เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1930

บทที่ 1930 สถานการณ์ประหลาด

………………..

บทที่ 1930 สถานการณ์ประหลาด

ว่าจบ เฉินซีก็โจมตีออกมาอีกครั้ง ไม่คิดเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พักหายใจ

ตู้ม!

เฉินซีแบฝ่ามือออก แสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงเหลือบทองสาดออกมา ทำลายห้วงอากาศจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ

“บ้าเอ๊ย!”

“บัดซบ!”

เหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนร้องขึ้นมาพร้อมกัน ดวงตาแทบถลนด้วยความโกรธ ไม่คิดว่าจะต้องยอมอับอายขายหน้า ยอมพ่ายแพ้แก่เฉินซีเช่นนี้ เฉินซีเองก็ดูจะไม่เมตตาพวกเขาเสียด้วย

ทั้งสองพยายามต้านทานสุดกำลัง แต่มีหรือจะต้านรับไหว?

พริบตานั้น เขาก็ถูกดีดกระเด็นไปอีกครั้ง พลันได้ยินเสียงกระดูกหักดังลั่นจากร่าง อยู่ในสภาพดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง

ตอนนี้ไม่มีใครสู้เฉินซีได้เลย!

เขาเองก็ไร้ความเมตตา กดดันทุกย่างก้าว ใช้วิชาทำลายร่าง บดขยี้จิตวิญญาณศัตรู!

ถูเมิ่งถูกทรมานเช่นนั้น เฉินซีจึงอยากให้อีกฝ่ายได้สัมผัสความรู้สึกนั้นเสียบ้าง

เลือดสาดกระเซ็น

เสียงกรีดร้องแหลมลั่นก้องฟ้า

แสงศักดิ์สิทธิ์กวาดไปทั่วบริเวณ

ท้องฟ้าตกอยู่ในความโกลาหล ราวกับเกิดโลกาวิบัติขึ้นก็มิปาน เป็นภาพน่าตื่นตระหนกไม่น้อย

ตอนนี้ผู้ที่เพิ่งขึ้นเป็นจ้าวเอกภพสองคนกลับเหมือนแค่มด ถูกเฉินซีขยี้แล้วขยี้อีก ตกอยู่ในสภาพแทบดูไม่ได้

กระทั่งถูเมิ่งที่อยู่ไกล ๆ ยังเห็นแล้วชะงักไป เขาคิดไว้แล้วว่าหากเฉินซีขึ้นเป็นจ้าวเอกภพเมื่อไหร่ พลังต่อสู้ก็คงจะเพิ่มขึ้นมาก แต่ไม่คิดเลยว่าจะแกร่งขนาดนี้!

ขนาดสองจ้าวเอกภพร่วมมือกันยังไม่อาจตั้งรับไหว ใครมาเห็นจะเชื่อสายตากัน?

เป็นฝีมือบดขยี้ศัตรู!

แบบที่หาใครเทียบไม่ได้!

ฝีมือหาใครเทียมของเฉินซีทำเอาถูเมิ่งเลือดในกายเดือดพล่าน รู้สึกยินดีในใจนัก

“ข้าจะสู้แลกชีวิตกับเจ้า!” ทันใดนั้น ตงหวงอิ่นเซวียนก็คำรามลั่น กลิ่นอายดุดันพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง!

คล้ายกับเสียสติไปแล้วเพราะกำลังจนตรอก จะหนีก็ไม่ได้ จะสู้ก็ไม่ไหว จึงยอมแลกทุกอย่างเพื่อลากเฉินซีไปด้วยให้ได้

ตู้ม!

พริบตานั้น แสงศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากก็พุ่งออกมารอบกายตงหวงอิ่นเซวียน เขาเป็นเหมือนเทพสงครามอาบแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งมาหาเต๋า นัยน์ตากระจ่างดุจดวงดาว ร่างกายเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ดูเจิดจ้าเป็นพิเศษ

นอกจากนั้น คัมภีร์ไท่เซวียนในมือยังสั่นสะท้าน เกิดเป็นชิ้นส่วนเต๋าแห่งสวรรค์อันลึกลับขึ้นมา โอบล้อมร่างไว้ด้วยแสงกระจ่าง

เปรี๊ยะ!

ฟ้าดินถล่มแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยไม่อาจทนต่อพลังได้

“ยอมสบยแด่เต๋า วิชาทลายสวรรค์!” พริบตานั้น เหลิ่งซิงหุนก็ต้องใจสั่นสะท้าน เมื่อจำวิชาสำนักศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ ตงหวงอิ่นเซวียนคิดสู้แบบเอาชีวิตเข้าแลกแล้ว!

กลิ่นอายดุดันของตงหวงอิ่นเซวียนยิ่งพุ่งทะยานน่าเกรงขามมากกว่าเก่า เฉินซีหรี่ตาลง แต่ก็ยังไม่หยุดการโจมตี ฝ่ามือเป็นดั่งคมกระบี่ สะบั้นเปิดแผ่นฟ้า กระแทกฝ่ามือลงไปอีกครั้ง

แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ตงหวงอิ่นเซวียนสะบัดแขนเสื้อ สามเงาร่างปรากฏขึ้นกลางอากาศแล้วปัดป้องการโจมตีของเฉินซีไว้

ทว่าชิ้นส่วนมหาเต๋าที่ก่อร่างขึ้นมาจากวิชาลับก็ฉวยจังหวะนี้สะบั้นโซ่สีกระจ่างที่กักขังฟ้าดินไว้จนกระจายออก!

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้สู้แบบไม่เหลืออะไร แต่เล่นเล่ห์ฉวยจังหวะนี้ทำลายโซ่ตรวนเพื่อหลบหนี!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

หมอกเลือดจำนวนมากระเบิดออกมา มันคือเงาร่างทั้งสามที่ถูกทำลายทันทีที่เฉินซีซัดการโจมตีออกมา ไม่มีโอกาสได้ตอบสนองก็ต้องตายเสียแล้ว

หากแต่เฉินซีก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าสามคนนั้นคือจูเชี่ยนอวี้ กงซุนมู่ และทาปาชวน!

ตงหวงอิ่นเซวียนซ่อนทั้งสามคนไว้ตั้งแต่แรก แต่กลับถูกตงหวงอิ่นเซวียนให้ออกมาตายแทนเสียนี่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นก็สิ้นใจเสียแล้ว

ช่างเป็นการตายที่น่าเศร้าเสียนี่กระไร

ใครจะไปคิดว่าเป็นคนสำนักศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน แต่กลับถูกตงหวงอิ่นเซวียนเอามาใช้เป็นโล่มนุษย์?

อย่างไรทุกคนก็เป็นศิษย์ผนึกฤทธิ์สำนักศักดิ์สิทธิ์ มีความสามารถไม่ธรรมดา มีร่างกายเหนือคน กลิ่นอายดุดันหาใครเทียบ ล้วนเป็นศิษย์คนสำคัญของสำนักศักดิ์สิทธิ์

แต่กลับต้องมาประสบชะตากรรมเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ถูกศิษย์ร่วมสํานักเดียวกันหักหลัง แต่ต้องตายไปทั้งที่ไม่รู้ตัวเช่นนี้ หากผู้อาวุโสสำนักศักดิ์สิทธิ์รู้เข้าคงโกรธจัด

พริบตานั้น กระทั่งเหลิ่งซิงหุนยังร้องตกใจ โหดเหี้ยมจริง!

วิธีที่ตงหวงอิ่นเซวียนใช้ไม่เพียงโหดเหี้ยม แต่ยังนับว่าไร้จิตใจอย่างถึงที่สุด กระทั่งเหลิ่งซิงหุนที่เป็นศิษย์นิกายอำนาจเทวะ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องไร้อารมณ์ใดยังรู้สึกตกใจ

หากอธิบายคงนาน แต่เรื่องทั้งหมดเกิดในพริบตา เมื่อจูเชี่ยนอวี้และคนอื่น ๆ ตายไป ตงหวงอิ่นเซวียนก็ซัดท่าไม้ตายเข้าใส่โซ่ตรวน

ตู้ม!

ตู้ม!

คลื่นพลังสีแดงพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าจ้าวชิงเหยาแล้วคว้าลำคอนางไว้!

รวดเร็วมาก!

เร็วเกินไป!

พริบตานั้น สีหน้านางก็ผันเปลี่ยน ร้องขึ้นด้วยความตกใจ

นางเป็นจ้าวเอกภพแล้ว ทั้งยังมีอำนาจสูงส่ง แต่กลับถูกยับยั้งไว้ได้ในทันที เห็นได้ชัดว่าร่างสีแดงเลือดนั้นมีพละกำลังแข็งแกร่งขนาดไหน

“หวังจง!” เฉินซีหันขวับไปพบกับร่างสีแดง เป็นหวังจงที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดา มีตัวตนน่าสงสัยนั่นเอง!

ทว่าตอนนี้หวังจงอยู่ในชุดสีแดงเลือด สายตาดุดันดั่งสายฟ้าฟาด คิ้วคมดั่งคมกระบี่ ทั่วร่างปลดปล่อยกลิ่นอายเยือกเย็นน่าเกรงขามออกมา

ราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน!

ยิ่งกับกลิ่นอายดุดันที่แผ่ออกมาจากร่างเขา มันรุนแรงน่าหวาดผวา แทบทำให้รอบข้างตกอยู่ในความโกลาหล เป็นเหมือนเทพอสูรแห่งบรรพกาล ไม่อาจเทียบได้กับตัวเขาคนก่อนเลย

เห็นได้ชัดว่าเขาเจอ ‘ร่างที่แท้จริง’ ของตนเองแล้ว! ตอนนี้จึงมีอำนาจสูงส่งเทียบเท่าได้กับจ้าวเอกภพเลยทีเดียว!

“เฉินซี เราพบกันอีกแล้วนะ” หวังจงคลี่ยิ้ม นัยน์ตาฉายแววเยือกเย็นน่าผวาออกมา

ฟ่าว!

แต่ก็ถูกเฉินซีคว้าคอไว้ แล้วยกร่างขึ้นสูงเหมือนไก่ตัวหนึ่ง อีกฝ่ายไม่สามารถต้านทานได้เลย

“ถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้ารอดไปได้หรือ?” เฉินซีเอ่ยเสียงเรียบออกมา ทว่านัยน์ตาฉายแววสังหาร

เหลิ่งซิงหุนตกอยู่ในความสิ้นหวัง เงียบงันไม่พูดอะไรไป นับตั้งแต่บ่มเพาะพลังมา นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของคนอื่น

“หยุด! ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารนาง!” หวังจงเอ่ยเสียงเย็น ยิ่งเค้นแรงที่ฝ่ามือขึ้น ทำให้ใบหน้าจ้าวชิงเหยาแดงจัด หายใจไม่ออกหากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

แค่คำพูดเหล่านี้ก็ทำเอาจิตสังหารในใจเฉินซีถูกยับยั้งไว้ได้แล้ว สายตาเยือกเย็นตวัดมองหวังจง

“ปล่อยนางเสีย” แม้จะเป็นเพียงแค่สามคำ แต่กลับส่งแรงกดดันสนั่นลั่นฟ้าดิน

หวังจงยังไม่หือไม่อือ หัวเราะตอบกลับมาว่า “เฉินซี หรือว่าเจ้าจะคิดว่าข้ายังเป็นเหมือนกาลก่อน? จะบอกอะไรให้นะ ข้าแกร่งกว่าใครในแดนรวนเรลืมเลือนแห่งนี้!”

“ปล่อยนาง!” เฉินซีมุ่นคิ้ว จิตสังหารยิ่งหนาแน่น

หวังจงหรี่ตาลง เขาคิดบางอย่างอยู่เล็กน้อยก่อนคลี่ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ช่างเถอะ ข้าปล่อยนางก็ได้ เจ้าส่งเหลิ่งซิงหุนมาให้ข้า เรามาแลกคนกันดีหรือไม่?”

เฉินซีประหลาดใจยิ่ง หากจำไม่ผิด หวังจงไร้ความสัมพันธ์ใดกับเหลิ่งซิงหุน ทำไมตอนนี้ถึงมาช่วยเหลิ่งซิงหุนได้กัน?

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]