บทที่ 1946 เขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณ
………………..
บทที่ 1946 เขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณ
ให้เราเลือกว่าจะตายอย่างไรหรือ?
ทุกคนเกือบจะสงสัยว่าหูของตนแว่วไปหรือไม่ อาลูเย่ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงกล้ากล่าววาจาเช่นนี้!
“มันน่าขบขันหรือ?” ท่าทางของอาลูเย่ดูเฉยเมย ในขณะที่ตอบคำถาม
“มันไม่ใช่แค่น่าขบขัน แต่มันไร้สาระมาก” เฉินซีกล่าวอย่างใจเย็น
“ถ้าไม่ใช่เพื่อให้แผนการในอนาคตของเชื้อสายจ้าววิญญาณโบราณของข้าบรรลุอย่างราบรื่น พวกเจ้าทุกคนคงตายทันทีที่เข้าสู่แดนรวนเรลืมเลือนไปแล้ว” ท่าทางของอาลูเย่นั่นกลับกลายเป็นเฉยเมยยิ่งขึ้น
ยามเอ่ยคำ เขาดูสง่าและหยิ่งผยองจนถึงขีดสุด ทั้งยังเผยแรงกดดันที่คุกคามอย่างยิ่ง
เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “เมื่อถึงจุดนี้ ข้าคงไม่จำเป็นที่จะปิดบังพวกเจ้าอีกต่อไป เบื้องหลังความเจ็บปวดอันใหญ่หลวงที่เรานำพวกเจ้าทุกคนมาที่นี่ ก็มีเพียงเป้าหมายเดียวเท่ากัน”
“นั่นคือการใช้กลวิธีพิเศษเพื่อช่วงชิงชะตาชีวิตของพวกเจ้า!” เขากล่าวเน้นทีละคำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟันรุนแรง
ช่วงชิงชะตาชีวิต! สายตาของเฉินซีและคนอื่น ๆ จดจ่อ
โอม!
ทันใดนั้น อาลูเย่ก็พลิกฝ่ามือวูบ จากนั้นชิ้นส่วนของหนังสัตว์โบราณก็ทะยานขึ้นไปบนฟ้า พลังงานสีดำและสีขาวก็แผ่พุ่งออกมา จากนั้นก็กลายเป็นระลอกคลื่นดุจภาพฝัน
เฉินซีและคนอื่น ๆ ตื่นตัวทันที พวกเขารวบรวมพลังและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
ฟึ่บ!
ทันใดนั้นหนังสัตว์ร้ายโบราณก็สั่นอย่างรุนแรง พลังงานสีดำและสีขาวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมกับกระแสพลังงานที่ไม่สามารถอธิบายพัดผ่านกายไป
ไม่ได้การ!
เฉินซีและคนอื่น ๆ รู้สึกว่าบรรยากาศรอบกายกำลังสั่นสะเทือน ความรู้สึกมึนงงวิงเวียนโถมเข้ามา
แต่เพียงครู่เดียว ประสาทสัมผัสของพวกเขาก็กลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง ทว่าสีหน้าของพวกเขากลับเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขามองเห็นสภาพแวดล้อมได้อย่างชัดเจน
มันเป็นโลกที่แปลกประหลาด ซึ่งมีเพียงสีขาวและสีดำเท่านั้น
ครึ่งหนึ่งเป็นสีดำดุจราตรี และอีกครึ่งเป็นสีขาวดั่งทิวากาล
ระหว่างสีขาวและสีดำดำเป็นเส้นตรงอย่างสมบูรณ์ ซึ่งแบ่งโลกออกเป็นสองส่วนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ในขณะนี้ กลุ่มของเฉินซียืนอยู่ในบริเวณที่มืดสนิทดุจราตรี และเส้นเขตแดนอยู่ตรงพวกเขาห่างออกไปร้อยยี่สิบจั้ง
อีกด้านหนึ่งของเส้นเขตแดนที่ขาวโพลนดุจกลางวัน กลุ่มของอาลูเย่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างน่าประหลาดใจ!
เราอยู่ที่ไหนกัน? เฉินซีและคนอื่น ๆ มีสีหน้าดำเคร่งเครียด พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าจะตกหลุมพรางของอาลูเย่ในชั่วพริบตา และถูกนำมายังโลกที่แปลกประหลาดนี้
หากเดาไม่ผิด โลกที่แปลกประหลาดนี้อาจก่อตัวขึ้นจากหนังสัตว์ร้ายโบราณที่ลึกลับ!
“หยินและหยางกลายเป็นโลก ในขณะที่ขาวและดำควบคุมชีวิตและความตาย ทุกคนระวังตัว นี่คือเขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณที่มีชื่อเสียงเลื่องลือจากยุคก่อน!” เจียหนานกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณ! มันเป็นการดำรงอยู่ที่ไม่คุ้นเคยสำหรับเฉินซีและคนอื่น ๆ แต่ในไม่ช้า เจียหนานก็อธิบายทุกอย่างผ่านกระแสปราณ
เพื่อป้องกันไม่ให้พลังทำลายล้างของการต่อสู้ส่งผลกระทบต่อโลกภายนอก และหลีกเลี่ยงการถูกแทรกแซงจากผู้อื่น เมื่อใดที่เกิดความขัดแย้งหรือการต่อสู้ระหว่างจ้าววิญญาณโบราณ พวกเขาจึงเลือกที่จะต่อสู้ภายในเขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณนี้
มีกฎที่เข้มงวดอย่างยิ่ง ซึ่งจำกัดผู้ที่อยู่ภายในเขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณ จ้าววิญญาณที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ขาวดำจะต้องสังหารคู่ต่อสู้ในพื้นที่อื่น เพื่อออกจากเขตแดน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อพวกเขาตัดสินใจต่อสู้ภายในเขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณ มันจะต้องจบลงด้วยความตายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากไม่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้ ทั้งสองฝ่ายก็จะถูกขังอยู่ที่นี่ชั่วนิรันดร์!
อาลูเย่ใช้เขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณเพื่อกักขังเฉินซีและคนอื่น ๆ ดังนั้นจุดประสงค์ย่อมเป็นการฆ่าพวกเขาให้สิ้น
อย่างไรก็ตาม เฉินซีรู้สึกงุนงงเล็กน้อย “หากเขาตั้งใจจะฆ่าเราก็ไม่เห็นต้องทำเช่นนี้เลย”
หรือว่าเราไม่สามารถต่อสู้ในโลกภายนอกได้?
หรือบางทีเขาอาจกังวลว่าการต่อสู้จะส่งผลกระทบต่อประตูแห่งวันโลกาวินาศ และทำให้เกิดเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้?
“หลวงจีน เจ้าช่างรอบรู้จริง ๆ ใช่แล้ว นี่คือเขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณ สายเลือดจ้าววิญญาณของข้ายืนหยัดและไม่เกรงกลัวผู้ใด ทั้งยังครองใต้หล้าด้วยการต่อสู้เสมอ แม้ว่าเราจะมาถึงยุคใหม่นี้แล้ว แต่เราจะไม่มีวันลืมมรดกที่สืบทอดกันมาในสายเลือดเรา”
ในบริเวณที่ขาวโพลนดุจกลางวัน อาลูเย่มีท่าทีหยิ่งผยอง สายตาคมปลาบดุจสายฟ้าแลบ ทั้งยังเผยให้เห็นเค้ากลิ่นอายของความยิ่งใหญ่
“ออกจะเกินไปหน่อยกระมัง” เฉินซีกล่าวเบา ๆ เพราะเขาถึงอันตรายในเขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณไม่ได้เลย
“ไม่เลย” อาลูเย่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “มีแต่ต่อสู้ที่นี่เท่านั้น เราถึงจะไม่สัมผัสกับพลังของประตูแห่งวันโลกาวินาศ”
เขาหยุดครู่หนึ่ง ก่อนที่จะมีรอยยิ้มเย็นเยียบจะปรากฏที่มุมปาก “แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือมีแต่ต้องต่อสู้ที่นี่เท่านั้น เราถึงจะมีโอกาสพอที่จะทำลายชะตาชีวิตของเจ้าได้!”
มันยังเป็นคำเดิมที่เขาได้กล่าวก่อนหน้านี้ ทว่าในขณะนี้ มันกลับแฝงจิตสังหารที่พุ่งตรงไปยังหัวใจ
เคร้ง!
เฉินซีซัดยันต์ศัสตราออกมา ขณะจับจ้องไปยังอาลูเย่และกล่าวอย่างใจเย็น “งั้นมาดูกันว่าใครจะสามารถออกจากเขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณได้กันแน่!”
“อย่าเพิ่งใจร้อนไป” อาลูเย่ก็หัวเราะเบา ๆ “ดีใจจริง ๆ ที่เจ้าอยากรีบร้อนหาที่ตายถึงเพียงนี้ แต่ข้าต้องเตือนเจ้าก่อน การต่อสู้ในเขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณนั่นมีข้อจำกัดอยู่”
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถามเจียหนานผ่านกระแสปราณเกี่ยวกับเขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณ ทว่าเจียหนานกลับส่ายหน้าเป็นเชิงว่าเขาเองไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้
ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นสมบัติจากยุคก่อน และเจียหนานเคยเห็นชื่อของมันเพียงในตำราเท่านั้น
ทว่าเจียหนานมั่นใจว่าแม้แต่กลุ่มของอาลูเย่ก็ไม่สามารถฝ่าฝืนข้อจำกัดของเขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากพ่ายแพ้ให้กับกลุ่มของเฉินซี พวกเขาก็จะต้องพินาศเช่นกัน!
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีมีความมั่นใจมากขึ้น แม้ว่าเขาไม่ทราบถึงเป้าหมายที่แท้จริงของอีกฝ่าย แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
“ใครจะไปก่อน?” ในขณะเดียวกัน อาลูเย่จ้องมองไปที่ร่างชุดคลุมดำ
“ข้าเอง” หนึ่งในนั้นก้าวไปข้างหน้า แล้วปลดเสื้อคลุมออกอย่างไม่ใส่ใจ และเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง
คนผู้นี้มีศีรษะเป็นงู! นัยน์ตาสีแดงเลือด มีเขาสีดำสนิทงอกออกมาจากศีรษะ เขี้ยวโค้งแหลมคู่หนึ่งโผล่พ้นริมฝีปาก ลิ้นยาวแดงตวัดเป็นจังหวะเหมือนงูจริง ๆ!
โครม!
ทันใดนั้น กลิ่นอายเย็นเยือกกวาดออกไป ฉีกกระชากเสื้อคลุมสีดำเป็นเศษเล็กเศษน้อย เผยร่างกายที่ถูกเกล็ดสีทองเข้มแวววาว
สิ่งที่แปลกก็คือ ร่างกายส่วนล่างของเขาไม่ใช่งู แต่เป็นขาคู่หนึ่งที่มีเกล็ดปกคลุมอยู่ สิ่งนี้ทำให้เขาดูน่ากลัวมาก
แค่เหลือบมองจ้าววิญญาณโบราณตนนั้นเพียงแวบเดียว ก็ทำให้ทุกคนรับรู้ว่าความแข็งแกร่งอันทรงพลัง ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายยังเปี่ยมล้นด้วยกลิ่นอายเย็นยะเยือก ดุร้าย และกระหายเลือด
กลิ่นอายอันน่าเกรงขามนี้เทียบได้กับจ้าวเอกภพ!
“อิงหลง เจ้าปรารถนาจะในชะตาชีวิตของใคร?” อาลูเย่หันไปถามสัตว์ประหลาดตนนั้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ทันใดนั้น เฉินซีและคนอื่น ๆ ขมวดคิ้ว ขณะที่ความโกรธอันอธิบายไม่ถูกก็ผุดขึ้นในใจของพวกเขา เพราะสิ่งนี้ทำให้รู้สึกเหมือนว่าพวกเขาเป็นนักโทษที่อีกฝ่ายจะฆ่าจะแกงอย่างไรก็ได้
“เจ้าสัตว์ประหลาด ถ้าเจ้าแน่จริง ก็มาสู้กับปู่ของเจ้าสิ!” สืออวี๋หัวเราะเยาะเย้ยและยั่วยุอิงหลง
“ข้าอยากเห็นจริง ๆ ว่ามันจะรู้สึกอย่างไรที่ได้แยกหัวงูของเจ้าออกจากกัน คงประเสริฐที่สุดถ้าข้าได้เป็นคนจัดการมัน!” เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น น้ำเสียงเปี่ยมจิตสังหาร
อิงหลงยังคงไม่คิดสนใจ ดวงตาสีแดงเลือดที่เย็นยะเยือกและมืดมนกวาดผ่านกลุ่มของเฉินซี ก่อนจะหยุดที่จ้าวชิงเหยา
ฟ่อ! ฟ่อ!
อิงหลงสะบัดลิ้นสีแดงสด เสียงของมันฟังดูเสียดหูและน่าสยดสยอง “ข้าชอบกลิ่นของหญิงสาวคนนี้”
เขาเลือกจ้าวชิงเหยาเป็นคู่ต่อสู้!
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...