เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1933

บทที่ 1933 ผลักความผิดให้ผู้อื่น

………………..

บทที่ 1933 ผลักความผิดให้ผู้อื่น

วูบ!

พริบตาต่อมา เฉินซีสะบัดแขนเสื้อ หายตัวไปทันทีพร้อมกับจ้าวชิงเหยาและคณะ

เหตุใดจึงเป็นเขาได้?

หรือผู้ที่เหลิ่งซิงหุนกับตงหวงอิ่นเซวียนอยากให้ข้าช่วยจู่โจมจะเป็นเฉินซี?

แต่พวกเขาสองคนอยู่หนใด? ไยข้าจึงขาดการติดต่อกับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง?

หลี่หลูเฟิงทั้งประหลาดใจและงุนงง เคลื่อนย้ายมิติอย่างสุดความเร็ว มิกล้าเลินเล่อแม้แต่น้อย

เอกภพลึกลับนี้ เดิมทีเต็มไปด้วยทัณฑ์หายนะร้ายแรงอันตราย สิ่งที่ชัดเจนเหนือใดคือพลังทัณฑ์สวรรค์สะกดเต๋าอันหนาแน่นแทบจับต้องได้ ปกคลุมทั่วทิศราวกระแสธาร

ทว่าขณะนี้ หลังจากเฉินซีดูดซับแปรสภาพแก่นแท้เอกภพทั้งเก้าไป อันตรายอันปั่นป่วนเรรวนในเอกภพนี้ก็ค่อย ๆ เสถียรตัว จัดเรียงเป็นระเบียบจนจำแนกได้ง่าย ๆ นอกจากนั้น อำนาจทัณฑ์สวรรค์อันปกคลุมทั่วทิศยังหายสิ้นมิอาจพบได้อีก

ทั้งหมดนี้หมายความว่าเอกภพลึกลับนี้ถูกเขาแปรสภาพดูดซับไปสิ้น จึงไม่รวนเรปั่นป่วนอีกต่อไป

เพราะเหตุนี้เอง หลี่หลูเฟิงจึงเคลื่อนย้ายมิติเต็มกำลังได้ที่นี่ หากสถานการณ์เป็นเช่นยามเฉินซีเพิ่งมาถึง การกระทำของหลี่หลูเฟิงคงไม่แตกต่างจากรนหาที่ตาย

วูบ! วูบ!

คลื่นพลังอันรุนแรงในสุญญาหวีดหวิวเสียดโสต เลื่อนลั่นทั่วทิศ หลังจากที่เขาบรรลุเป็นจ้าวเอกภพ ความเร็วการเคลื่อนย้ายมิติของหลี่หลูเฟิงก็พัฒนาไปเช่นกัน เพียงหนึ่งย่างก้าวก็เพียงไปสัญจรข้ามหมู่ดารา รวดเร็วจนบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลใดก็เทียบไม่ติด

แต่ถึงเช่นนั้น หลี่หลูเฟิงก็ยังรู้สึกร้อนใจเล็กน้อยอย่างไม่อาจชะล้าง ทำให้เขาไม่กล้าผ่อนกำลังลงเลย

เขาแน่ใจว่าเฉินซีต้องบรรลุเป็นจ้าวเอกภพแล้วแน่นอน ดังนั้นยามเผชิญหน้าเจ้าคนท้าทายสวรรค์นี้ หลี่หลูเฟิงก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย

เพราะถึงอย่างไร กระทั่งตัวตนอย่างเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนยังมิอาจรับมือเฉินซีได้ในการถกวิถีเต๋า

ดังนั้นหลี่หลูเฟิงจึงคาดเดาได้ว่าอำนาจต่อสู้ของเฉินซีต้องพัฒนาอย่างน่าตกใจเพียงไรหลังบรรลุเป็นจ้าวเอกภพ

ในเมื่อเขาบรรลุสำเร็จได้เช่นปัจจุบัน หลี่หลูเฟิงย่อมมิได้โง่เง่า กลับกันเขากระทั่งฉลาดกว่าศิษย์สำนักเต๋าคนอื่น ๆ อยู่นิดหน่อย และเชี่ยวชาญการหยั่งเชิง ตัดสินสถานการณ์เป็นอย่างยิ่ง

เหตุผลที่เขามายังเอกภพลึกลับนี้ก็เพราะว่าได้รับคำขอความช่วยเหลือจากตงหวงอิ่นเซวียนและเหลิ่งซิงหุน

แต่ยามมาถึง เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าไม่อาจติดต่อกับตงหวงอิ่นเซวียนและเหลิ่งซิงหุนได้เลย กระทั่งเผชิญเจ้าดาวมรณะเฉินซีเข้าอีก!

ทั้งหมดนี้ทำให้หลี่หลูเฟิงสัมผัสอันตรายได้

เขากระทั่งสงสัยว่าทั้งเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนต่างมีอันเป็นไปกันแล้ว!

แน่นอน นี่เป็นเพียงข้อสงสัย หากบอกว่าเป็นความจริง เขาก็อาจไม่เชื่อ เพราะถึงอย่างไร มันก็น่าตกใจเกินไป

แต่เหลิ่งซิงหุนกับตงหวงอิ่นเซวียนหายไปไหนกัน? ความกังวลในใจหลี่หลูเฟิงมิได้แผ่วจาง กลับเพิ่มพูนลนลานหนักกว่าเก่า

หือ? ทันใดนั้น หนึ่งร่างก็วูบไหวตรงหน้าหลี่หลูเฟิง มันทำให้เขาตกใจจนม่านตาหดลีบเฉียบพลัน คืนสติจากความคิดฟุ้งซ่านทันที

วูบ!

เขาไหวร่างเปลี่ยนทิศทางหนีโดยไม่หยุดคิด

พรึ่บ!

โซ่ศักดิ์สิทธิ์ไร้สีโปรยปรายลงจากฟ้าราวน้ำตก คลุมลงปกปิดทางหนีทั้งหมดของหลี่หลูเฟิงไว้ทันที

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขากัดฟันเปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง ความรู้สึกไม่ดีในใจยิ่งโถมทวี

จริงเช่นนั้น ก่อนที่เขาจะทันได้หนี หนึ่งร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏตรงหน้าจากอากาศธาตุ ห่างจากเขาเพียงไม่ถึงพันจั้ง!

“สหายเต๋า เหตุใดเล่าจึงหนี? หรือเจ้าทำสิ่งใดผิดไว้ จึงเกิดชนักปักหลังกัน?” ร่างสูงใหญ่นั้นย่อมไม่พ้นเฉินซี สีหน้ายามมองหลี่หลูเฟิงสุขุมเฉยชา จิตสังหารขดวนอยู่ในใจ

เฉินซีทราบจากถูเมิ่งว่าเขาถูกหลี่หลูเฟิงโจมตียามออกเดินทางหาเฉินซียามบรรลุเป็นจ้าวเอกภพ ขณะนั้น ถูเมิ่งงุนงงและคิดไม่ออกเลยว่าเหตุใดหลี่หลูเฟิงจึงทำเช่นนั้น

ทว่าสถานการณ์ในขณะนั้นทำให้ถูเมิ่งมิอาจมัวคิด เพราะจู่ ๆ ตงหวงอิ่นเซวียนก็มาถึงเมื่อการต่อสู้เพิ่งเริ่มไม่นาน และทำให้ถูเมิ่งบาดเจ็บสาหัสในทันที

หากถูเมิ่งหนีไม่เร็วพอ คงได้เผชิญเคราะห์ตกตายไปแล้ว

ดังนั้นเมื่อครู่ยามเขาสังเกตพบหลี่หลูเฟิงกะทันหัน เฉินซีก็พลันฉุกคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าหลี่หลูเฟิงหนีไปทันทีที่พบตน มันก็ทำให้เฉินซียืนยันได้ว่าเจ้านี่มีชนักปักหลังแน่นอน

“โอ้ ที่แท้ก็เป็นสหายเต๋าเฉินซีนี่เอง ข้าก็นึกไปว่าเป็นผู้อื่น” ขณะนี้ หลี่หลูเฟิงผ่อนคลายลง พลางหัวเราะเบา ๆ ดูเหมือนยกภูเขาออกจากอก

พริบตานั้น สีหน้าของหลี่หลูเฟิงแปรเปลี่ยนเกินคะเน เขาเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนที่จะแค่นเสียงเย็น กล่าวกับเฉินซีว่า “ใช่ ข้าลงมือกับถูเมิ่งจริง แต่เจ้ากล่าวหากันผิด ๆ ว่าข้าร่วมมือกับเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียน!”

ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมรับอย่างถึงที่สุด

เฉินซีหรี่ตาลงมองหลี่หลูเฟิง จึงกล่าวว่า “เห็นแก่หน้าเย่เฉิน ข้าจึงให้โอกาสเจ้า น่าเสียดายที่เจ้าไม่รักษามัน”

“เฮอะ หรือเจ้าคิดว่าจะฆ่าข้าได้? น่าขัน! อย่าลืมว่าข้าหลี่หลูเฟิงเป็นจ้าวเอกภพแล้ว! ต่อให้สู้เจ้าไม่ได้ เรื่องหนีก็ง่ายนักสำหรับข้า!” หลี่หลูเฟิงแผดเสียงเสสรวล เปี่ยมล้นด้วยความภาคภูมิ

หากเป็นยามอยู่ในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล เขาคงไม่มีทางกล้าอวดโอ่เช่นนี้ต่อหน้าเฉินซี สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าจิตใจของหลี่หลูเฟิงทะนงมั่นใจขึ้นเพียงไรหลังเป็นจ้าวเอกภพ ดูไม่ต่างจากเปลี่ยนเป็นคนละคน

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น….” สายตาของเฉินซีค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ จิตสังหารค่อย ๆ แผ่ออกจากเขา

ร่างของพวกเขารวดเร็วเช่นอัสนีฟาด ปราณแตกต่างจากกาลก่อนอย่างสิ้นเชิง ปรากฏว่าทั้งสองบรรลุเป็นจ้าวเอกภพแล้ว!

เฉินซีหรี่ตาลง หัวใจทอดรำพึง เขารู้ว่าในฐานะศิษย์สำนักเต๋า ไม่ว่าเขากับเย่เฉินจะมีสัมพันธ์อันดีต่อกันเช่นไร เย่เฉินก็มิอาจทนมองเขาฆ่าหลี่หลูเฟิงได้

ทว่าในสายตาหลี่หลูเฟิง การกระทำของเฉินซีทำให้เขาคิดไปว่าเฉินซีกำลังระงับโทสะด้วยความกลัว มิกล้ากระทำการบุ่มบ่าม

สิ่งนี้ทำให้หลี่หลูเฟิงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นในที่สุด และกล่าวขึ้นเสียงแข็งว่า “ศิษย์น้องทั้งหลาย พวกเจ้ามาทันเวลาพอดี เฉินซีเจ้าเด็กนี่ตั้งใจฆ่าข้า เป็นการยั่วยุเหล่าศิษย์สำนักเต๋าเราเป็นอย่างยิ่ง!”

เขาผลักทุกความผิดให้กับเฉินซี!

จิตสังหารที่เฉินซีสะกดไว้เผยสัญญาณจะระเบิดออกมาอีกครั้ง

“ศิษย์พี่หลี่ เลิกยุแยงให้เราแตกกันเสียทีเถอะ!” เย่เฉินปรามาสเสียงเย็น “ผู้ใดที่นี่ไม่รู้บ้างว่าเจ้าเป็นคนเช่นไร? หากเจ้ายังเสแสร้งเช่นนี้ต่อไป ก็อย่าโทษข้ากับศิษย์น้องจิ่วหุยที่จากไปไม่เหลียวแล!”

สีหน้าของหลี่หลูเฟิงชะงัก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเดือดดาลด้วยความอับอาย “ศิษย์น้องเย่เฉิน กระทั่งเจ้ายังเห็นเหตุเมื่อครู่กับตา แต่เจ้ายังคิดช่วยคนนอกอย่างเฉินซีมารังแกศิษย์พี่เจ้าอีกหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลลัพธ์ยามผู้อาวุโสสำนักเต๋าของเราทราบเรื่องจะเป็นเช่นไร?”

เขาแน่ใจว่าเฉินซีไม่มีทางกล้าโจมตีตามชอบใจในสถานการณ์เช่นนี้แน่นอน ส่วนเย่เฉินและอวี้จิ่วหุย พวกเขาไม่มีทางอยู่เฉยเนื่องด้วยเป็นศิษย์ร่วมสำนักกัน

ดังนั้นเขาในยามนี้จึงพูดอย่างตรงไปตรงมา สวมบทบาทเช่นศิษย์พี่ มิเพียงตำหนิทั้งเย่เฉินและอวี้จิ่วหุย เขายังเปลี่ยนเฉินซีเป็นศัตรูของพวกเขาด้วย

ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของทั้งเย่เฉินและอวี้จิ่วหุยก็ดำคล้ำ นอกจากรู้สึกคับแค้นในใจ พวกเขายังอดรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อยมิได้ด้วย เป็นไปตามหลี่หลูเฟิงคาดคิด พวกเขามิอาจทำเพียงยืนเฉย ไม่ยื่นมือช่วยเหลือหลี่หลูเฟิงกันอย่างแน่นอน

เพราะท้ายที่สุด พวกเขาก็ล้วนเป็นศิษย์จากสำนักเต๋า!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]