เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1932

บทที่ 1932 จักรพรรดิเค่อซิน

………………..

บทที่ 1932 จักรพรรดิเค่อซิน

พริบตาต่อมา เฉินซีก็มุ่งความสนใจของตนไปที่หวังจง

เขาทราบว่าหลังเพลี่ยงพล้ำต่อเนื่องกัน หวังจงก็เดือดโทสะสุดขีด กระทั่งสีหน้าของอีกฝ่ายยังบูดบึ้งดำคล้ำ

แต่เกินคาด หวังจงมิได้จู่โจมด้วยโทสะ เขาแค่ยืนเฉย ๆ ด้วยสายตาเย็นเยียบชวนสะพรึง ไร้ผู้ใดทราบสิ่งที่อีกฝ่ายครุ่นคิดในหัว

เฉินซีใช้สายตาส่งสัญญาณแก่จ้าวชิงเหยา ตั้งใจฉวยโอกาสนี้ฆ่าหวังจงเสีย

หวังจงไม่เพียงสุดแสนคุ้นเคยกับแดนรวนเรลืมเลือน เขากระทั่งได้หนึ่งในแผ่นหนังสัตว์มาครอง สิ่งนี้จึงยิ่งทำให้เฉินซีรู้สึกว่าหวังจงไม่ธรรมดา

หากเขาจับตัวหวังจงได้ เขาก็คงได้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์จากอีกฝ่ายบ้าง

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ!!” ทว่า ก่อนที่เฉินซีจะทันลงมือ จู่ ๆ หวังจงก็ระเบิดหัวเราะ เสียงเสสรวลนั้นชวนขนลุกเหมือนเสียงนกฮูกร้องกลางป่ายามค่ำคืนอันวังเวง

“น่าเสียดาย ยามนี้ยังไม่ถึงกาลตัดสินแพ้ชนะระหว่างเรา” หวังจงรำพึง “หนนี้ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ แต่อีกไม่นานหรอก เราจะได้พบกันอีกครั้ง ถึงยามนั้น ข้าจะไม่ระงับโทสะอีกต่อไป!”

เสียงของเขาสุขุมเฉยชา ดูเหมือนไร้โทสะใด ๆ และยิ่งดูผิดปกติไปใหญ่

“ลงมือ!” ขณะหวังจงพูดเช่นนั้น เฉินซีก็สังเกตเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง จึงจู่โจมอย่างดุเดือดพร้อมกับจ้าวชิงเหยาก่อนหวังจงทันพูดจบ

ทว่าพวกเขาก็โจมตีพลาดเป้า!

เหตุผลนั้นเป็นเพราะร่างของหวังจงมลายหายสู่อากาศธาตุไปอย่างน่าประหลาด ประหนึ่งระเหิดหายไปดื้อ ๆ ไม่เหลือร่องรอยใด ๆ ให้ตามได้อีก!

มีเพียงเสียงเฉยชาเย็นเยียบของหวังจงลอยแว่วมา เจือบรรยากาศลึกลับน่าสะพรึงกลัว

หัวใจของเฉินซีและจ้าวชิงเหยาสะท้าน พวกเขารู้สึกว่ามันลึกลับเกินไป เพราะไม่ว่าอย่างไร ทั้งสองก็บรรลุเป็นจ้าวเอกภพกันแล้ว กระทั่งหาได้หละหลวมเลินเล่อไม่ แต่พวกเขากลับไม่อาจสังเกตเห็นว่าหวังจงลี้จากไปยามใด พวกเขาจะไม่ตกใจกันได้หรือ?

เจ้านั่นเป็นใครกันแน่? เหตุใดจู่ ๆ เขาก็หายตัวไปได้? เหตุใดเขาจึงมาที่นี่อย่างเฉียบพลันด้วยเจตนาคิดช่วยเหลิ่งซิงหุน ผู้ซึ่งตนไม่ได้มีสัมพันธ์ไมตรีใด ๆ ด้วย?

เฉินซีคิดเรื่องเหล่านี้ไม่ออกเลย

สิ่งนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่า ในเมื่อที่มาของหวังจงไม่อาจรับรู้ การกระทำทั้งหมดของหวังจงจึงแฝงไปด้วยปริศนา

ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนราวหวังจงอ่านเขาทะลุปรุโปร่งมาแต่แรก แต่เขากลับถูกปิดหูตา ไม่อาจเข้าใจการกระทำของหวังจงได้!

วูบ!

ขณะเดียวกัน ถูเมิ่งไหวร่างมาจากด้านข้าง ถือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ไว้เต็มอ้อมแขน แต่ละชิ้นเรืองรัศมีศักดิ์สิทธิ์ เจิดจรัสวับวามถึงขีดสุด

“อาจารย์อา พวกนี้คือสมบัติที่เหลิ่งซิงหุนทิ้งไว้ยามตายขอรับ” แม้ถูเมิ่งจะบาดเจ็บสาหัส เขาก็ยังปกปิดความตื่นเต้นไว้มิได้ วันนี้เฉินซีแผลงฤทธาเกินเทียมทาน ทำให้ความโกรธแค้นในใจเขาถูกระบายไปหมดสิ้น

เฉินซีระงับความคิด ชำเลืองมองสมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย มันมีทั้งสิ้นหกชิ้น และทุกชิ้นต่างเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติ!

กระบี่อสนีบาตสุญตา

หมากสวรรค์สรรค์

ชามสมบัติตรึงวิญญาณ

พวกมันทุกชิ้นล้วนเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้โดยเหล่าศิษย์จากนิกายอำนาจเทวะ กล่าวได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าแม้กระทั่งในหมู่สมบัติวิญญาณธรรมชาติด้วยกัน

“ข้าลืมไปเลย ตงหวงอิ่นเซวียนก็ทิ้งสมบัติไว้มากมายเช่นกัน” จ้าวชิงเหยาเห็นเช่นนี้ก็คลี่ยิ้ม แล้วซากของตงหวงอิ่นเซวียนก็ปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ

พรึ่บ!

เห็นได้ชัดว่านี่มิใช่ครั้งแรกในการเก็บสินสงครามของจ้าวชิงเหยา นางสุดแสนชำนิชำนาญ ในชั่วกาลอันสั้นไม่กี่อึดใจ นางก็พบสมบัติศักดิ์สิทธิ์สี่ชิ้นจากซากของตงหวงอิ่นเซวียน

สิ่งที่สะดุดตาสูงสุดย่อมไม่พ้นพู่กันบัญชาเต๋าและคัมภีร์ไท่เซวียน!

ในโลกภายนอก หากมีผู้ใดได้เห็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์กองรวมกันมากมายเพียงนี้ พวกเขาคงรบพุ่งแย่งกันเป็นแน่ ทว่าจ้าวชิงเหยาไม่แม้แต่จะเหลียวมองมัน ส่งพวกมันทั้งหมดให้เฉินซี

นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “สหายเต๋าเฉินซี เจ้าเป็นผู้ปราบเขา ส่วนข้าปิดฉากเขาเพราะบังเอิญผ่านมาพบ เจ้าเก็บสินสงครามเหล่านี้ไว้จะดีที่สุด”

เพียงพริบตา สมบัติวิญญาณธรรมชาติก็มากองรวมกันตรงหน้าเฉินซี เรืองรองประกายเจิดจรัส ต่างชิ้นล้วนมีอิทธิฤทธิ์เฉพาะตัว กระทั่งผู้มีประสบการณ์โชกโชนอย่างเฉินซียังอดตาพร่าไปไม่ได้

สมบัติศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มาจากเหล่าศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ มีหรือมันจะธรรมดาทั่วไป ในด้านมูลค่า พวกมันแต่ละชิ้นก็ถือได้ว่ามิอาจประเมินได้

ทว่ายามนี้ พวกมันถูกนำมากองรวมกันตรงหน้าเฉินซี หากเป็นผู้บ่มเพาะอื่นใด เกรงว่าคงดีใจจนคลั่งไปด้วยความปีติแล้วเป็นแน่แท้

แต่เฉินซีทำเพียงกวาดสายตามองพวกมันผ่านๆ ก่อนจะมอบพวกมันสองชิ้นแก่จ้าวชิงเหยา “ในเมื่อพวกมันคือสินสงคราม เจ้าย่อมได้ส่วนแบ่ง เพราะถึงอย่างไร เมื่อครู่เราก็สู้ด้วยกัน อย่าปฏิเสธเลย”

ว่าแล้ว เขาก็ไม่รอให้จ้าวชิงเหยาบ่ายเบี่ยง เลือกพู่กันบัญชาเต๋า คัมภีร์ไท่เซวียน กระบี่อสนีบาตสุญตา และชามสมบัติตรึงวิญญาณเก็บไว้เอง

พร้อมกันนั้น เขาก็ผลักสมบัติศักดิ์สิทธิ์อีกสี่ชิ้นให้ถูเมิ่ง

“เจ้ากับกู่เยี่ยน เลือกสมบัติศักดิ์สิทธิ์ไปคนละสองจากสี่ แดนรวนเรลืมเลือนอันตรายเกินไป มีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ไว้ปกป้องตนเองเพิ่มก็ย่อมเป็นประโยชน์” เฉินซีไม่รอให้ถูเมิ่งปฏิเสธ ก็ผลักพวกมันยัดใส่มือถูเมิ่งไป

หลังจากเขาบรรลุเป็นจ้าวเอกภพ เฉินซีก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ประการแรก จักรวาลในกายเขาพัฒนาไปเป็นเอกภพ นอกจากนั้นยังกินพื้นที่กว้างขวางเป็นเก้าเท่าของจ้าวเอกภพทั่วไป!

กล่าวได้ว่าเป็นเรื่องชวนตะลึง ไม่เคยเกิดมาก่อน

ประการที่สอง หนึ่งราชผกายม่วงทองเรืองรองเช่นตะวันผลาญลอยเด่นเหนือเพลิงศักดิ์สิทธิ์วิญญาณของเขา เรืองรองทั่วดวงจิต เผยปราณยิ่งใหญ่ทรงศักดิ์

นี่คือสัญลักษณ์ของขอบเขตมหาราชเทวา แม้เฉินซีจะเป็นจ้าวเอกภพโดยแท้จริง ขอบเขตการบ่มเพาะของเขาก็ยังเป็นขอบเขตมหาราชเทวา

กล่าวให้ถูกก็คือ เขายังคงเป็นจักรพรรดิหนึ่งดารา ทว่าจักรพรรดิหนึ่งดาราทั่วไปไม่อาจเทียบชั้นเขาได้อย่างชัดเจน

และเช่นกัน จักรพรรดิล้วนมีสมญาเป็นของตน

เช่นจักรพรรดิเจิ้นอู่ จักรพรรดิจื่อเว่ย และตัวตนอื่น ๆ ผู้มีสมญาอย่างเจิ้นอู่และจื่อเว่ย สมญาเหล่านี้นับเป็นเกียรติและสัญลักษณ์ของจักรพรรดิผู้หนึ่ง

เพราะถึงอย่างไร การที่ยังมีผู้อื่นเรียกชื่อพวกเขาตรง ๆ ยามบรรลุขอบเขตการบ่มเพาะเช่นนี้ก็นับเป็นการหยามกัน

เฉินซีย่อมไม่ผิดจารีตนี้เพราะมันจะโดดเด่นขวางโลกเกินไป เขาจึงตั้งสมญาตนเองว่า เค่อซิน

หมายถึงซื่อตรงต่อหัวใจ!

เมื่อนานแสนนานยามเขายังบ่มเพาะในนิกายกระบี่เมฆาพเนจรแห่งราชวงศ์ซ่ง เฉินซีตั้งชื่อยอดเขาที่ตนบ่มเพาะว่ายอดเขาใจสัจธรรม

ยามนี้เมื่อเขาขนานนามตนเองในขอบเขตมหาราชเทวา ชื่อนี้จึงปรากฏในใจเขาโดยไม่ต้องหยุดคิด

มันดูสุดแสนเรียบง่ายธรรมดา แต่แท้จริงสื่อถึงทัศนคติอันหนักแน่นยามแสวงมหาวิถีของเฉินซี!

ซื่อตรงต่อหัวใจ ไม่ว่าผ่านไปนานเพียงไหน เผชิญเหตุการณ์เช่นไร!

ขณะนี้ เฉินซีนำจ้าวชิงเหยา กู่เยี่ยน และอาเหลียงทะยานผ่านท้องนภาพร่างพราวอันไร้ขอบเขต

ทว่าขณะที่เขาตั้งใจจะบอกสมญาจักรพรรดิที่ตั้งให้ตัวเองกับคนเหล่านั้น สายตาของเขาพลันหรี่ลง เหมือนสังเกตพบบางสิ่ง แล้วจึงหยุดฝีเท้า ท่าทีราวจมในความคิด

“หือ? เฉินซี!” ขณะเดียวกันนั้น หนึ่งเสียงอันฟังดูตกตะลึงประหลาดใจพลันดังขึ้น พริบตาต่อมา มันก็หายวับไปอย่างสมบูรณ์

“เจ้ายังคิดหนีอีกหรือ?” หนึ่งรอยยิ้มชวนครุ่นคิดปรากฏที่มุมปากของเฉินซี

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]