินหยาง เปลี่ยนพลังเอกภพให้กลายเป็นพลังของตน สูงส่งยิ่งกว่ามหาราชเทวาคนใด สำหรับแดนเทพโบราณแล้ว พวกเขาเป็นเหมือนกับจ้าวผู้ยิ่งใหญ่!

ตอนนี้ทั้งเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนต่างก็กลายเป็นจ้าวเอกภพ ความแข็งแกร่งทรงพลังและแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

ในสายตาของพวกเขา เหล่าบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลก็ไม่ต่างอะไรจากมดปลวกตัวจ้อย!

สีหน้าของถูเมิ่งเต็มไปด้วยความโกรธ หากกระนั้นเขาก็หาได้ระเบิดโทสะออกมา ชายหนุ่มรู้ดี ในตอนนี้จะกู่เยี่ยนหรืออาเหลียงก็ไม่อาจช่วยอะไรเขาได้ ทันทีที่โบกมือ เขาก็วางคนทั้งสองไว้ในร่างกายของตน

เหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนไม่ได้แยแสต่อการกระทำนั้น สำหรับพวกเขาแล้ว ต่อให้กู่เยี่ยนและอาเหลียงจะซ่อนตัวมิดชิดเพียงใด ก็ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของพวกเขาไปได้ในทันทีที่ถูเมิ่งถูกฆ่า

สายตาของเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนยังคงจรดมองไปยังเอกภพที่อยู่ไกลออกไป นัยน์ตาของพวกเขาวาววับคล้ายกำลังมองนักโทษหลบหนี มันเต็มไปด้วยความเฉยเมยและความชิงชังที่ยากระงับ

ไม่ว่าจะเหลิ่งซิงหุนหรือตงหวงอิ่นเซวียน พวกเขาหาได้ปรารถนาอะไรมากไปกว่าการได้แล่เนื้อเถือหนังของเฉินซีและฉีกกระชากร่างนั้นให้แหลกคามือ!

น่าเสียดาย แม้ว่าในปัจจุบันพวกเขาจะมีสถานะเป็นถึงจ้าวเอกภพ ทว่าก็ไม่อาจจะลงมือกับเฉินซีได้ในตอนนี้ เพราะพลังทัณฑ์สวรรค์สะกดเต๋าภายในเอกภพแห่งนั้นน่ากลัวเกินไปสำหรับพวกเขา

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบพานกับพลังทัณฑ์สวรรค์ซึ่งปกคลุมแก่นแท้เอกภพหนาทึบเช่นนี้ พวกมันเป็นเหมือนกับปราการเหล็กที่ยากจะฝ่าไป นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ เหตุใดเฉินซีจึงสามารถเอาชนะมันและเข้าไปในแก่นแท้เอกภพนั้นได้ทั้งที่ยังอยู่ในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลเช่นนี้?

“เอกภพลึกลับนี้มีความพิเศษอย่างยิ่ง อันที่จริงแล้ว มันมีแก่นแท้เอกภพอยู่ภายในนั้นถึงสองแห่ง!” เพียงชั่วพริบตา ม่านตาของตงหวงอิ่นเซวียนก็หดแคบลง น้ำเสียงเคร่งขรึมลง “ไม่สิ! ไม่ใช่แค่สอง! หากดูจากพลังชีวิตที่เล็ดลอดออกมาจากชายผู้นั้น เห็นได้ชัดว่าเขาบ่มเพาะอยู่ที่นี่มาเป็นระยะเวลานานแล้ว บางที… เขาอาจจะขัดเกลาพลังแก่นแท้ไปจำนวนมหาศาลมากแล้วก่อนที่เราจะมาถึงที่นี่!”

สิ้นคำ สีหน้าของตงหวงอิ่นเซวียนก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนสับสน “แปลกนัก เอกภพนี้แปลกจริง ๆ เหตุใดมันจึงครอบครองแก่นแท้เอกภพไว้มากมายเช่นนี้? ถ้าสหายเต๋าเฉินซีคนนั้นสามารถขัดเกลาและดูดซับพวกมันได้ทั้งหมด ข้าไม่กล้าจะจินตนาการเลยว่าหลังจากที่เขากลายเป็นจ้าวเอกภพแล้วจะเกิดอะไรขึ้น” เสียงนั่นพึมพำเนิบช้า

แม้นตงหวงอิ่นเซวียนจะไม่พูด เหลิ่งซิงหุนก็สัมผัสรับได้ถึงเรื่องดังกล่าวเช่นกัน สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดไม่น้อย

เมื่อก่อนเขาเคยได้ยินมาว่า เอกภพที่ครอบครองแก่นแท้ถึงสองแห่งเคยปรากฏตัวขึ้นครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของแดนเทพโบราณ มันเป็นเอกภพหายากกระทั่งบางคนก็คิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล่าปรัมปรา ไม่เพียงเท่านั้น ทันทีที่มันปรากฏตัว ความปั่นป่วนครั้งใหญ่ก็พลันบังเกิดแก่ขอบเขตการบ่มเพาะภายในแดนเทพโบราณ

กระนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับเอกภพที่อยู่เบื้องหน้า มันช่างดูซีดเซียว ราวกับหิ่งห้อยที่พยายามเปล่งแสงแข่งกับดวงจันทรา!

จากการคาดการณ์ของเหลิ่งซิงหุน ในตอนนี้เฉินซีน่าจะขัดเกลาและดูดซับแก่งสสารเอกภพมาแล้วอย่างน้อยสามแห่ง และหากรวมกับอีกสองแห่งที่ยังไม่ได้ดูดซับ ก็เท่ากับว่าเขามีแก่นแท้เอกภพถึงห้าแห่งอยู่ในการครอบครอง!

ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นเพียงการคาดเดาถึงจำนวนขั้นต่ำเท่านั้น บางทีจำนวนที่แท้จริงอาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ!

เมื่อเขาคิดว่าเฉินซีได้ขัดเกลาและดูดซับโชคลาภครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความริษยาระคนชิงชังที่เกินควบคุมก็บังเกิดขึ้นในใจอย่างอดไม่ได้

เหตุใดโชคชะตาจึงได้เข้าข้างสหายเต๋าผู้นั้นมากถึงเพียงนี้?

สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม! “พี่เหลิ่ง เห็นทีคงจะช้ากว่านี้อีกไม่ได้แล้ว เราต้องฆ่าถูเมิ่งและคนอื่น ๆ ตอนนี้เลย ไม่อย่างนั้นหากเฉินซีออกมาจากการบ่มเพาะ เขาจะเป็นตัวแปรสำคัญที่พลิกผันสถานการณ์” ตงหวงอิ่นเซวียนสูดหายใจเข้าลึก จิตสังหารมากมายสะท้อนภายในดวงตาคู่นั้น ส่งผลให้ทุกสิ่งที่อยู่โดยรอบตกลงสู่ความโกลาหล

“ใช่แล้ว! มาจัดการกับคนพวกนี้ก่อนดีกว่า!” เหลิ่งซิงหุนตระหนักดีเช่นกันว่าเรื่องสำคัญในตอนนี้ก็คือการจัดการกับจ้าวเอกภพที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ถูเมิ่ง!

อย่างไรเสีย หากพวกเขารอจนกระทั่งเฉินซีจะออกจากการบ่มเพาะ แน่นอนว่าลำพังเพียงความแข็งแกร่งของตงหวงอิ่นเซวียนก็คงไม่อาจสั่นคลอนอีกฝ่ายได้

แม้ว่าเหลิ่งซิงหุนจะมั่นใจในความแข็งแกร่งที่ตนมีในยามนี้มากเพียงใด แต่เขาก็รู้ดีว่าหากเทียบกับยอดคนฝีมือฉกาจอย่างเฉินซีแล้ว ตัวเขานั้นไม่ใช่คู่ค่อสู้ของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย หากจะเอาชนะให้ได้ ก็มีแต่ต้องผนึกกำลังกับตงหวงอิ่นเซวียนเท่านั้น

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาต้องจัดการกับถูเมิ่งก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากที่จ้าวเอกภพผู้นี้ถูกกำจัดแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็จะกลายเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบขึ้นมาบ้าง

ขวับ!

เมื่อเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนตัดสินใจแน่วแน่แล้ว พวกเขาก็จ้องมองไปที่ถูเมิ่งอย่างพร้อมเพรียง สายตาทั้งสองคู่นั้นไม่แม้จะอำพรางซึ่งจิตสังหารที่เดือดพล่าน

“ในที่สุดก็พร้อมลงมือแล้วหรือ? ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว! ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะต้องลากหนึ่งในพวกเจ้าให้ตายตกไปพร้อมกับข้าให้จงได้!” แววตาของถูเมิ่งคมกริบราวกับสายฟ้าที่แฝงกลิ่นอายวิปลาส

เด็กหนุ่มตระหนักดีถึงสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็จะไม่มีวันนั่งรอความตายอย่างสิ้นหวัง

“ฮ่า ๆ! น้องตงหวง เจ้าว่าเฉินซีจะรู้สึกอย่างไรหากเราฆ่าสหายของเขาไปต่อหน้าต่อตา?” เมื่อเหลิ่งซิงหุนเห็นท่าทางสงบเยือกเย็นของถูเมิ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มและพูดอย่างสบายอารมณ์

เหลิ่งซิงหุนเคยบ่มเพาะตนภายในแก่นแท้เอกภพมาก่อน เขารู้ดีว่าต่อให้เฉินซีจะบ่มเพาะอยู่ภายในนั้น เขาก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกได้อย่างชัดเจน

“อันที่จริงแล้ว ข้าเองก็แอบกังวลเหมือนกันว่าเขาจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเสียจนเกิดปราณหักเห ขืนเป็นเช่นนั้น เขาคงจะไม่สามารถกลายเป็นจ้าวเอกภพได้อย่างสงบใจแน่” ตงหวงอิ่นเซวียนเอ่ยทีเล่นทีจริงหากแฝงด้วยความตลกร้าย

“ฮ่า ๆ! เรานี่ช่างใจตรงกันจริง ๆ” เหลิ่งซิงฮุนระเบิดเสียงหัวเราะ

ถูเมิ่งทอดมองการกระทำเหล่านั้นด้วยความสงบเรียบเฉย เขาทำเพียงขบกรามแน่นเงียบ ๆ ด้วยตระหนักดีว่าคนทั้งสองกำลังพูดยั่วยุให้สมาธิของเฉินซีไขว้เขว และนั่นจะส่งผลอันตรายต่อตัวอาจารย์อาของเขาอย่างยิ่ง

โครม!

ถูเมิ่งโจมตีอย่างดุเดือด ปราศจากความลังเล

อั๊ก!

ไม่ทันสิ้นเสียง ถูเมิ่งก็ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง ตงหวงอิ่นเซวียนแทงเขาที่ด้านหลังอย่างแรงด้วยพู่กันบัญชาเต๋า บาดแผลลึกเสียจนเห็นชั้นกระดูกขาวโพลน

ใบหน้าของเด็กหนุ่มบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดเหลือแสน เขาเลือกที่จะกัดฟันเพื่อข่มเสียงร้องของตน แม้จะต้องตาย ก็ไม่คิดจะรบกวนเฉินซีเป็นอันขาด

“โอ้! ใจแข็งเหมือนกันนิ” ตงหวงอิ่นเซวียนหัวเราะดูแคลน “น่าเสียดายที่อาจารย์อาเฉินซีของเจ้าเป็นพวกใจดำอำมหิต ทั้งที่เห็นเจ้ากำลังทรมานอยู่แท้ ๆ แต่กลับวางเฉยได้ถึงเพียงนี้”

ตู้ม!

ขณะที่พูด เขาก็ถือพู่กันบัญชาเต๋าพร้อมกับโจมตีอีกครั้ง

“อย่าใจร้อนไป ข้าต้องการค่อย ๆ หักกระดูกของเขาทีละท่อน อยากรู้นักว่าจะทนได้สักกี่น้ำ!” เหลิ่งซิงหุนพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แน่นอน เขาตั้งใจที่จะยั่วโทสะเฉินซีด้วยการทรมานถูเมิ่ง

อั๊ก! อั๊ก! อั๊ก!

โลหิตแดงฉานพุ่งออกมาจากร่างของถูเมิ่งครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างเปียกโชกทวีความเจ็บปวดรุนแรงยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกัน เหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนก็ร่วมกันลงมือพร้อมกับใช้คำพูดที่แสนเสียดแทงเพื่อเย้ยหยันเฉินซีและถูเมิ่งอย่างสนุกสนาน

พวกเขาทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อขัดขวางการบ่มเพาะของเฉินซี

เป็นวิธีที่โหดร้ายและยั่วยุโทสะได้ถึงขีดสุด

จนถึงบัดนี้ นอกเหนือจากการคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดแล้ว ถูเมิ่งก็หาได้ส่งเสียงส่งเสียงใดอีก ความมุ่งมั่นของเขาแข็งแกร่งมากจนแม้แต่คนทั้งสองยังต้องขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ

“สงสัยคงต้องเติมเชื้อไฟสักหน่อย ใช่แล้ว การถูกทำลายฐานพลังน่ะ เจ็บปวดยิ่งกว่าความตายเสียอีก” เสียงของเหลิ่งซิงหุนเหี้ยมเกรียมและไม่ยี่หระ

“นี่สิสิ่งที่เราควรทำ หลังจากที่ทำให้เขาพิการแล้ว ก็ค่อยจัดการสองคนนั้นต่อ ใช่ เราต้องทำให้ศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ทั้งหมดกลายเป็นคนพิการ แค่คิดว่าสหายเต๋าเฉินซีต้องออกมาร่วมเป็นสักขีพยานในฉากสะเทือนขวัญเช่นนี้ ก็ชักสนุกขึ้นมาแล้วสิ” ตงหวงอิ่นเซวียนหัวเราะเบา ๆ คำพูดของเขาโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเหลิ่งซิงหุนเสียอีก

ขณะนี้ ภายในแก่นแท้เอกภพที่แปด มือของเฉินซีที่กำลังนั่งขัดสมาธิกำแน่นอย่างอดไม่ได้ ถึงขนาดที่เล็บจิกฝ่ามือซึ่งชุ่มไปด้วยเลือดอย่างไม่รู้ตัว…

โครม!

ด้านหนึ่ง ภายในร่างกายนั้น ความโกรธที่อธิบายไม่ได้เดือดพล่านประหนึ่งเพลิงโหม ความร้อนแรงที่ไม่อาจควบคุมส่งเสียงกึกก้องและกวาดกลืนไปทั่วร่างกายของเขา

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]