บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1935

บทที่ 1935 แผนการของพวกนอกรีต

………………..

บทที่ 1935 แผนการของพวกนอกรีต

เฉินซีไม่ได้กล่าวเกินจริงแม้แต่น้อย

ในขณะนี้ ทุกคนล้วนสังเกตเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล

แดนรวนเรลืมเลือนนั้นกว้างใหญ่จนอาจกล่าวได้ว่าไร้ขอบเขต ทว่าพวกเขาที่กระจัดกระจายไปทั่วแดนรวนเรลืมเลือน กลับมารวมตัวกันที่นี่ในเวลานี้ แม้แต่คนโง่เขลาก็ไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญ

“นี่เป็นแผนร้ายแน่!” ในขณะนี้ เฉินซีดูสงบมาก “ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิด ร่างที่สวมชุดคลุมดำที่ล่อลวงพวกเจ้ามายังที่นี่ จะต้องเป็นพวกนอกรีตที่รอดชีวิตจากยุคก่อน!”

พวกนอกรีตจากยุคก่อน?

หัวใจของทุกคนสั่นสะท้าน

สิ่งที่ทำให้เฉินซีประหลาดใจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของคงโหยวหราน กลุ่มของเย่เฉิน หรือแม้แต่จ้าวชิงเหยา ดูเหมือนพวกเขาจะเคยได้ยินเกี่ยวกับพวกนอกรีตมาก่อน จึงดูไม่แปลกใจมากนัก

“นั่นสินะ” ในช่วงเวลาต่อมา คงโหยวหรานดูเหมือนจะคิดอะไรได้บางอย่างได้ “เราได้พบกับแท่นสังเวยลึกลับก่อนหน้านี้ และที่นั่นเราได้พบกับร่างที่สวมชุดคลุมดำ!”

“ใช่แล้ว เราก็เหมือนกัน” อวี้จิ่วหุยและเย่เฉินพยักหน้าพร้อมกัน

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถาม “พวกเจ้าทุกคนรู้หรือไม่ว่าทำไมพวกมันถึงล่อลวงพวกเจ้ามายังที่นี่?”

ทุกคนมองหน้ากัน จากนั้นก็ส่ายหน้า ถ้าเฉินซีไม่ฉุกใจเตือนเรื่องนี้ พวกเขาก็คงยังหลงทางอยู่ในความมืด

บรรยากาศในตอนนี้เงียบสนิทไร้สำเนียงใด ๆ

ทุกคนล้วนมีพรสวรรค์และปัญญาที่ไม่ธรรมดา หลังจากที่เฉินซีเตือนสติ ทั้งหมดก็ตัดสินใจได้ทันทีว่ามีแนวโน้มมากที่พวกเขาจะตกอยู่ในแผนการร้าย!

แต่พวกเขาไม่รู้เป้าหมายของแผนการนี้เลย!

เฉินซีก็ไม่รู้เช่นกัน แต่เขาได้พบกับจักรพรรดิเหยียนปิงเมื่อหลายปีก่อน ดังนั้นเขาจึงได้รับข้อมูลที่มีค่าอย่างยิ่ง

แต่เขาตระหนักดี ไม่ว่าพวกนอกรีตในยุคก่อนนั้นแสวงหาอะไร แต่หากตกอยู่ในกำมือของพวกมัน การมีชีวิตอยู่ก็ยิ่งกว่าตายทั้งเป็น

เมื่อเจ้ากลายเป็นจ้าวเอกภพ พวกนอกรีตจะจับเจ้าไปเป็นทาส!

พลังงาน จิตวิญญาณ และแก่นแท้จะถูกกลืนกินโดยสัตว์อสูรจ้าววิญญาณ!

ถึงขนาดที่พวกมันจะเปลี่ยนเจ้าให้เป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่ใช่มนุษย์ ภูตผี เทพ หรือปีศาจ เจ้าจะไม่มีวันตายไปชั่วนิรันดร์!

จู่ ๆ คำเตือนของจักรพรรดิดังก้องในใจเฉินซีอีกครั้ง และหัวใจของเขาก็ค่อย ๆ หนักอึ้ง

เมื่อเจ้ากลายเป็นจ้าวเอกภพ เจ้าจะถูกจับไปเป็นทาส!

เฉินซีไม่เข้าใจคำเหล่านี้ก่อนหน้านี้ แต่ในขณะนี้ ในตอนที่เขากวาดตามองคนอื่น ๆ ทั้งหมดที่มารวมตัวกันที่นี่ เฉินซีก็มีความเข้าใจเล็กน้อย

เพราะไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของคงโหยวหราน กลุ่มของเย่เฉิน และแม้แต่จ้าวชิงเหยา พวกเขาทั้งหมดก็ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งจ้าวเอกภพแล้ว!

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งหมดยังได้พบกับร่างที่สวมเสื้อคลุมดำ และถูกล่อลวงมาที่นี่ในวันเดียวกัน….

นี่หมายความว่าพวกนอกรีตจากยุคก่อนได้จับตามองพวกเรามาตลอด?

สีหน้าของเฉินซีแปรเปลี่ยนไม่รู้จบ ตัวเขาเองก็สงสัยเช่นกันว่าการมาของถูเมิ่ง ตงหวงอิ่นเซวียน และเหลิ่งซิงหุนในเอกภพลึกลับแห่งนี้จะต้องมีสาเหตุมาจากพวกนอกรีตที่แอบดำเนินการจากเงามืดอย่างแน่นอน!

เฉินซีคำนวณ และพบว่าในบรรดาศิษย์สามสิบคนที่เข้ามาในแดนรวนเรลืมเลือนในครั้งนี้ นอกเหนือจากศิษย์ที่ตายไปแล้ว คนอื่น ๆ ทั้งหมดที่ยังมีชีวิตอยู่ได้มารวมตัวกันที่นี่แล้ว!

หากทั้งหมดนี้เป็นเพียงแผนการ ทำไมพวกนอกรีตถึงชักนำพวกเขามายังเอกภพนี้? หรือว่ามีความลับบางอย่างถูกซ่อนอยู่ที่นี่?

หรือบางทีอาจมีเหตุผลอื่น?

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือหลังจากที่เขาขัดเกลาและดูดซับแก่นแท้เอกภพทั้งเก้าแห่งนั้น เอกภพลึกลับนี้ได้กลายเป็นอาณาเขตของเขาแล้ว

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีรู้สึกว่าทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่เขา!

แน่นอนว่านี่คือความรู้สึกที่เฉินซีมี แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะไม่มีหลักฐานใด ๆ มารองรับข้อสันนิษฐานนี้

อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญอยู่คงจะอันตรายมากยิ่งขึ้น!

“เฉินซี เจ้า…พอจะคาดเดาอะไรได้หรือไม่?” เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินซีเปลี่ยนไป แต่ยังคงนิ่งเงียบ สืออวี๋ก็อดที่จะถามไม่ได้

ทันทีที่สิ้นคำ คนอื่น ๆ ก็จ้องมองไปที่เฉินซีอย่างต่อเนื่อง

ทันใดนั้น เฉินซีก็ตื่นจากภวังค์ เขาครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงบอกทุกอย่างที่ตนรู้และการคาดเดาอย่างไม่ปิดบัง

เมื่อเฉินซีกล่าวจบ บรรยากาศที่นี่ก็เงียบกริบเช่นป่าช้า สีหน้าของทุกเคร่งขรึมเคร่งเครียด

แผนการร้าย!

นี่มันแผนการร้ายชัด ๆ!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือพวกเขาจะผ่านช่วงสามปีนี้ไปโดยปลอดภัยได้อย่างไร

“เฉินซี เจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไร?” คงโหยวหรานหันไปมองเฉินซี

คนอื่น ๆ ก็หันมามองเช่นกัน ในปัจจุบัน เพราะในยามนี้เฉินซีถือว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาแล้ว

ยิ่งกว่านั้น พวกเขารู้ดีว่า แม้แต่บุคคลเช่นเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนจะผนึกกำลังร่วมกัน ก็ยังต้องตายอย่างน่าสังเวชด้วยน้ำมือของเฉินซี

สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พลังยุทธ์ของเฉินซีนั้นน่าทึ่งเพียงใด

แม้คงโหยวหรานและคนอื่น ๆ จะไม่เคยเห็นการต่อสู้ แต่พวกเขาก็ตัดสินจากวิธีที่เฉินซีสังหารหลี่หลูเฟิงในช่วงเวลาสั้น ๆ

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สงสัยในความแข็งแกร่งของเฉินซีเลย

สิ่งที่พวกเขาสงสัยจริง ๆ ก็คือ เฉินซีนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน!

ไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้หาได้สำคัญไม่ สถานการณ์ปัจจุบันที่พวกเขาเผชิญอยู่ต่างหากที่สำคัญ เฉินซีไม่เพียงมีพลังยุทธ์ที่น่าเกรงขามเท่านั้น เขายังรู้แผนการของพวกนอกรีตด้วย

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ย่อมเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะเคารพความคิดเห็นของเฉินซี และถือเฉินซีเป็นผู้นำ

รวมถึงเย่เฉินและอวี้จิ่วหุยด้วย ในขณะนี้ พวกเขาตัดสินใจติดตามเฉินซีและคนอื่น ๆ เพราะในสถานการณ์คับขันเช่นนี้จะเป็นการดีกว่าที่จะผนึกกำลังกัน เพื่อจัดการกับอันตราย และคว้าโอกาสในการมีชีวิตรอด!

เฉินซีสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในทัศนคติของคนอื่น ๆ อย่างชัดเจน และในขณะกำลังรู้สึกปรีดากับสิ่งนี้ เขาก็อดที่จะรู้สึกถึงภาระอันหนักอึ้งบนบ่าไม่ได้

“ข้ามีข้อเสนอแนะ” เฉินซีหายใจเข้าลึก “รับมือกับทุกสิ่งโดยยึดแผนเดิม!”

ขณะที่กล่าว ร่างสูงใหญ่ก็ทะยานไปทางดวงดาวที่อยู่ไกลออกไป “ทุกคน มากับข้า ข้ายังมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข และอาจเป็นประโยชน์ต่อแผนการในอนาคตของเรา”

ทุกคนล้วนตกตะลึง แต่ไม่ลังเลที่จะติดตามเขาไป

ฟึ่บ!

บนพื้นของดาวดวงนั้น เฉินซีสะบัดแขนเสื้อวูบหนึ่ง จากนั้นผังยันต์เทวะจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นในอากาศ พวกมันสร้างค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ที่ปกคลุมพวกเขาทั้งหมด

หลังจากนั้น เฉินซีปลดปล่อยพลังของอักขระผนึกเต๋าที่ตนครอบครอง ครอบคลุมพื้นที่ทุกตารางชุ่นภายในค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจะทำให้เขาสังเกตเห็นทุกการเคลื่อนไหวแปลกปลอมในทันทีที่เป็นไปได้

หลังจากที่ทำทั้งหมดนี้เสร็จ เฉินซีก็ดึงชิ้นส่วนหนังสัตว์โบราณทั้งหกชิ้นและกุญแจทองเหลืองออกมาภายใต้สายตาอยากรู้อยากเห็นของทุกคน

………………..