เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1929

บทที่ 1929 บดขยี้ด้วยพลังที่เหนือกว่า!

………………..

บทที่ 1929 บดขยี้ด้วยพลังที่เหนือกว่า!

เขาซัดเหลิ่งซิงหุนจนกระเด็นด้วยการฟาดฝ่ามือเบา ๆ!

เมื่อทุกคนเห็นเหตุการณ์นี้ ไม่ว่าจะเป็นถูเมิ่งหรือตงหวงอิ่นเซวียน ใจของทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหว เพราะนี่ช่างเหลือเชื่อจริง ๆ

เดิมทีขณะที่เขายังอยู่ที่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล เหลิ่งซิงหุนมีฉายาว่า ‘ผู้ที่เป็นเลิศที่สุดในเอกภพจักรวรรดิ’ ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์และร่างกายล้วนไม่ธรรมดา เพียงพอให้มองข้ามผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ได้

เพื่อการบรรลุเต๋าและกลายเป็นจ้าวเอกภพโดยสมบูรณ์ เขาไม่ลังเลที่จะสะกดการบ่มเพาะของตนมานับหมื่นปี และในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งนั้นทรงพลังเพียงใด และมันไม่ใช่สิ่งที่จ้าวเอกภพธรรมดาทั่วไปจะเปรียบเทียบได้อย่างแน่นอน

ทว่าในขณะนี้ เขากลับถูกซัดกระเด็นด้วยการฟาดฝ่ามือเพียงครั้งเดียว!

หากผู้บ่มเพาะจากโลกภายนอกเห็นเหตุการณ์นี้ กรามของพวกเขาจะต้องหล่นกระแทกพื้นอย่างแน่นอน

โครม!

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ตงหวงอิ่นเซวียนไม่มีเวลาครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ในทันทีที่เหลิ่งซิงหุนถูกซัดกระเด็น เฉินซีก็หันกลับมาและพุ่งเข้ามาทันที

ในยามนี้ เฉินซีเปรียบเสมือนจักรพรรดิผู้เสด็จลงมายังโลก แสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงทองไหลไปทั่วกาย กลิ่นอายเฉยเมยและสูงสุด

โครม!

ตงหวงอิ่นเซวียนคำรามเสียงดัง และใช้พลังทั้งหมดเพื่อปะทะกับเฉินซี อย่างไรก็ตาม ในเวลาเพียงพริบตา เขาก็ถูกฝ่ามือของเฉินซีซัดกระเด็น ส่งผลให้กระดูกทั่วร่างแทบแหลก

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”

“เป็นไปไม่ได้!”

ท่าทางของเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนเปลี่ยนไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ความตกใจ และความโกรธ

พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า ทั้งที่พวกเขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งจ้าวเอกภพ และยังรวมพลังกันแล้ว แต่กลับไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเฉินซีได้แม้แต่ครั้งเดียว!

นี่มันไม่น่ากลัวไปหน่อยเหรอ!?

ทั้งสองแทบจะยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้!

โครม!

ก่อนที่ทั้งสองจะหายตกใจ เฉินซีก็เปิดฉากโจมตีอีกครั้ง

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่นี้ ดูราวกับว่ามันกำลังจะพังทลายลง ในขณะที่เฉินซีเป็นเหมือนเจ้าเหนือหัวของที่นี่ มีฤทธิ์เดชอันศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ และทุกย่างก้าวก็ทำให้สุญตาแหลกสลาย

“ไอ้สารเลว!!” เหลิ่งซิงหุนดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น

เขาควักกระดานหมากคู่สวรรค์ออกมา จากนั้นจึงสร้างเสาหลักสีดำและสีขาวจำนวนมาก ก่อนที่จะเปลี่ยนให้โลกเป็นกระดานหมาก โดยหมายมั่นตั้งใจจะกักขังเฉินซี และทำลายจิตวิญญาณของอีกฝ่ายให้สิ้น

โครม!

เฉินซีโบกแขนเสื้อวูบ เบาบางจนดูไม่ก่อให้เกิดความปั่นป่วนมากนัก แต่กลับมีเสียงดังกึกก้อง ก่อนที่กระดานจะสูญสลายไปในทันที ยิ่งไปกว่านั้น กระดานหมากคู่สวรรค์ยังส่งเสียงคร่ำครวญและสั่นสะเทือนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เหลิ่งซิงหุนถูกกระแทกกลับไปอีกครั้ง จนกระอักเลือดออกมาคำใหญ่

ฟึ่บ!

ในอีกด้านหนึ่ง คัมภีร์ไท่เซวียนพลิกเปิด ก่อนที่แถวของอักขระอันลึกลับจะพุ่งออกมาจากภายใน พวกมันเปล่งพลังอันศักดิ์สิทธิ์เรืองรอง ก่อตัวเป็นชิ้นงานอันวิจิตร พวกมันถูกควบคุมโดยพู่กันบัญชาเต๋าหมายบดขยี้เฉินซี

“คิดลอบโจมตี? ตายเสียเถอะ!” เฉินซีขมวดคิ้ว หันกลับมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นยื่นมือคว้าจับแล้วจึงฉีกกระชากอักขระอันลึกลับออกจากกัน ทำให้เกิดสะเก็ดแสงโปรยปรายไปทั่วบริเวณโดยรอบ

ตงหวงอิ่นเซวียนตกใจจนดวงตาแทบถลนออกจากเบ้า!

เขาจะคาดคิดได้อย่างไรว่า เฉินซีจะสามารถต้านทานพลังของพู่กันบัญชาเต๋าและคัมภีร์ไท่เซวียนได้ด้วยมือเปล่า เจ้าเด็กนี่ไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยเหรอ?

โครม!

ในเวลาต่อมา ตงหวงอิ่นเซวียนก็ถูกผลสะท้อนกลับ เลือดลมในกายปั่นป่วน

ยามนี้ไม่ว่าจะเป็นเหลิ่งซิงหุนหรือตงหวงอิ่นเซวียน ไม่ว่าใครก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถต้านการโจมตีจากเฉินซีได้แม้แต่ครั้งเดียว ทั้งยังถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย!

ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่แข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะพลังฝีมือห่างชั้นกันเกินไป!

ในแดนเทพโบราณ ตัวตนอย่างพวกเขาถือได้ว่าเป็นจ้าวเอกภพ และพวกเขาก็ครอบครองพลังอันไร้ขอบเขตที่สามารถปกครองเหนือสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน

อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับดูด้อยกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับเฉินซี

ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ใช่จ้าวเอกภพทุกคนจะสามารถขัดเกลาและดูดซับแก่นแท้ของเอกภพทั้งเก้าแห่งอย่างที่เฉินซีทำได้ และขนาดของเอกภพที่เขาสร้างขึ้นในร่างกายก็กว้างใหญ่ยิ่งกว่าจ้าวเอกภพคนอื่นถึงเก้าเท่า!

เก้าเท่า!

ดูเหมือนเป็นตัวเลขที่ไม่มีนัยสำคัญ แต่ถ้ามันถูกแปลงเป็นการบ่มเพาะ มันก็น่าทึ่งมาก อย่างน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์ของแดนเทพโบราณทั้งหมด อาจไม่มีใครเหมือนเฉินซีแม้แต่คนเดียว

เรียกได้ว่าหายากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

“บัดซบ! มันน่าชิงชังเสียจริง!” หัวใจของเหลิ่งซิงหุนเต็มไปด้วยความคับข้องใจและความโกรธแค้น และพุ่งเข้าใส่เฉินซีอย่างบ้าคลั่ง

ในขณะนี้ เขาใช้เคล็ดวิชาขั้นสูงสุดและสมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่มี พร้อมกับต่อสู้อย่างสุดกำลัง

เขาไม่เต็มใจที่จะถูกสยบเช่นนั้น!

หลังจากที่เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งจ้าวเอกภพแล้ว เขาคิดว่ามันเพียงพอที่จะชดเชยช่องว่างระหว่างเขากับเฉินซี แต่ใครจะคาดคิดว่าแทนที่จะชดเชยช่องว่างนี้ มันกลับใหญ่ขึ้นกว่าเดิม…

“ฆ่า!” ตงหวงอิ่นเซวียนก็เหมือนกัน ใบหน้าของเขาดูสดใสและมืดมน ในขณะที่ดวงตาของเขาเผยความโกรธแค้นสุดขีด ทั้งที่เฉินซีมีเพียงคนเดียว แต่กลับทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพน่าอับอาย มันช่าง… น่าอัปยศอดสูเกินจะรับได้!

ครืน!

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่นี้ตกอยู่ในความโกลาหล ดวงดาวสูญสลายเป็นผุยผง สุญตาพังทลาย เคล็ดวิชาอันน่าสะพรึงกลัวถูกซัดไปทั่วสารทิศ รวมทั้งสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ปะทะกัน ประหนึ่งวันสิ้นโลก

นี่คือการต่อสู้ระหว่างจ้าวเอกภพทั้งสาม ทุก ๆ กระบวนท่าสามารถทำให้โลกตกอยู่ในความโกลาหล ทำลายได้แม้แต่ตะวันและจันทรา!

หากการต่อสู้นี้เกิดขึ้นในแดนเทพโบราณ มันคงจะทำให้เกิดภัยพิบัติที่น่าตกใจไปทั่วโลก

สิ่งนี้ทำให้เหลิ่งซิงหุนโกรธสุดขีด หัวใจเต็มไปด้วยความคับข้อง!

“อ๊าก!!!” เหลิ่งซิงหุนคำรามลั่น พลางต่อต้านเฉินซีด้วยพลังทั้งหมดที่มี ทว่ารูโชกเลือดขนาดใหญ่ถูกระเบิดเปิดบนหน้าอกด้วยพลังฝ่ามือของเฉินซีในฉับพลัน บาดแผลสาหัสจนเขาเกือบเสียชีวิตไป

“เราต้องรีบออกไป! พลังเอกภพที่เจ้านี่ครอบครองเหนือกว่าเราถึงเก้าเท่า เราสู้มันไม่ได้เลย!” ในช่วงคับขันนี้ ตงหวงอิ่นเซวียนพุ่งเข้ามาจากด้านข้าง และคว้าตัวเหลิ่งซิงหุนที่ถูกซัดจนกระเด็น หมายตั้งใจพาหลบหนี

“เจ้าคิดหลบหนีเหรอ? เอกภพนี้เป็นอาณาเขตของข้า” สายตาของเฉินซีดุจสายฟ้า จับจ้องอีกฝ่ายด้วยท่าทางที่เหนือกว่าเขม็ง

เขาไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด หลังจากขัดเกลาและดูดซับแก่นแท้เอกภพทั้งเก้าแห่งที่อยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันลึกลับนี้ พลังเอกภพนี้ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา

ด้วยเหตุนี้เขาจะไม่เฝ้าดูศัตรูของตนหนีไปง่าย ๆ แน่

โครม!

สิ้นคำ เฉินซีก็กดฝ่ามือทั้งสองไปข้างหน้า ทันใดนั้นโซ่ศักดิ์สิทธิ์โปร่งใสจำนวนมากก็ตกลงมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ประหนึ่งโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาที่ปิดผนึกฟ้าดินอันกว้างใหญ่นี้ไว้อย่างสมบูรณ์

“ไม่!!!” สีหน้าของตงหวงอิ่นเซวียนบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง เขาเป็นเหมือนคนเสียสติเมื่อวิญญาณ พลังงาน และแก่นแท้ภายในร่างกายเดือดพล่าน เขาตั้งใจที่จะต่อสู้เสี่ยงชีวิตอย่างสิ้นหวังชีวิตเพื่อทลายโซ่ตรวนศักดิ์สิทธิ์นี้

แต่สุดท้ายมันก็ไร้ผล

โครม!

เฉินซีโจมตีอีกครั้ง

ตงหวงอิ่นเซวียนแผดเสียงร้องโหยหวน เสียงกระดูกหักดังก้องไปทั่วกาย เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยว และดูน่าสยดสยอง

ในขณะนี้ ตงหวงอิ่นเซวียนประสบกับความสิ้นหวัง และจนปัญญาเป็นครั้งแรก ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เขาเจียนบ้า

เขาเพิ่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งจ้าวเอกภพ และมันเป็นช่วงเวลาที่เขาควรจะรู้สึกพอใจกับความสำเร็จของตน แล้วเขาจะเต็มใจสิ้นชีพในแดนรวนเรลืมเลือนได้อย่างไร?

“เฉินซี! ครั้งนี้ปล่อยพวกเราไปเถอะ แล้วเราจะสาบานว่าจะไม่ยุ่งกับเจ้าอีก!”

“ให้โอกาสเราเถอะ พวกเราเหล่าศิษย์จากห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ เราไม่ควรฆ่ากันเอง!”

ตงหวงอิ่นเซวียนและเหลิ่งซิงหุนถอยหลัง กรีดร้องคร่ำครวญซ้ำ ๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว

อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้เช่นพวกเขามักมีความภาคภูมิอยู่เสมอ แต่เมื่อต้องเผชิญกับความตายในขณะนี้ พวกเขากลับไม่ลังเลที่จะร้องขอความเมตตาเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขารู้สึกสิ้นหวังและจนปัญญาเพียงใด

มีใครในโลกนี้ไม่กลัวความตายบ้าง?

ถึงจะมีแต่คนคนนั้นย่อมไม่ใช่ตงหวงอิ่นเซวียน และเหลิ่งซิงหุนอย่างแน่นอน!

พวกเขาเป็นศิษย์จากหนึ่งในห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ พวกเขาเป็นผู้นำศิษย์รุ่นใหม่ในนิกายของตน พวกเขามีอำนาจและชื่อเสียงอันเกรียงไกร และตอนนี้พวกเขาก็ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งจ้าวเอกภพแล้ว ดังนั้นอนาคตของพวกเขาอาจกล่าวได้ว่าไร้ขีดจำกัด

ซึ่งด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล ตัวตนเช่นพวกเขาจึงไม่เต็มใจที่จะตายเช่นนี้!

เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งนี้ ในที่สุดเฉินซีก็กล่าวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น แววตาเยืยกเย็นไม่แยแส “แล้วเมื่อครู่เจ้าสองคนได้ให้โอกาสเขาหรือไม่?”

ชายหนุ่มหยุดครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงก็แผ่วเบาและอ่อนโยน ท่ามกลางสายตาสิ้นหวังจากเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียน “อย่าทำตัวขี้ขลาด ข้ากำลังล้างแค้นอยู่ ดังนั้นโปรดเคารพข้าในฐานะศัตรูเจ้า เข้าใจหรือไม่?”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]