บทที่ 1951 เต๋าศักดิ์สิทธิ์แห่งจุดจบ
………………..
บทที่ 1951 เต๋าศักดิ์สิทธิ์แห่งจุดจบ
โลหิตกระฉูดขึ้นสู่ฟ้า ขณะที่เฉินซียืนตระหง่านกับที่ ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนใด ๆ
ขณะเดียวกัน ใบหน้าของสั่วหลินบูดเบี้ยว แผดเสียงอย่างเจ็บปวด แขนถูกสะบั้นอย่างเฉียบขาด โลหิตสาดกระเซ็นทั่วทิศ ขณะที่แขนข้างนั้นสลายเป็นธุลีไป
มันน่าตกใจเพียงไร?
ในฐานะทายาทเผ่ามนตราภูตพรายแปดกร แขนของสั่วหลินกล่าวได้ว่าเป็นเหมือนคมดาบไร้เทียมทาน มิได้ด้อยไปกว่าสมบัติวิญญาณธรรมชาติชิ้นใด ทว่ามันกลับถูกกระบี่ของเฉินซีสะบั้นขาดในคราวเดียว!
“วอนตาย!” สั่วหลินเดือดดาลถึงขีดสุด เขาไม่อาจเชื่อลงว่าอำนาจต่อสู้ของเฉินซีจะท้าทายสวรรค์จนเพียงหนึ่งปราณกระบี่ก็ทำลายแขนของเขาได้ข้างหนึ่งเช่นนี้
ทว่าแม้อาลูเย่และคณะจะตกใจกันเล็กน้อยเมื่อเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้ พริบตาต่อมา พวกเขาก็ชักสีหน้าขมวดคิ้วมุ่น
หนึ่งในนั้นกระทั่งตะโกนลั่น “สั่วหลิน นี่ไม่สมเป็นเจ้าเลยนะ หรือเจ้าจะตั้งใจยอมแพ้!”
“หุบปาก!” สั่วหลินแผดเสียงด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว
ทันใดนั้น หนึ่งเหตุการณ์ก็บังเกิด แขนข้างใหม่งอกจากจุดที่สั่วหลินบาดเจ็บอย่างเฉียบพลัน คมกริบไร้เทียมทาน!
“นี่….” สีหน้าของสืออวี๋และคณะหมองลง ความตื่นเต้นในใจถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจและงุนงง งอกแขนข้างใหม่? หรือเขาจะมีความสามารถเดียวกับเลี่ยฝูหลัวแห่งเผ่ามนตราอัคคีอนันต์?
“เมื่อครู่ข้าบอกไปแล้ว แม้ไม่เหมือนเทพอสูรในยุคปัจจุบัน แต่จ้าววิญญาณโบราณทั้งหลายนี้กล่าวได้ว่าเป็นผู้ขัดเกลากายาที่แท้จริง” เจียหนานขมวดคิ้วกล่าวเตือน “ผู้ขัดเกลากายาฟื้นชีพจากหยดเลือด หรือกระทั่งหนึ่งคำนึงได้ ดังนั้นพวกเขาจึงร้ายกาจสุดขั้ว ยิ่งมิต้องพูดถึงว่าจ้าววิญญาณโบราณเหล่านี้ต่างมีความสามารถเลิศล้ำสูงส่ง!”
เป็นเช่นคำพูดของเจียหนาน เทียบกับผู้ขัดเกลากายาในยุคปัจจุบันแล้ว จ้าววิญญาณโบราณทั้งหลายเหล่านี้มีอำนาจแข็งแกร่งสารพัดเกินเข้าใจ
เช่นเลี่ยฝูหลัวแห่งเผ่ามนตราอัคคีอนันต์มีโลหิตคงกระพัน ทำให้เขาไม่อาจถูกสังหารได้
สั่วหลินแห่งเผ่ามนตราภูตพรายแปดกรมีแปดแขนอันคมกริบดุจศาสตรา มิได้อ่อนแอไปกว่าสมบัติวิญญาณธรรมชาติใด ๆ
ขณะเดียวกัน แม้ผู้ขัดเกลากายาในยุคสมัยปัจจุบันทั้งหลายจะมีฤทธิ์เดชเลิศล้ำอย่างร่างแปลงสวรรค์และอวตารเทพ ทุกทักษะล้วนถูกบ่มเพาะ มิได้มีมาแต่เกิด ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้ว มันจึงด้อยชั้นกว่าจ้าววิญญาณโบราณมากนัก
ขณะนี้ เฉินซีดูจะตระหนักทราบแล้วเช่นกัน ทว่าสีหน้ายังคงเยือกเย็นเฉยชา จิตสังหารในดวงตาหาได้ลดทอนไม่
ลำแสงคมปลาบเรืองรองหนาแน่นจนดูเหมือนค่ายกลดาบ กระทั่งปั่นโลกหล้าแหลกเป็นเสี่ยง ฟ้าดินหวนไห้ ฤทธาน่าสะพรึงกลัวดูประหนึ่งจะบดขยี้สรรพสิ่ง!
น่าเสียดายที่ทั้งหมดนี้ หาเป็นภัยคุกคามต่อเฉินซีไม่
ฉับ!
ขณะเดียวกับที่สั่วหลินลงมือ ยันต์ศัสตราในมือก็สะท้าน วูบไหวไปเบื้องหน้าเช่นลำแสง
เปรี้ยง!
เสียงกระทบดังสนั่นหล้า สุญตาทั่วทิศถล่มสูญ รัศมีศักดิ์สิทธิ์เรืองรองสาดส่อง โลกหล้าเต็มไปด้วยภาพความโกลาหล ขณะที่การโจมตีของสั่วหลินถูกการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวนี้ขยี้ไปสิ้น!
ฉับ!
โลหิตสดกระฉูดสู่เวหา สั่วหลินมิอาจหลบทัน แขนสองข้างถูกสับออกอย่างพร้อมเพรียง สลายหายเป็นละอองเลือด ขณะที่ร่างถูกฟาดกระเด็นไปอย่างแรง
ยามเห็นเหตุการณ์นี้ สีหน้าของอาลูเย่และคณะก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในที่สุด พวกเขาเริ่มประเมินอำนาจต่อสู้ของเฉินซีกันใหม่!
“แค้นนัก! คนชั่วต่ำต้อย! เจ้าฆ่าข้ามิได้หรอก!” สั่วหลินแผดเสียงคำรามสะท้านแดนด้วยความเจ็บปวดสาหัสที่เขาประสบ ใบหน้ากระทั่งบิดเบี้ยว
ฉับ!
สองแขนใหม่ดุจคมมีดงอกออกมาจากจุดเดิมที่มันถูกสะบั้น!
นี่คือเหตุผลที่จ้าววิญญาณโบราณน่าสะพรึงกลัวนัก พวกเขามีความสามารถไม่ด้อยไปกว่าจ้าวเอกภพ และในเมื่อสามารถอยู่รอดยามยุคก่อนถูกทำลายมาได้ ก็นับเป็นหัวกะทิในหมู่หัวกะทิ ยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ
ประกอบกับการขัดเกลากายาอันน่าสะพรึงกลัว ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาแข็งแกร่งสูงล้ำเพียงไร
ก่อนหน้านี้ เหตุผลที่จ้าวชิงเหยา คงโหยวหราน เย่เฉิน และอวี้จิ่วหุยต่างแพ้พ่ายอย่างน่าเวทนา และถูกจับเป็นเชลยตามกันนั้นก็เพราะพวกเขาเพิ่งบรรลุเป็นจ้าวเอกภพ วิธีการต่อสู้และความสามารถศึกเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น แม้พวกเขาจะแข็งแกร่งสุดขั้ว แต่นั่นก็เป็นอำนาจใหม่สำหรับพวกเขา ไม่อาจควบคุมพลิกแพลงอย่างเต็มที่ได้อยู่ดี
ในทางกลับกัน จ้าววิญญาณโบราณใช้ชีวิตมาเนิ่นนาน ประวัติศาสตร์ของพวกเขากระทั่งสืบสาวกลับสู่ยุคก่อนได้ ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นการยากยิ่งที่พวกจ้าวชิงเหยาจะต่อกรจ้าววิญญาณโบราณเหล่านี้ได้
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเฉินซีหารวมอยู่ในหมู่พวกเขาไม่
ชายหนุ่มแปรสภาพดูดซับพลังภายในแก่นแท้เอกภพทั้งเก้าไปแล้ว และยังก่อราชผกายม่วงทองอันเป็นเอกลักษณ์เหนือดวงวิญญาณ
ประกอบกับการแปรสภาพการบ่มเพาะเต๋าแห่งกระบี่ แม้เขาในยามนี้จะยังเป็นเพียงจักรพรรดิหนึ่งดารา แต่อำนาจต่อสู้ในภาพรวมเหนือล้ำเกินสหาย บรรยายได้เพียงท้าทายสวรรค์!
ยังไม่รวมที่เขาถือครองหนึ่งอำนาจอันร้ายกาจดุจข้อห้าม พลังแห่งจุดจบ!
…
ฆ่า!
สั่วหลินเดือดจัด โจมตีออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง ทั่วทั้งแท่นสังเวยปกคลุมด้วยรัศมีเย็นเยียบ ประหนึ่งจะทำลายสรรพสิ่งที่ขวางหน้า
น่าสะพรึงกลัวเหนือใด!
หากตัวตนเช่นนี้เข้าไปในแดนเทพโบราณ เขาก็น่าจะบดขยี้ได้กระทั่งจ้าวเอกภพ ลือนามโดดเด่นมาแสนนาน!
ทว่าคู่ต่อสู้ของเขาคือยอดอัจฉริยะอันมิอาจใช้สามัญสำนึกใด ๆ มาตัดสิน ศึกนี้จึงย่อมไม่ธรรมดา
วูบ!
การกระทำดูชวนพิศวงและกะทันหันอย่างยิ่ง เพราะถึงอย่างไร นี่คือการต่อสู้ ประมาทเพียงนิดก็อาจพาไปสู่สถานการณ์ชวนสิ้นหวัง
แต่เฉินซีกลับ… หยุดโจมตี!
“ฆ่า!” ยามเห็นเช่นนี้ สั่วหลินหรือจะปล่อยโอกาสงามให้หลุดลอย? เขาแผดเสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียม สะบัดแขนทั้งแปดสาดประกายเสียดแหลมออกมาทันที
ทว่าการเคลื่อนไหวของเขาพลันชะงัก!
รัศมีคมกริบที่เพิ่งปลดปล่อยออกมาดูเหมือนนิ่งค้างกับที่ ตัวเขาชะงักงันกลางอากาศ กระทั่งสีหน้ายังค้างคาไม่เปลี่ยนแปลง
ดุจเป็นรูปปั้น
เหตุนี้ดูพิกลอย่างยิ่ง ทันทีที่เฉินซีหยุดโจมตี ร่างของสั่วหลินก็ชะงักงัน สิ่งนี้ทำให้ทุกผู้นอกสมรภูมิเบิกตากว้าง รู้สึกตกตะลึงยิ่ง
เกิดอะไรขึ้น?
ทั้งหมดนี้ใช้เวลาสาธยายแสนนาน ทว่าแท้จริงเกิดขึ้นในพริบตา ก่อนที่พวกเขาจะทันฟื้นจากความตะลึง เสียงปริแตกก็ดังถี่กระชั้นเช่นรัวกลอง
หลังจากนั้น พวกเขาก็ต้องผงะเมื่อพบว่าทั่วร่างของสั่วหลินเหมือนถูกหมื่นคมมีดกรีดเฉือน ทั้งแขนขา ศีรษะ ร่างกาย… ทุกสิ่งล้วนระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา!
สำหรับผู้ขัดเกลากายา แม้ร่างเนื้อจะถูกทำลาย พวกเขาก็ยังฟื้นตัวสมบูรณ์ได้แม้เหลือเพียงเสี้ยวคำนึง
ทว่าขณะนี้ ไม่เพียงเลือดเนื้อของสั่วหลินไร้การคืนประสาน พวกมันกลับเริ่มสูญสลายทีละน้อยกลางอากาศ ก่อนจะกลายเป็นสุญตาไปอย่างสมบูรณ์!
กระทั่งวิญญาณ พลัง และแก่นแท้ยังดับสิ้น ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย!
หนึ่งตัวตนน่าสะพรึงกลัวในหมู่จ้าววิญญาณโบราณตกตายไปเช่นนั้น ไม่มีแม้แต่เสียงร้องสักแอะ….
เหตุพิกลเช่นนี้ทำให้อาลูเย่และคณะตกใจเสียจนเบิกตากว้าง จังงังนิ่งค้างอย่างสุดเหลือเชื่อ
มิเพียงพวกเขา สืออวี๋และคณะก็สูดหายใจเฮือก ตกตะลึงเกินครั้งใดไม่ต่างกัน
เจ้านั่น… ตายเช่นไรกันแน่?
ไร้ผู้ใดให้คำตอบแก่คำถามนี้ได้
เพราะเหตุนี้เอง มันจึงน่าตกใจเกินธรรมดา
เนิ่นนานจากนั้น บนแท่นสังเวยก็ยังไร้การเคลื่อนไหว สั่วหลินสูญสลายไร้สัญญาณคืนชีวิต สิ่งนี้ทำให้อาลูเย่และคณะแน่ใจได้เสียทีว่าสั่วหลินตายแล้วจริง ๆ! มิใช่เพียงร่างถูกทำลาย กระทั่งคำนึงและสรรพสิ่งในปกครองล้วนถูกลบสิ้น!
“จุดจบ! เป็นจุดจบจริง ๆ ด้วย…. เจ้านี่มิเพียงบรรลุเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบ ยังบ่มเพาะมันจนบรรลุเต๋าศักดิ์สิทธิ์แห่งจุดจบแล้ว!” อาลูเย่พึมพำ ขณะที่ประกายสีแดงเลือดชวนผวายิ่งฉายชัดในดวงตา
เขาสังเกตเช่นนี้ยามเฉินซีสังหารเลี่ยฝูหลัวในกาลก่อน แต่ยามนั้น….

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...